ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลือกแล้ว “ชัช ชลวร-ปธ.คดีเยาวชนฯ-นุรักษ์ มาประณีต-บุญส่ง กุลบุปผา พ.ฎีกา” เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เลขานุการศาลฎีกา ระบุ รอยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งภายใน 15 วัน ก่อนเสนอชื่อวุฒิสภา
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 3 คน เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ ม.204(1) โดยวิธีลงคะแนนลับตามรัฐธรรมนูญและระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการคัดเลือกผู้พิพากษา โดยในวันนี้มีผู้พิพากษาศาลฎีกาและผู้พิพากษาอาวุโสรวมทั้งสิ้น 108 คน จากทั้งหมดจำนวน 120 คน ซึ่งวันนี้มีผู้พิพากษาลาประชุม 8 คน ขาดประชุม 4 คน โดยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามระเบียบศาลฎีกา จัดให้มีการลงคะแนนรวม 2 รอบ ซึ่งรอบแรกผู้พิพากษาที่ไม่ได้ยื่นหนังสือสละสิทธิ์รับการคัดเลือกทุกคนมีสิทธิได้รับการลงคะแนน รวม 19 คน ประกอบด้วย นายประพันธ์ ทรัพย์แสง นายสิทธิชัย พรหมศร นายเฉลิมเกียรติ ชาญศิลป์ นายณรงค์พล ทองจีน นายมนูพงศ์ รุจิกัญหะ นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน นายพิษณุ ดำรงเกียรติวัฒนา นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร นายสุพัฒน์ บุญอุบล นายประจวบ พัชนีรัตนกรณ์ นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย นายเรวัตร อิศราภรณ์ นายวิเทพ พัชรภิญโญพงศ์ นายนุรักษ์ มาประณีต นายชัช ชลวร นายบุญส่ง กุลบุปผา นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ นายไชยวัฒน์ สัตยาประเสริฐ นายพินิจ สายสะอาด
ซึ่งในการคัดเลือกรอบแรก จะลงคะแนนคัดเลือกให้เหลือจำนวน 6 คน ซึ่งผลปรากฏว่า นายนุรักษ์ มาประณีต ได้ 96 คะแนน นายชัช ชลวร ได้ 95 คะแนน นายบุญส่ง กุลบุปผา ได้ 49 คะแนน นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ ได้ 29 คะแนน นายไชยวัฒน์ สัตยาประเสริฐ ได้ 10 คะแนน และ นายพินิจ สายสะอาด ได้ 4 คะแนน ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก
ต่อมาที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงคะแนนเลือกในรอบสองจาก 6 คน ให้เหลือ 3 คน เพื่อเสนอรายชื่อไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผลการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลปรากฏว่า นายชัช ชลวร ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ได้ 91 คะแนน นายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ 86 คะแนน นายบุญส่ง กุลบุปผา ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ 65 คะแนน ได้รับเลือกให้ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงคะแนนคัดเลือกวันนี้ นายบุญส่ง ที่ได้รับการคัดเลือกไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในลำดับที่ 3 นั้น ไม่ได้เข้าร่วมประชุมลงคะแนนคัดเลือกด้วย โดยขอลากิจเดินทางไปต่างประเทศ
โดย นายอนันต์ วงศ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ไป ผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ได้รับเลือกให้ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องยื่นหนังสือลาออกจากการดำรงตำแหน่งในศาลฎีกาภายใน 15 วัน จากนั้น ศาลฎีกาจะได้ดำเนินการส่งรายชื่อผู้พิพากษาที่ได้รับเลือกทั้งสามคน ไปยังวุฒิสภาดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ม.204 โดยเร็วต่อไป
สำหรับประวัติ นายชัช ชลวร เกิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2491 ปัจจุบันอายุ 60 ปี สำเร็จการศึกษาคณะนิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2511 และเนติบัณฑิตยไทย สำนักอบรมศึกษากฎมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยมีประวัติรับราชการดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเบตง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขาล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหัดนครปฐม ผุ้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมคุมประพฤติ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ผู้พิพากษาศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา
สำหรับประวัติ นายนุรักษ์ มาประณีต เกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2492 อายุ 59 ปี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2511 และเนติบัณฑิตยไทย สำนักอบรมศึกษากฎมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยประวัติรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดไชยา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดุสิต รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ประธานแผนกคดียาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 7 และผู้พิพากษาศาลฎีกา โดยระหว่างปฏิบัติราชการในศาลยุติธรรม เมื่อปี 2549 หลังเกิดรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.2549 นายนุรักษ์ ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย ขณะเดียวกัน ยังได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 อีกด้วย
สำหรับ นายบุญส่ง กุลบุปผา เกิดมื่อวันที่ 27 ก.พ.2493 อายุ 58 ปี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเนติบัณฑิตยไทย สำนักอบรมศึกษากฎมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาโดยประวัติรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทลุง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดจันทบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ และผู้พิพากษาศาลฎีกา
