รวบนายหน้าค้าอาวุธให้กลุ่มกบฏ “พยัคฆ์ทมิฬอีแลม” กลางกรุง

รวบนายหน้าค้าอาวุธให้กลุ่มกบฏ “พยัคฆ์ทมิฬอีแลม” หลังหนีกบดานแอบเปิดธุรกิจซักรีดบังหน้า ในไทย ความแตกจ่ายเช็คเด้งถูกรวบตัวเตรียมส่งกลับให้ทางการบังกลาเทศดำเนินคดี

วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ต.ปิโยรส กัณหะสิริ สว.สส.สน.ลุมพินี พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี แถลงข่าวจับกุม นายฮีลาล อัคเบอร์ เชาว์ตูรี อายุ 34 สัญชาติบังกลาเทศ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ 1293/2551 ลงวันที่ 28 เม.ย.2551 ข้อหาออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่แล้วและบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาไม่ใช้เงิน ภายในห้องพักเลขที่ 465 ซอยอ่อนนุช 54 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม.โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ผู้ต้องหาพยายามขัดขืนต่อสู้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้

สอบสวน นายฮีลาล อัคเบอร์ ให้การรับสารภาพว่า ได้เข้ามาอยู่ประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย โดยเปิดบริษัทชื่อ บริษัท โฟร์เฟรนท์ แอกโซซิเอก และบริษัท ริโต โลจิสติกส์ ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิทซอย 1 และสุขุมวิทซอย 3 ทำธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาผ้าจากโรงแรมต่างๆ มาซักทำความสะอาด โดยที่ตนมีชื่อเป็นประธานกรรมการของทั้ง 2 บริษัทอีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ตนได้รับเหมาประมูลผ้ามาจากโรงแรมต่างๆ แล้ว ก็ได้ส่งให้ร้านรับจ้างซักต่างๆ ประมูลไปซักต่อ หลังจากนั้น ตนก็ได้ออกเช็คเด้งให้กับร้านรับจ้างซักต่างๆ จนผู้เสียหายได้ทยอยกันเข้าแจ้งความ กระทั่งตนถูกจับกุมได้ดังกล่าว

ด้าน พ.ต.ต.ปิโยรส กล่าวว่า หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา โดยได้ประสานไปยัง สตม.กองกำกับการตำรวจสันติบาล และสถานทูตบังกลาเทศประจำประเทศไทย ก็พบว่าผู้ต้องหาได้ก่อคดี ฆาตกรรม กรรโชกทรัพย์ และค้าอาวุธสงคราม ในประเทศบังกลาเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นคนจัดหาอาวุธสงครามพร้อมกับวัตถุระเบิดให้กับ กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแรม ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในประเทศศรีลังกา นอกจากนี้ยังเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทางการบังคลาเทศต้องการตัวมากที่สุดอีกด้วย

“หลังจากได้ก่อคดีที่ประเทศบังคลาเทศแล้วผู้ต้องหาก็ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยถือหนังสือเดินทางของประเทศบังกลาเทศ เล่มที่ v06177 และเปิดธุรกิจบังหน้าหลายแห่งใน กทม.นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังให้การรับสารภาพต่ออีกว่าตนจะเป็นคนจัดหาที่พักให้กับชาวบังกลาเทศที่หลบหนีเข้ามาอยู่เมืองไทยอีกด้วย หลังจากนี้ จะได้ประสานไปยังสถานทูตของบังกลาเทศในประเทศไทยเตรียมส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีในประเทศบังกลาเทศ หลังจากสิ้นสุดการดำเนินคดีในประเทศไทยแล้ว” พ.ต.ต.ปิโยรส กล่าว