ทนาย “เสรีพิศุทธ์” ยัน สู้ไม่ถอยไม่คิดเลิกทำคดี แม้ถูกโทร.ขู่จะเล่นงานตนเองและลูกทั้ง 2 ระบุ ห่วงลูกมาก เพราะลูกสาวเป็นเบาหวานต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต ส่วนลูกชายเป็นออทิสติก เผย รู้ตัวคนร้ายแต่พูดไม่ได้ ขณะที่ “เสรีพิศุทธ์” จี้ “พัชรวาท” เร่งจับมือฟันหัวทนายมาลงโทษ ทางด้าน “อัศวิน” สั่งลูกน้องเร่งไล่ล่าคนร้ายขีดเส้นรายงานผลใน 3 วัน ขณะ “พ.ต.อ.ปรีชา” ยัน คุยกับทนายบอกแผลเกิดจากถูกฟันไม่ใช่ถูกตี
วันนี้ (4 เม.ย.) นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความส่วนตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากเสร็จสิ้นจากการว่าความคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยื่นฟ้อง นายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ ปอ ประตูน้ำ โดยตนเองถูกตีศีรษะต้องเย็บ 8 เข็ม ที่ศาลอาญารัชดาเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ว่า หมอได้ทำการผ่าตัดนิ้วก้อย เนื่องจากแตกจากเหตุที่ตนเองยกมือขึ้นบังหัวขณะที่ถูกทำร้าย และแผลที่หัวแตกหมอเย็บ 8 เข็ม ซึ่งตนยังลุกขึ้นนั่งไมได้ เพราะจะวิงเวียน และอาเจียน ซึ่งขณะที่ถูกตีหัวครั้งแรกรู้สึกมึนงง แต่พอถูกตีครั้งที่ 2 ตนได้เอามือป้องกันโดยสัญชาตญาณ พอครั้งที่ 3 ตนไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะมึนมาก
“ตอนเกิดเหตุยามก็เห็น แต่ต่างคนต่างตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ตนมีหลานอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ตกใจทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ตนไม่เห็นหน้าคนก่อเหตุ เพราะตนกำลังก้มลงเก็บเอกสารไว้ที่กระโปรงหลังรถ แต่หลานตนจำหน้าคนร้ายได้ คาดว่า เขาตั้งใจฟันคอตน เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตอนที่ท่านเสรีพิศุทธ์ ถูกย้ายไปช่วยราชการ มีโทรศัพท์มาข่มขู่ว่าระวังตัวให้ดีจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ กูจะเล่นงานมึง ลูกพี่มึงไปแล้ว ปกติตนเป็นคนระวังมาก เพราะทำคดีทั้งพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ปอ ประตูน้ำ และ พล.ต.อ.พัชรวาท แต่ไม่คิดอยู่ในศาลจะเกิดเเหตุได้ ตนไม่ได้พกอาวุธ เพราะถ้ามีอาวุธมันใหญ่มาก จะกลายเป็นฆาตกร”
นายอนันตชัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุก็มีโทรศัพท์เข้ามาเวลาประมาณ 06.10 น.พูดข่มขู่ว่า ไม่หยุดหรือจะเล่นฟ้าใส และเหนือเมฆ ซึ่งลูกสาวตนคือฟ้าใส ที่เป็นเบาหวานที่จะต้องฉีดอินซูลินไปตลอดชีวิตและเหนือเมฆเป็นออทิสติก ตอนที่ตนล้มนึกถึงลูกมาก เพราะถ้าเป็นอะไรไปใครจะเลี้ยงดูลูก ในใจตนคิดว่ารู้ว่าใครเล่นงาน แต่พูดไม่ได้ เพราะคำพูดที่เขาพูดตนชินกับคำพูดที่โทรมาข่มขู่ และตนจะไม่เลิกเป็นทนายให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นคนดี ห่วงแต่ลูกเท่านั้น หลังจากนั้น ยังมีโทรศัพท์ไปที่ นายองอาจ สุทธินนท์ ที่เป็นรองหัวหน้าสำนักงานของตนเอง ว่าจะเป็นรายต่อไป มีการตรวจสอบเขาใช้โทรศัพท์สาธารณะโทร.มาจากสยามพารากอน
ขณะที่ นางทิพย์ยา ไชยเดช ภรรยาของ นายอนันตชัย กล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นภายในศาล เพราะเป็นพื้นที่ปลอดภัยมาก ส่วนที่ผ่านมามีโทรศัพท์มาข่มขู่ ทำให้คนในครอบครัวต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ได้บอกให้ลูกทราบ โดยเฉพาะลูกสาวที่ป่วยอยู่ เพราะไม่อยากให้เสียใจหรือเครียด ซึ่งอาจจะทำให้อาการป่วยกำเริบได้
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับคดีที่ทำอยู่แน่นอนเพราะทนายของตนเองเป็นคนเรียบร้อยมาก
