เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้องเก็บเอกสารและอุปกรณ์ปราบจลาจล สน.ชนะสงคราม ตำรวจต้องรีบหิ้วผู้ต้องหาหนีตายจากห้องขัง ก่อนประสานรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟ กว่า 30 นาที ตรวจสอบเบื้องต้นทรัพย์สินเสียหายแค่เล็กน้อย คาดสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ขณะที่ ร.ต.ท.นิกร ทองสุข พงส.สบ.1 สน.ชนะสงคราม กำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่บน สน.ได้รับแจ้งจาก จ.ส.ต.ธีระพงษ์ ลาภจิต สิบเวรห้องควบคุมผู้ต้องหาว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นบนชั้น 2 บริเวณห้องเก็บพัสดุอุปกรณ์ ซึ่งอยู่ติดกับห้องควบคุมผู้ต้องขังและห้องวิทยุของ สน.ชนะสงคราม ถ.จักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนประสานเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.นำรถดับเพลิงจำนวน 6 คัน ให้การสนับสนุน
ที่เกิดเหตุภายในห้องควบคุมผู้ต้องหาบนชั้น 2 เจ้าหน้าที่พบแสงเพลิง และกลุ่มควันจำนวนมากจึงช่วยกันทำการฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลุกลาม โดยใช้เวลากว่า 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด จากการตรวจสอบภายในห้องเก็บวัสดุ ซึ่งใช้เก็บเสื้อผ้า หมวก กระบอง โล่ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนหรือปราบจลาจล และเก็บเอกสารได้รับความเสียหายเล็กน้อย
ร.ต.ท.นิกร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.00 น.ขณะที่ตนกำลังเข้าเวรอยู่นั้นก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายมีคนจุดไฟเผากระดาษ หลังจากนั้นสิบเวรควบคุมห้องขังได้วิ่งลงมาแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ห้องดังกล่าว ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรอยู่ ได้นำถังดับเพลิงขึ้นไปเพื่อจะทำการดับเพลิงในเบื้องต้น แต่เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วและมีกลุ่มควันเป็นจำนวนมากพวยพุ่งออกมา จึงสั่งการให้สิบเวรไขห้องขัง เพื่อนำตัวผู้ต้องหา 2 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ออกมา ประกอบด้วย น.ส.ศุภสุตา ดวงทวี อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ และนายบุญเนย ศาลาบัว ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดออกมาไว้ในที่ปลอดภัย และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมกับประสานของรถน้ำดับเพลิงจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.มาฉีดน้ำดับเพลิงจนควบคุมเพลิงไว้ได้ดังกล่าว
ด้าน น.ส.ศุภสุตา ดวงทวี เปิดเผยว่า ตนเองถูกจับกุมมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น และเมื่อคืนเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มได้ยินเสียงสายไฟช็อต จึงพยายามจะบอกให้กับสิบเวรทราบแต่ก็ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงสายไฟช็อตอย่างรุนแรงอีกครั้ง พร้อมกับมีกลิ่นไหม้และกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากห้องเกิดเหตุจึงตะโกนบอกสิบเวร หลังจากนั้นสิบเวรก็ได้นำกุญแจมาไขนำตนพร้อมกับผู้ต้องหาชายอีกคนไปควบคุมตัวไว้ในที่ปลอดภัย
ขณะที่ พ.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต้นเพลิงเกิดจากห้องควบคุมผู้ต้องหา ก่อนลุกลามไปยังห้องเก็บพัสดุซึ่งใช้เก็บอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล และแผ่นพับประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อให้เดินทางมาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นที่ตนได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าที่ห้องดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณ 1 เมตร ซึ่งเต็มไปด้วยวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับที่ สน.แห่งนี้สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว อาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าบ้างส่วนเกิดการชำรุดทรุดโทรมไปบ้าง และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
“เบื้องต้นผมได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบ 2 ประเด็น คือ สอบสวนเกี่ยวกับเรื่องความเสียหายของทรัพย์สิน และในส่วนของคดีแพ่งต้องสอบสวนดูว่า เกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือไม่ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดในครั้งนี้ และหากเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัยก็จะต้องแก้ไขอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพดี ซึ่งก็ได้ให้ประสานไปยังกองพลาธิการตำรวจให้เข้ามาทำการตรวจสอบแล้วเช่นกัน” พล.ต.ท.อำนวย กล่าว
