เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้ 2 ชั้น ในชุมชนหลังมัสยิดมหานาค ติดตลาดโบ๊เบ๊ ต้นเพลิงเกิดจากชั้นที่ 2 ของบ้านแม่ค้าขายผลไม้ แต่ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ จากนั้นลุกลามไปติดบ้านใกล้เรือนเคียงวอดรวม 10 หลังคาเรือน เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงถึง 52 คัน เข้าสกัดเปลวเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ท.โกมิน พงษ์วิเชียร พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.พลับพลาไชย 1 รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนมัสยิดมหานาค ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อม นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. รักษาราชการแทนผู้ว่าฯกทม.นายนิยม กรรณสูต ผอ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.พร้อมรถดับเพลิงรวม 52 คัน
ในที่เกิดเหตุ เป็นชุมชนหลังมัสยิดมหานาค พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 67 ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น โดยเพลิงลุกไหม้อยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นลุกลามไปติดบ้านข้างเคียง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งทำการฉีดน้ำสกัด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นพบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ประมาณ 10 หลังคาเรือน และมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยประมาณ 10 นาย
จากการสอบสวน นายวราวุฒิ บัวหลวง อายุ 40 ปี คนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างหน้าปากซอยสุเหร่ามหานาค ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะกำลังนั่งอยู่ที่วิน ได้ยินเสียงกริ่งสัญญาณเตือนภัยมาจากสุเหร่า จึงวิ่งเข้าไปดู ก็พบว่า เพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ที่ชั้น 2 ของบ้านเลขที่ 67 ซึ่งเป็นบ้านของ นางต๋อย กรองแก้ว อายุประมาณ 40 ปี แม่ค้าขายผลไม้ แต่ในบ้านไม่มีใครอยู่ พวกตนจึงช่วยกันนำถังดับเพลิงเข้าไปฉีดสกัดไฟ แต่ไม่สามารถดับได้ จึงแจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาสกัดไฟดังกล่าว
ด้าน นายวัลลภ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ได้ระดมรถดับเพลิงจากสถานีดับเพลิงต่างๆ รวม 52 คันเข้าทำการดับเพลิง เบื้องต้นมีบ้านได้รับความเสียหายประมาณ 10 หลังคาเรือน กินเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ส่วนสาเหตุอยู่ประหว่างประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ ในขณะที่ผู้บาดเจ็บนั้น เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร.โดยบางรายสำลักควัน บางรายตกลงมาจากชั้น 2 ของบ้านขณะเข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิง แต่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ไม่มีใครน่าเป็นห่วง
“ปัญหาที่พบในการดับเพลิงครั้งนี้ ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เนื่องจากพากันเป็นห่วงทรัพย์สินในบ้าน จึงพยายามกรูกันเข้าไป ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความลำบาก” นายวัลลภ กล่าว
