ตำรวจกองปราบปรามตามจับหนุ่มเชียงใหม่ แชต msn กับนักธุรกิจแม่หม้ายจนสนิทสนมแล้วแอบถ่ายคลิประหว่างมีเพศสัมพันธ์ไว้แบล็กเมล์ เรียกเงินถึง 1 ล้านบาท ขู่จะนำภาพส่งไปประจานที่โรงเรียนลูก สุดท้ายหนีจากเหนือลงใต้ แต่ถูกตามรวบตัวได้สำเร็จ
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น.พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม รอง ผบก.ป.แถลงข่าวข่าวจับกุมผู้ต้องหาถ่ายคลิปแบล็กเมล์ โดย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.ฝป.10 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายพีรพงษ์ พรภิรมย์ภักดี หรือ พลภัทร ณ ลำพูน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/3 ถนนกู่เต้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง แผ่นซีดี 17 แผ่น ซิมการ์ดโทรศัพท์ 6 อัน และเงินสดอีกจำนวน 21,280.25 บาท โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 7/92 หมู่ 2 บ้านบางบอน ต.บางบอน อ.เมือง จ.ระนอง
พ.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา น.ส.หน่อย (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ให้ช่วยติดตามจับกุมนายพีรพงษ์ ที่ใช้นามแฝงว่า “007 chiangmai” นำภาพโป๊ของตัวเองส่งมาให้ทางอีเมล และอดีตสามี โดยข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้ทรัพย์สินจะนำภาพและคลิปวิดีโอที่แอบถ่ายไว้ไปเผยแพร่ในโรงเรียนอนุบาลที่บุตรผู้เสียหายเรียนอยู่ น.ส.หน่อย กลัวอับอายจึงจ่ายเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกประจาน ต่อมาผู้ต้องหาก็ยังส่งภาพดังกล่าวมาที่บ้านของผู้เสียหายอีก จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
น.ส.หน่อย กล่าวว่า ตนทำธุรกิจขายสินค้าส่งไปจำหน่ายทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้เคยแต่งงานจนมีลูก 2 คน แต่ได้หย่าร้างกับสามี โดยตนเป็นผู้เลี้ยงดูลูกเอง ต่อมาได้รู้จักกับนายพีรพงษ์ ผู้ต้องหา และติดต่อกันทาง msn จนเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง โดยนายพีรพงษ์อ้างว่าประกอบอาชีพไกด์ และพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่
“หลังภาพดังกล่าวถูกส่งมาฉันเกิดความเครียดมาก กลัวอับอาย ถึงขั้นคิดจะทำร้ายตัวเองแต่ก็สงสารลูกๆ จึงนำเรื่องมาแจ้งความกับตำรวจ” น.ส.หน่อย กล่าว
ด้าน นายพีรพงษ์ รับสารภาพว่า เป็นนักวิทยุสมัครเล่นอยู่ที่เชียงใหม่ และรับจ้างทวงหนี้ด้วย ต่อมาได้เดินทางมาทำงานที่ประตูน้ำ กรุงเทพฯ และได้รู้จักกับผู้เสียหาย จากนั้นก็ติดต่อกันทางโปรแกรมแชตเอ็มเอสเอ็นเรื่อยมา กระทั่งมีสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ซึ่งผู้เสียหายก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนมีภรรยาอยู่ แต่ก็ยังแอบไปมีสัมพันธ์กันลับๆ
“หลังจากคบหากันมาได้สักระยะ ผู้เสียหายพยายามตีตัวออกห่างจึงเกิดความโกรธแค้น วางแผนซ่อนกล้องเพื่อบันทึกภาพช่วงที่หลับนอนด้วยกัน ก่อนจะนำคลิปไปเผยแพร่ให้คนใกล้ตัวผู้เสียหายได้รู้ ซึ่งตนได้เตรียมการไว้โดยทำสำเนาซีดีไว้แล้วหลายแผ่น เพื่อใส่ซองส่งไปทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้า และครอบครัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ ไม่เคยข่มขู่เรียกทรัพย์สินจากผู้เสียหายตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาก่อนหน้านี้มีสร้อยคอทองคำ และพระเลี่ยมทองหลายเส้น ซึ่งตนได้นำไปขายตามร้านทองต่างๆ หมดแล้วได้เงินมาประมาณ 1 แสนบาทเท่านั้น” นายพีรพงษ์ กล่าว