วันนี้ (4 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 3 คน เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ ม.204(1) โดยวิธีลงคะแนนลับตามรัฐธรรมนูญและระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการคัดเลือกผู้พิพากษา โดยในวันนี้มีผู้พิพากษาศาลฎีกาและผู้พิพากษาอาวุโสรวมทั้งสิ้น 108 คน จากทั้งหมดจำนวน 120 คน ซึ่งวันนี้มีผู้พิพากษาลาประชุม 8 คน ขาดประชุม 4 คน โดยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกตามระเบียบศาลฎีกา จัดให้มีการลงคะแนนรวม 2 รอบ ซึ่งรอบแรกผู้พิพากษาที่ไม่ได้ยื่นหนังสือสละสิทธิ์รับการคัดเลือกทุกคนมีสิทธิได้รับการลงคะแนน รวม 19 คน ประกอบด้วย นายประพันธ์ ทรัพย์แสง นายสิทธิชัย พรหมศร นายเฉลิมเกียรติ ชาญศิลป์ นายณรงค์พล ทองจีน นายมนูพงศ์ รุจิกัญหะ นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน นายพิษณุ ดำรงเกียรติวัฒนา นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร นายสุพัฒน์ บุญอุบล นายประจวบ พัชนีรัตนกรณ์ นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย นายเรวัตร อิศราภรณ์ นายวิเทพ พัชรภิญโญพงศ์ นายนุรักษ์ มาประณีต นายชัช ชลวร นายบุญส่ง กุลบุปผา นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ นายไชยวัฒน์ สัตยาประเสริฐ นายพินิจ สายสะอาด
ซึ่งในการคัดเลือกรอบแรก จะลงคะแนนคัดเลือกให้เหลือจำนวน 6 คน ซึ่งผลปรากฏว่า นายนุรักษ์ มาประณีต ได้ 96 คะแนน นายชัช ชลวร ได้ 95 คะแนน นายบุญส่ง กุลบุปผา ได้ 49 คะแนน นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ ได้ 29 คะแนน นายไชยวัฒน์ สัตยาประเสริฐ ได้ 10 คะแนน และ นายพินิจ สายสะอาด ได้ 4 คะแนน ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก
ต่อมาที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงคะแนนเลือกในรอบสองจาก 6 คน ให้เหลือ 3 คน เพื่อเสนอรายชื่อไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผลการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลปรากฏว่า นายชัช ชลวร ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ได้ 91 คะแนน นายนุรักษ์ มาประณีต ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ 86 คะแนน นายบุญส่ง กุลบุปผา ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้ 65 คะแนน ได้รับเลือกให้ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงคะแนนคัดเลือกวันนี้ นายบุญส่ง ที่ได้รับการคัดเลือกไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในลำดับที่ 3 นั้น ไม่ได้เข้าร่วมประชุมลงคะแนนคัดเลือกด้วย โดยขอลากิจเดินทางไปต่างประเทศ
โดย นายอนันต์ วงศ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้ไป ผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ได้รับเลือกให้ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องยื่นหนังสือลาออกจากการดำรงตำแหน่งในศาลฎีกาภายใน 15 วัน จากนั้น ศาลฎีกาจะได้ดำเนินการส่งรายชื่อผู้พิพากษาที่ได้รับเลือกทั้งสามคน ไปยังวุฒิสภาดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ม.204 โดยเร็วต่อไป
สำหรับประวัติ นายชัช ชลวร เกิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2491 ปัจจุบันอายุ 60 ปี สำเร็จการศึกษาคณะนิติศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2511 และเนติบัณฑิตยไทย สำนักอบรมศึกษากฎมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยมีประวัติรับราชการดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเบตง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขาล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหัดนครปฐม ผุ้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมคุมประพฤติ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ผู้พิพากษาศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา
สำหรับประวัติ นายนุรักษ์ มาประณีต เกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.2492 อายุ 59 ปี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 2511 และเนติบัณฑิตยไทย สำนักอบรมศึกษากฎมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยประวัติรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดไชยา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดุสิต รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ประธานแผนกคดียาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 7 และผู้พิพากษาศาลฎีกา โดยระหว่างปฏิบัติราชการในศาลยุติธรรม เมื่อปี 2549 หลังเกิดรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.2549 นายนุรักษ์ ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย ขณะเดียวกัน ยังได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 อีกด้วย
สำหรับ นายบุญส่ง กุลบุปผา เกิดมื่อวันที่ 27 ก.พ.2493 อายุ 58 ปี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเนติบัณฑิตยไทย สำนักอบรมศึกษากฎมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาโดยประวัติรับราชการ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทลุง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดจันทบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ และผู้พิพากษาศาลฎีกา