ด้าน นายศราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินตรวจตราสังเกตการณ์บริเวณภายในและภายนอกศาลอาญาอย่างจริงจังเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะด้านศาลอาญามีเจ้าหน้าที่ รวมทั้งตำรวจจาก สน.พหลโยธิน เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า หลังได้รับรายงานในเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศส.บช.น.จัดชุดสืบสวนเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมให้รายงานผลให้ตนทราบโดยตรงภายใน 3 วัน โดยให้จัดทีมสืบสวนเข้าคลี่คลายคดีร่วมกับชุดสืบสวนของ สน.พหลโยธิน และ กก.สส.น.2
“พยานที่เห็นเหตุการณ์มีหลายคนเพราะคนร้ายลงมืออย่างอุกอาจต่อหน้าคนเยอะมากโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง กล้าลงมือทำถึงในรั้วศาลอย่างนี้มันต้องจับให้ได้ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีสิทธิไปตีหัวชาวบ้านแบบนี้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ.ตร.ก็กำชับมาให้เร่งจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วพร้อมทั้งให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะซึ่งเราต้องเร่งทำงานกันอยู่”
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับคนเจ็บพบว่าแผลเกิดจากการถูกฟันด้วยของมีคมถึง 3 ครั้ง แต่คนเจ็บเอามือบังจนแพทย์ต้องผ่านิ้วก้อยไม่ใช่ใช้ไม้ตีและน่าจะมีสาเหตุจากการว่าความในคดีที่อยู่การพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการข่มขู่กันมาโดยตลอด ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาสเก็ตภาพคนร้ายและดูเส้นทางหลบหนีรวมทั้งพาหนะที่ผู้ต้องหาใช้หลบหนี
นอกจากนี้ ยังจัดตำรวจเฝ้าคนเจ็บที่ รพ.เมโย ตลอด 24 ชม.รวมทั้งมอบหมายให้ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่เป็นลูกน้องคนสนิทผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุการณ์ เพราะคนเจ็บเชื่อว่าคนร้ายคงติดตามดูความเคลื่อนไหวของตนอยู่เป็นเวลานานถึงได้รู้ตารางการเดินทางของตนจึงมาดักทำร้ายได้ถึงลานจอดรถของศาล
วันนี้ (4 เม.ย.) นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความส่วนตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากเสร็จสิ้นจากการว่าความคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยื่นฟ้อง นายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ ปอ ประตูน้ำ โดยตนเองถูกตีศีรษะต้องเย็บ 8 เข็ม ที่ศาลอาญารัชดาเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ว่า หมอได้ทำการผ่าตัดนิ้วก้อย เนื่องจากแตกจากเหตุที่ตนเองยกมือขึ้นบังหัวขณะที่ถูกทำร้าย และแผลที่หัวแตกหมอเย็บ 8 เข็ม ซึ่งตนยังลุกขึ้นนั่งไมได้ เพราะจะวิงเวียน และอาเจียน ซึ่งขณะที่ถูกตีหัวครั้งแรกรู้สึกมึนงง แต่พอถูกตีครั้งที่ 2 ตนได้เอามือป้องกันโดยสัญชาตญาณ พอครั้งที่ 3 ตนไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะมึนมาก
“ตอนเกิดเหตุยามก็เห็น แต่ต่างคนต่างตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ตนมีหลานอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ตกใจทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ตนไม่เห็นหน้าคนก่อเหตุ เพราะตนกำลังก้มลงเก็บเอกสารไว้ที่กระโปรงหลังรถ แต่หลานตนจำหน้าคนร้ายได้ คาดว่า เขาตั้งใจฟันคอตน เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตอนที่ท่านเสรีพิศุทธ์ ถูกย้ายไปช่วยราชการ มีโทรศัพท์มาข่มขู่ว่าระวังตัวให้ดีจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ กูจะเล่นงานมึง ลูกพี่มึงไปแล้ว ปกติตนเป็นคนระวังมาก เพราะทำคดีทั้งพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ปอ ประตูน้ำ และ พล.ต.อ.พัชรวาท แต่ไม่คิดอยู่ในศาลจะเกิดเเหตุได้ ตนไม่ได้พกอาวุธ เพราะถ้ามีอาวุธมันใหญ่มาก จะกลายเป็นฆาตกร”
นายอนันตชัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุก็มีโทรศัพท์เข้ามาเวลาประมาณ 06.10 น.พูดข่มขู่ว่า ไม่หยุดหรือจะเล่นฟ้าใส และเหนือเมฆ ซึ่งลูกสาวตนคือฟ้าใส ที่เป็นเบาหวานที่จะต้องฉีดอินซูลินไปตลอดชีวิตและเหนือเมฆเป็นออทิสติก ตอนที่ตนล้มนึกถึงลูกมาก เพราะถ้าเป็นอะไรไปใครจะเลี้ยงดูลูก ในใจตนคิดว่ารู้ว่าใครเล่นงาน แต่พูดไม่ได้ เพราะคำพูดที่เขาพูดตนชินกับคำพูดที่โทรมาข่มขู่ และตนจะไม่เลิกเป็นทนายให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นคนดี ห่วงแต่ลูกเท่านั้น หลังจากนั้น ยังมีโทรศัพท์ไปที่ นายองอาจ สุทธินนท์ ที่เป็นรองหัวหน้าสำนักงานของตนเอง ว่าจะเป็นรายต่อไป มีการตรวจสอบเขาใช้โทรศัพท์สาธารณะโทร.มาจากสยามพารากอน
ขณะที่ นางทิพย์ยา ไชยเดช ภรรยาของ นายอนันตชัย กล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นภายในศาล เพราะเป็นพื้นที่ปลอดภัยมาก ส่วนที่ผ่านมามีโทรศัพท์มาข่มขู่ ทำให้คนในครอบครัวต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ได้บอกให้ลูกทราบ โดยเฉพาะลูกสาวที่ป่วยอยู่ เพราะไม่อยากให้เสียใจหรือเครียด ซึ่งอาจจะทำให้อาการป่วยกำเริบได้
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับคดีที่ทำอยู่แน่นอนเพราะทนายของตนเองเป็นคนเรียบร้อยมาก
ด้าน นายศราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินตรวจตราสังเกตการณ์บริเวณภายในและภายนอกศาลอาญาอย่างจริงจังเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะด้านศาลอาญามีเจ้าหน้าที่ รวมทั้งตำรวจจาก สน.พหลโยธิน เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า หลังได้รับรายงานในเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศส.บช.น.จัดชุดสืบสวนเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมให้รายงานผลให้ตนทราบโดยตรงภายใน 3 วัน โดยให้จัดทีมสืบสวนเข้าคลี่คลายคดีร่วมกับชุดสืบสวนของ สน.พหลโยธิน และ กก.สส.น.2
“พยานที่เห็นเหตุการณ์มีหลายคนเพราะคนร้ายลงมืออย่างอุกอาจต่อหน้าคนเยอะมากโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง กล้าลงมือทำถึงในรั้วศาลอย่างนี้มันต้องจับให้ได้ ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีสิทธิไปตีหัวชาวบ้านแบบนี้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ.ตร.ก็กำชับมาให้เร่งจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วพร้อมทั้งให้รายงานผลให้ทราบทุกระยะซึ่งเราต้องเร่งทำงานกันอยู่”
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า เบื้องต้นได้พูดคุยกับคนเจ็บพบว่าแผลเกิดจากการถูกฟันด้วยของมีคมถึง 3 ครั้ง แต่คนเจ็บเอามือบังจนแพทย์ต้องผ่านิ้วก้อยไม่ใช่ใช้ไม้ตีและน่าจะมีสาเหตุจากการว่าความในคดีที่อยู่การพิจารณาของศาลอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการข่มขู่กันมาโดยตลอด ขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาสเก็ตภาพคนร้ายและดูเส้นทางหลบหนีรวมทั้งพาหนะที่ผู้ต้องหาใช้หลบหนี
นอกจากนี้ ยังจัดตำรวจเฝ้าคนเจ็บที่ รพ.เมโย ตลอด 24 ชม.รวมทั้งมอบหมายให้ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่เป็นลูกน้องคนสนิทผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง ที่หายตัวไปหลังเกิดเหตุการณ์ เพราะคนเจ็บเชื่อว่าคนร้ายคงติดตามดูความเคลื่อนไหวของตนอยู่เป็นเวลานานถึงได้รู้ตารางการเดินทางของตนจึงมาดักทำร้ายได้ถึงลานจอดรถของศาล