นายพีรพงษ์ กล่าวอีกว่า ไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่ เพราะตอนแรกข้อมูลที่แอบถ่ายไว้นั้นตนได้ลบไปหมดแล้ว เพราะคิดว่าตกลงกับผู้เสียหายให้จบลงได้ด้วยดีแล้ว แต่ต่อมาทราบว่าผู้เสียหายยังไม่ยอมจบ จึงนำการ์ดบันทึกข้อมูลไปให้ร้านคอมพิวเตอร์กู้ข้อมูลจริง แต่ไม่ทราบว่าภาพดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร ช่วงที่ตนกำลังเตรียมจะเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว ตนก็ระแคะระคายมาว่าตำรวจกำลังตามจับอยู่ตน จึงหนีจากเชียงใหม่ลงใต้ไปหลายจังหวัด และเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด รวมทั้งเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ด้วยแต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด
“ผมยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้แอบถ่ายคลิปไว้จริง และเตรียมที่จะเผยแพร่ เพราะแค้นที่ผู้เสียหายตีจากและอยากให้กลับมาคืนดีกัน แต่ตนไม่เคยไปเรียกเงินจากผู้เสียหายแต่อย่างใด จึงอยากฝากไปยังผู้ใดก็ตามที่คิดจะทำแบบนี้ก็ให้เลิกเสีย เพราะขนาดตนซึ่งมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มาพอสมควรยังถูกตามจับตัวมาได้” นายพีรพงษ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อยากให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์แก่คนทั่วไป ไม่เฉพาะกับวัยรุ่นที่ใช้อินเทอร์เน็ต หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ ว่าหากกระทำผิดก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี และไม่ว่าจะมีความรู้ทางเทคโนโลยีมากเพียงใดก็ไม่สามารถหนีรอดการจับกุมไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากรรโชก, เพื่อการแสดงอวดอ้างแก่ประชาชน ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ รูปถ่าย หรือสิ่งอื่นใดอันลามก และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ต่อนายพีรพงษ์ต่อไป
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น.พ.ต.อ.สมยศ พรหมนิ่ม รอง ผบก.ป.แถลงข่าวข่าวจับกุมผู้ต้องหาถ่ายคลิปแบล็กเมล์ โดย พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.ฝป.10 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายพีรพงษ์ พรภิรมย์ภักดี หรือ พลภัทร ณ ลำพูน อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/3 ถนนกู่เต้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง แผ่นซีดี 17 แผ่น ซิมการ์ดโทรศัพท์ 6 อัน และเงินสดอีกจำนวน 21,280.25 บาท โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 7/92 หมู่ 2 บ้านบางบอน ต.บางบอน อ.เมือง จ.ระนอง
พ.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา น.ส.หน่อย (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ให้ช่วยติดตามจับกุมนายพีรพงษ์ ที่ใช้นามแฝงว่า “007 chiangmai” นำภาพโป๊ของตัวเองส่งมาให้ทางอีเมล และอดีตสามี โดยข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้ทรัพย์สินจะนำภาพและคลิปวิดีโอที่แอบถ่ายไว้ไปเผยแพร่ในโรงเรียนอนุบาลที่บุตรผู้เสียหายเรียนอยู่ น.ส.หน่อย กลัวอับอายจึงจ่ายเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกประจาน ต่อมาผู้ต้องหาก็ยังส่งภาพดังกล่าวมาที่บ้านของผู้เสียหายอีก จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว
น.ส.หน่อย กล่าวว่า ตนทำธุรกิจขายสินค้าส่งไปจำหน่ายทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้เคยแต่งงานจนมีลูก 2 คน แต่ได้หย่าร้างกับสามี โดยตนเป็นผู้เลี้ยงดูลูกเอง ต่อมาได้รู้จักกับนายพีรพงษ์ ผู้ต้องหา และติดต่อกันทาง msn จนเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง โดยนายพีรพงษ์อ้างว่าประกอบอาชีพไกด์ และพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่
“หลังภาพดังกล่าวถูกส่งมาฉันเกิดความเครียดมาก กลัวอับอาย ถึงขั้นคิดจะทำร้ายตัวเองแต่ก็สงสารลูกๆ จึงนำเรื่องมาแจ้งความกับตำรวจ” น.ส.หน่อย กล่าว
ด้าน นายพีรพงษ์ รับสารภาพว่า เป็นนักวิทยุสมัครเล่นอยู่ที่เชียงใหม่ และรับจ้างทวงหนี้ด้วย ต่อมาได้เดินทางมาทำงานที่ประตูน้ำ กรุงเทพฯ และได้รู้จักกับผู้เสียหาย จากนั้นก็ติดต่อกันทางโปรแกรมแชตเอ็มเอสเอ็นเรื่อยมา กระทั่งมีสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ซึ่งผู้เสียหายก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนมีภรรยาอยู่ แต่ก็ยังแอบไปมีสัมพันธ์กันลับๆ
“หลังจากคบหากันมาได้สักระยะ ผู้เสียหายพยายามตีตัวออกห่างจึงเกิดความโกรธแค้น วางแผนซ่อนกล้องเพื่อบันทึกภาพช่วงที่หลับนอนด้วยกัน ก่อนจะนำคลิปไปเผยแพร่ให้คนใกล้ตัวผู้เสียหายได้รู้ ซึ่งตนได้เตรียมการไว้โดยทำสำเนาซีดีไว้แล้วหลายแผ่น เพื่อใส่ซองส่งไปทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้า และครอบครัวผู้เสียหาย นอกจากนี้ ไม่เคยข่มขู่เรียกทรัพย์สินจากผู้เสียหายตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาก่อนหน้านี้มีสร้อยคอทองคำ และพระเลี่ยมทองหลายเส้น ซึ่งตนได้นำไปขายตามร้านทองต่างๆ หมดแล้วได้เงินมาประมาณ 1 แสนบาทเท่านั้น” นายพีรพงษ์ กล่าว
นายพีรพงษ์ กล่าวอีกว่า ไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่ เพราะตอนแรกข้อมูลที่แอบถ่ายไว้นั้นตนได้ลบไปหมดแล้ว เพราะคิดว่าตกลงกับผู้เสียหายให้จบลงได้ด้วยดีแล้ว แต่ต่อมาทราบว่าผู้เสียหายยังไม่ยอมจบ จึงนำการ์ดบันทึกข้อมูลไปให้ร้านคอมพิวเตอร์กู้ข้อมูลจริง แต่ไม่ทราบว่าภาพดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร ช่วงที่ตนกำลังเตรียมจะเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว ตนก็ระแคะระคายมาว่าตำรวจกำลังตามจับอยู่ตน จึงหนีจากเชียงใหม่ลงใต้ไปหลายจังหวัด และเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด รวมทั้งเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ด้วยแต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด
“ผมยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้แอบถ่ายคลิปไว้จริง และเตรียมที่จะเผยแพร่ เพราะแค้นที่ผู้เสียหายตีจากและอยากให้กลับมาคืนดีกัน แต่ตนไม่เคยไปเรียกเงินจากผู้เสียหายแต่อย่างใด จึงอยากฝากไปยังผู้ใดก็ตามที่คิดจะทำแบบนี้ก็ให้เลิกเสีย เพราะขนาดตนซึ่งมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มาพอสมควรยังถูกตามจับตัวมาได้” นายพีรพงษ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อยากให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์แก่คนทั่วไป ไม่เฉพาะกับวัยรุ่นที่ใช้อินเทอร์เน็ต หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ ว่าหากกระทำผิดก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี และไม่ว่าจะมีความรู้ทางเทคโนโลยีมากเพียงใดก็ไม่สามารถหนีรอดการจับกุมไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากรรโชก, เพื่อการแสดงอวดอ้างแก่ประชาชน ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ รูปถ่าย หรือสิ่งอื่นใดอันลามก และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ต่อนายพีรพงษ์ต่อไป
