รอง ผบ.ตร.เดินทางไปยัง สน.มีนบุรี ประชุมผู้เกี่ยวข้องคดีแชร์รถยนต์ ระบุไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งทุกฝ่ายสืบสวนติดตามรถของเหยื่อตลอดเวลา ล่าสุดตามคืนมาได้แล้ว 102 คัน พร้อมสั่งด่านตรวจตรวจสอบรถยนต์ป้ายแดง และรถต้องสงสัยทุกคัน ส่วนสำนวนคดีส่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว
วันนี้ (2 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าชุดฝ่ายปฏิบัติการเกี่ยวกับคดีแชร์รถเช่า ได้เดินทางไปยัง สน.มีนบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี รอง ผบช.ก. หัวหน้าชุดสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.ผป.10 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมผลปฏิบัติการความคืบหน้ากรณีคดีแชร์รถเช่าที่ สน.มีนบุรี ก่อนออกมาพูดคุยกับผู้เสียหายที่มาที่หน้าโรงพัก
พล.ต.อ.ธานี เปิดเผยว่า กรณีฉ้อโกงเกี่ยวกับรถยนต์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการทุกหน่วยงานให้สืบสวนติดตามรถที่หายไป ส่วนของ สน.มีนบุรี สน.บางพลัด สน.ดอนเมือง และสน.นิมิตรใหม่นั้น ศาลได้ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว และพยายามติดตามรถให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ได้ตั้งชุดปฏิบัติการของ ตร.ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ติดตามหารถ โดยชุดสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ มี พล.ต.ต.จรัมพร เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนติดตามรถยนต์ ตามคำสั่ง ตร.ที่220/2551 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2551 ซึ่งจากผลการติดตามใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 1 เมษายน สามารถติดตามรถยนต์คืนได้ 14 คัน ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุถึง 1 เมษายน ตั้งแต่เกิดเป็นคดีขึ้นมาทั้งนครบาล และตำรวจภูธรทั่วประเทศสามารถติดตามคืนมาได้ 102 คัน และจะพยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด
พล.ต.อ.ธานี กล่าวต่อว่า ที่เดินทางในวันนี้เนื่องจากมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่ สน.มีนบุรี เป็นสถานที่รับเรื่องร้องทุกข์ส่วนกลาง และมีคดีเกิดขึ้นมากที่สุด รวมทั้งอยากมาดูแลเยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งกรณีที่ประชาชนสงสัยว่าผู้ที่ถูกจับกุมเกี่ยวกับคดีแชร์รถเช่า ทำไมถูกตั้งข้อหาว่าฉ้อโกงทรัพย์ แต่ไม่ตั้งข้อหาเป็นการลักทรัพย์วิธีใหม่นั้น ถือเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องตั้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ส่วนแนวทางการสืบสวนต้องว่ากันไปตามส่วน โดยในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ตนจึงมอบข้อมูลให้ไปดำเนินการไปแล้วเมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) พร้อมกับได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.2 จำนวน 5 นาย และตำรวจของส่วนกลาง เข้าไปช่วยปฏิบัติการที่ จ.ชลบุรี เพราะมีความรู้ในเรื่องข้อมูลรถยนต์ต่างๆ
“สำหรับสำนวนที่มีการส่งให้อัยการไปนั้น ทางอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาไปหมดแล้วและขอยืนยันว่าคดีนี้จะไม่ล้มแน่นอน แม้คดีนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ตาม รวมทั้งจะดำเนินการอย่างยุติธรรม ตรงไปตรงมา สำหรับทหารที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายของพนักงานสอบสวน ซึ่งระหว่างที่กำลังติดตามรถที่สูญหาย ก็ได้เรียกประชุมทุกหน่วยงานทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและสายตรวจ พร้อมสั่งการว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านก็จะให้คอยตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยทั้งป้ายแดงและป้ายดำ ที่เป็นรถใหม่ทุกคัน และหากพบว่าเป็นรถยนต์ต้องสงสัยก็ให้รีบรายงานกลับมา แต่หากพบว่าเป็นรถยนต์ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรถที่สูญหาย ก็สามารถตรวจยึดได้ทันที ซึ่งประชาชนทั่วไปและผู้เสียหายเอง หากพบรถต้องสงสัยก็ให้โทร.แจ้งได้ทุกหน่วยงานตลอด 24 ชั่วโมง” รอง ผบ.ตร.กล่าว
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 เมษายน) เจ้าหน้าที่สายตรวจกองปราบปราม ได้ติดตามรถยนต์ต้องสงสัย เป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียนป้ายแดง ก 0155 กทม. ได้ที่ย่านอุดมสุข ซึ่งมีการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ก่อนที่ผู้ต้องหาจะทิ้งรถและหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดรถยนต์มาไว้ที่ สน.มีนบุรี ซึ่งในวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) มาตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และงัดรถเพื่อเข้าไปตรวจสอบภายใน รวมทั้งหมายเลขเครื่อง หมายเลขโครงรถ ซึ่งพบว่าเป็นของนายธนิน พินิจอุดมการณ์ อายุ 39 ปี ที่ได้แจ้งหายไว้ที่ สน.มีนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
