หน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศ และตำรวจสน.ดอนเมือง ขึ้นไปนำตัวผู้โดยสารที่ชักมีดปอกผลไม้ออกมาถือโชว์ลงมาจากเครื่องบินที่ขอลงฉุกเฉินได้แล้ว โดยไม่มีการใช้กำลัง แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมให้การและพูดจาใดๆ ตรวจสอบประวัติ ไม่พบเป็นแนวร่วมก่อการร้าย คุมส่งตัวกลับบังคลาเทศทันที ในขณะที่เครื่องบินลำดังกล่าว เหินฟ้าไปก่อนหน้านี้แล้ว การท่าฯแถลงยัน ไม่ใช่เหตุการณ์ “ไฮแจ็ค” หรือ “ก่อการร้าย”
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 ร่วมกันแถลงถึงเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบิน จีเอ็มจี ของประเทศบังกลาเทศ ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดย พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.15 น.ทางหอบังคับการบินท่าอากาศยานดอนเมือง ได้รับแจ้งจากสายการบิน จีเอ็มจี เที่ยวบินจีเอ็มจี 042 จากต้นทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปยังกรุงดักการ์ได้แจ้งขอลงฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เนื่องจากพบว่า มีผู้โดยสารพกอาวุธมีดอยู่บนเครื่อง ทางหอบังคับการบินจึงได้อนุญาตให้นำเครื่องลงจอดทางทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง โดย กัปตัน เอ คอร์แนล ได้แจ้งว่า ระหว่างที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวอยู่บนเครื่อง ได้นั่งฉีกกระดาษโดยไม่ยอมพูดกับผู้ใด และต่อมาได้นำมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว ออกมาหั่นผลไม้ โดยไม่ได้ทำร้ายผู้ใด นักบินจึงแจ้งขอลงฉุกเฉินที่ท่าอากาศของประเทศไทย
พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า ในครั้งแรก ทางสายการบินจีเอ็มจี เที่ยวบินดังกล่าว ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่เนื่องจากทางท่าอากาศยานดอนเมือง ได้มีการจัดเตรียมแผนและความพร้อมในการรองรับเหตุจี้เครื่องบินไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว จึงได้ประสานให้มาลงจอดยังท่าอากาศยานดอนเมือง จากนั้น ทางตำรวจท้องที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองทัพอากาศ ได้เข้าไปนำตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวมาสอบสวน โดยนำตัวลงมาจากเครื่อง โดยไม่มีการใช้กำลัง จากนั้น นำตัวไปซักถามสอบสวนร่วมกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองทัพอากาศ ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ซึ่งทราบต่อมาชื่อ นายฮารัน ลาชิต ฮัสซัน อาลี สัญชาติบังกลาเทศ ถือหนังสือเดินทางเลขที่ Z 0765227 อายุ 25 ปี พร้อมมีดปอกผลไม้ ยาว 4-5 นิ้ว ที่เจ้าตัวนำใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องไปเอง แต่จากการตรวจสอบตรวจค้นไม่เจอ ส่วนในกระเป๋าของนายฮัสซัน มีแต่ของใช้ส่วนตัว ไม่พบวัตถุต้องสงสัยอย่างอื่น
“จากการสอบสวน นายฮัสซันยังไม่ยอมให้การอะไร ไม่เรียกร้องอะไร ดูอาการมึนๆ เฉยๆ และเป็นเพียงคนเดียวในผู้โดยสาร 60 กว่าคนที่สวมหมวกมุสลิม เมื่อถามอะไรก็ไม่พูดจาก แต่ภายหลังยอมพูดเป็นภาษาพื้นเมืองของบังกลาเทศบ้าง ส่วนมีดของกลาง นาายฮัสซัน ไม่ได้นำมาข่มขู่ใคร เพียงแต่เอาขึ้นมาให้เห็น ทางเจ้าหน้าที่บนเครื่อง เข้าไปสอบถามก็ไม่ยอมพูด เจ้าหน้าที่จึงเกิดความไม่แน่ใจ เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จึงประสานขอลงฉุกเฉินมา” พล.อ.ท.ชนะ กล่าว
พล.อ.ท.ชนะ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ จะนำตัว นายฮัสซัน ให้ตำรวจนำตัวส่งไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้สายการบินจีเอ็มจี ส่งตัวกลับไปยังประเทศบังกลาเทศทันที โดยไม่มีการแจ้งข้อหา เนื่องจากไม่มีการทำร้ายร่างกาย อีกทั้งอาวุธก็ไม่ใช่อาวุธร้ายแรง เป็นเพียงแค่มีดปอกผลไม้เท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายฮัสซัน ผู้โดยสารรายนี้ในเบื้องต้น พบว่า ทำอาชีพส่วนตัว และเพิ่งเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลย์เซียได้เพียง 3 เดือน โดยพบว่า มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นที่ประเทศมาเลเซียด้วย และคาดว่า นายฮัสซันน่าจะเดินทางกลับบังคลาเทศ เพราะอยู่ครบกำหนดตามวีซ่าแล้ว ส่วนประวัติการก่อการร้ายนั้น จากการตรวจสอบไม่พบว่า นายฮัสซันมีประวัติแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกวิตกกังวลอะไรหรือไม่ พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า ทางไทยเรา มีแผนป้องกันการก่อการร้ายอยู่แล้ว เป็นแผนแม่บท เริ่มจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ลงมาจนถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด และศูนย์ปฏิบัติการทุกเหล่าทัพ ทุกอย่างมีขั้นตอนอยู่แล้ว ในวันนี้ ได้แจ้งทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ และตำรวจท้องที่ ให้เข้าไปร่วมตรวจสอบไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน หรือก่อการร้าย ส่วนสาเหตุที่ให้มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ก็เนื่องจากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้คนพลุกพล่าน หากเกิดเหตุแล้ว พื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เอื้ออำนวย ส่วนที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นพื้นที่โล่ง การรักษาความปลอดภัยนั้นง่ายกว่า จึงให้มาลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังเครื่องบินสายการบินจีเอ็มจี เที่ยวบินดังกล่าว ลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และจอดอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง กัปตันได้นำเครื่องบินต่อไปยังกรุงดักการ์ทันที ส่วนนายฮัสซันนั้น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้นำตัวไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้สายการบินจีเอ็มจี ดำเนินการส่งตัวกลับไปยังประเทศบังคลาเทศในวันนี้ต่อไป
วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 ร่วมกันแถลงถึงเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบิน จีเอ็มจี ของประเทศบังกลาเทศ ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดย พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.15 น.ทางหอบังคับการบินท่าอากาศยานดอนเมือง ได้รับแจ้งจากสายการบิน จีเอ็มจี เที่ยวบินจีเอ็มจี 042 จากต้นทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปยังกรุงดักการ์ได้แจ้งขอลงฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เนื่องจากพบว่า มีผู้โดยสารพกอาวุธมีดอยู่บนเครื่อง ทางหอบังคับการบินจึงได้อนุญาตให้นำเครื่องลงจอดทางทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง โดย กัปตัน เอ คอร์แนล ได้แจ้งว่า ระหว่างที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวอยู่บนเครื่อง ได้นั่งฉีกกระดาษโดยไม่ยอมพูดกับผู้ใด และต่อมาได้นำมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว ออกมาหั่นผลไม้ โดยไม่ได้ทำร้ายผู้ใด นักบินจึงแจ้งขอลงฉุกเฉินที่ท่าอากาศของประเทศไทย
พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า ในครั้งแรก ทางสายการบินจีเอ็มจี เที่ยวบินดังกล่าว ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่เนื่องจากทางท่าอากาศยานดอนเมือง ได้มีการจัดเตรียมแผนและความพร้อมในการรองรับเหตุจี้เครื่องบินไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว จึงได้ประสานให้มาลงจอดยังท่าอากาศยานดอนเมือง จากนั้น ทางตำรวจท้องที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองทัพอากาศ ได้เข้าไปนำตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวมาสอบสวน โดยนำตัวลงมาจากเครื่อง โดยไม่มีการใช้กำลัง จากนั้น นำตัวไปซักถามสอบสวนร่วมกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองทัพอากาศ ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ซึ่งทราบต่อมาชื่อ นายฮารัน ลาชิต ฮัสซัน อาลี สัญชาติบังกลาเทศ ถือหนังสือเดินทางเลขที่ Z 0765227 อายุ 25 ปี พร้อมมีดปอกผลไม้ ยาว 4-5 นิ้ว ที่เจ้าตัวนำใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องไปเอง แต่จากการตรวจสอบตรวจค้นไม่เจอ ส่วนในกระเป๋าของนายฮัสซัน มีแต่ของใช้ส่วนตัว ไม่พบวัตถุต้องสงสัยอย่างอื่น
“จากการสอบสวน นายฮัสซันยังไม่ยอมให้การอะไร ไม่เรียกร้องอะไร ดูอาการมึนๆ เฉยๆ และเป็นเพียงคนเดียวในผู้โดยสาร 60 กว่าคนที่สวมหมวกมุสลิม เมื่อถามอะไรก็ไม่พูดจาก แต่ภายหลังยอมพูดเป็นภาษาพื้นเมืองของบังกลาเทศบ้าง ส่วนมีดของกลาง นาายฮัสซัน ไม่ได้นำมาข่มขู่ใคร เพียงแต่เอาขึ้นมาให้เห็น ทางเจ้าหน้าที่บนเครื่อง เข้าไปสอบถามก็ไม่ยอมพูด เจ้าหน้าที่จึงเกิดความไม่แน่ใจ เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จึงประสานขอลงฉุกเฉินมา” พล.อ.ท.ชนะ กล่าว
พล.อ.ท.ชนะ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ จะนำตัว นายฮัสซัน ให้ตำรวจนำตัวส่งไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้สายการบินจีเอ็มจี ส่งตัวกลับไปยังประเทศบังกลาเทศทันที โดยไม่มีการแจ้งข้อหา เนื่องจากไม่มีการทำร้ายร่างกาย อีกทั้งอาวุธก็ไม่ใช่อาวุธร้ายแรง เป็นเพียงแค่มีดปอกผลไม้เท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติ นายฮัสซัน ผู้โดยสารรายนี้ในเบื้องต้น พบว่า ทำอาชีพส่วนตัว และเพิ่งเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลย์เซียได้เพียง 3 เดือน โดยพบว่า มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นที่ประเทศมาเลเซียด้วย และคาดว่า นายฮัสซันน่าจะเดินทางกลับบังคลาเทศ เพราะอยู่ครบกำหนดตามวีซ่าแล้ว ส่วนประวัติการก่อการร้ายนั้น จากการตรวจสอบไม่พบว่า นายฮัสซันมีประวัติแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกวิตกกังวลอะไรหรือไม่ พล.อ.ท.ชนะ กล่าวว่า ทางไทยเรา มีแผนป้องกันการก่อการร้ายอยู่แล้ว เป็นแผนแม่บท เริ่มจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ลงมาจนถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด และศูนย์ปฏิบัติการทุกเหล่าทัพ ทุกอย่างมีขั้นตอนอยู่แล้ว ในวันนี้ ได้แจ้งทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ และตำรวจท้องที่ ให้เข้าไปร่วมตรวจสอบไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน หรือก่อการร้าย ส่วนสาเหตุที่ให้มาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ก็เนื่องจากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้คนพลุกพล่าน หากเกิดเหตุแล้ว พื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่เอื้ออำนวย ส่วนที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นพื้นที่โล่ง การรักษาความปลอดภัยนั้นง่ายกว่า จึงให้มาลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังเครื่องบินสายการบินจีเอ็มจี เที่ยวบินดังกล่าว ลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และจอดอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง กัปตันได้นำเครื่องบินต่อไปยังกรุงดักการ์ทันที ส่วนนายฮัสซันนั้น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้นำตัวไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้สายการบินจีเอ็มจี ดำเนินการส่งตัวกลับไปยังประเทศบังคลาเทศในวันนี้ต่อไป