วันนี้ (2 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าชุดฝ่ายปฏิบัติการเกี่ยวกับคดีแชร์รถเช่า ได้เดินทางไปยัง สน.มีนบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี รอง ผบช.ก. หัวหน้าชุดสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.ผป.10 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมผลปฏิบัติการความคืบหน้ากรณีคดีแชร์รถเช่าที่ สน.มีนบุรี ก่อนออกมาพูดคุยกับผู้เสียหายที่มาที่หน้าโรงพัก
พล.ต.อ.ธานี เปิดเผยว่า กรณีฉ้อโกงเกี่ยวกับรถยนต์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการทุกหน่วยงานให้สืบสวนติดตามรถที่หายไป ส่วนของ สน.มีนบุรี สน.บางพลัด สน.ดอนเมือง และสน.นิมิตรใหม่นั้น ศาลได้ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว และพยายามติดตามรถให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ได้ตั้งชุดปฏิบัติการของ ตร.ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ติดตามหารถ โดยชุดสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ มี พล.ต.ต.จรัมพร เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนติดตามรถยนต์ ตามคำสั่ง ตร.ที่220/2551 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2551 ซึ่งจากผลการติดตามใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 1 เมษายน สามารถติดตามรถยนต์คืนได้ 14 คัน ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุถึง 1 เมษายน ตั้งแต่เกิดเป็นคดีขึ้นมาทั้งนครบาล และตำรวจภูธรทั่วประเทศสามารถติดตามคืนมาได้ 102 คัน และจะพยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด
พล.ต.อ.ธานี กล่าวต่อว่า ที่เดินทางในวันนี้เนื่องจากมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่ สน.มีนบุรี เป็นสถานที่รับเรื่องร้องทุกข์ส่วนกลาง และมีคดีเกิดขึ้นมากที่สุด รวมทั้งอยากมาดูแลเยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งกรณีที่ประชาชนสงสัยว่าผู้ที่ถูกจับกุมเกี่ยวกับคดีแชร์รถเช่า ทำไมถูกตั้งข้อหาว่าฉ้อโกงทรัพย์ แต่ไม่ตั้งข้อหาเป็นการลักทรัพย์วิธีใหม่นั้น ถือเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องตั้งข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ส่วนแนวทางการสืบสวนต้องว่ากันไปตามส่วน โดยในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ตนจึงมอบข้อมูลให้ไปดำเนินการไปแล้วเมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) พร้อมกับได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ภ.2 จำนวน 5 นาย และตำรวจของส่วนกลาง เข้าไปช่วยปฏิบัติการที่ จ.ชลบุรี เพราะมีความรู้ในเรื่องข้อมูลรถยนต์ต่างๆ
“สำหรับสำนวนที่มีการส่งให้อัยการไปนั้น ทางอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาไปหมดแล้วและขอยืนยันว่าคดีนี้จะไม่ล้มแน่นอน แม้คดีนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ตาม รวมทั้งจะดำเนินการอย่างยุติธรรม ตรงไปตรงมา สำหรับทหารที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายของพนักงานสอบสวน ซึ่งระหว่างที่กำลังติดตามรถที่สูญหาย ก็ได้เรียกประชุมทุกหน่วยงานทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและสายตรวจ พร้อมสั่งการว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านก็จะให้คอยตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยทั้งป้ายแดงและป้ายดำ ที่เป็นรถใหม่ทุกคัน และหากพบว่าเป็นรถยนต์ต้องสงสัยก็ให้รีบรายงานกลับมา แต่หากพบว่าเป็นรถยนต์ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรถที่สูญหาย ก็สามารถตรวจยึดได้ทันที ซึ่งประชาชนทั่วไปและผู้เสียหายเอง หากพบรถต้องสงสัยก็ให้โทร.แจ้งได้ทุกหน่วยงานตลอด 24 ชั่วโมง” รอง ผบ.ตร.กล่าว
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 เมษายน) เจ้าหน้าที่สายตรวจกองปราบปราม ได้ติดตามรถยนต์ต้องสงสัย เป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียนป้ายแดง ก 0155 กทม. ได้ที่ย่านอุดมสุข ซึ่งมีการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ก่อนที่ผู้ต้องหาจะทิ้งรถและหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดรถยนต์มาไว้ที่ สน.มีนบุรี ซึ่งในวันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) มาตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และงัดรถเพื่อเข้าไปตรวจสอบภายใน รวมทั้งหมายเลขเครื่อง หมายเลขโครงรถ ซึ่งพบว่าเป็นของนายธนิน พินิจอุดมการณ์ อายุ 39 ปี ที่ได้แจ้งหายไว้ที่ สน.มีนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง