รวบแก๊งโจรใจบาปมารศาสนา ลักพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ปางสมาธิ จากวัดใหญ่ใจกลางกรุงย่านบางกอกใหญ่ อาทิ วัดดีดวด วัดอรุณราชวราราม วัดใหญ่ตลาดพลู โดยใช้คีมตัดโซ่เหล็กประตูโบสถ์ หัวหมอใข้วิธีการแต่งกายชุดขาวนั่งวิปัสนาในวัดมองหาสิ่งของมีค่า จากนั้นใช้รถไปรษณีย์ขนของกลางพลางตาตำรวจ เพื่อแลกค่าจ้างเพียงเงิน 2,000 ขณะที่ตร.เร่งล่าตัวผู้ร่วมขบวนการนักเลงลักพระ "ปิยพัทธ์" หรือ ฉายาน้อย น้อยทีป จิตซื่อ มาดำเนินคดี
วันนี้(24 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.สมชาย มุสิกเจริญ รองผบก.น.7 พ.ต.อ.สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบก.น.7 และ พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.บางกอกใหญ่ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายไพรัช หรือ บาน นวลอนงค์ อายุ 38 ปี นายอุชุวัฒน์ หรือ เอ๋ ทวีศรี อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป พร้อมของกลาง พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร สีทองเหลือง สูง 150 ซม. จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปบูชาปางสมาธิ สีทองเหลือง หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว สูง 10 นิ้ว จำนวน 1 องค์ และรถกระบะยี่ห้อ อีซูซู สีขาว หมายเลขทะเบียน ณก 4425 กทม. ของกรมไปรษณีย์ ที่ใช้ขนส่งไปรษณีย์ ซึ่งเป็นพาหนะที่คนร้ายใช้บรรทุกพระพุทธรูป
พ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า สืบเนืองจากวันที่ 12 มี.ค. ในเวลากลางคืน ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในวัดดีดวด ซ.จรัลสนิทวงศ์ 12 จำนวน 2 องค์ ประกอบด้วย พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร สีทองเหลือง สูง 150 ซม. จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปบูชาปางสมาธิ สีทองเหลือง หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว สูง 10 นิ้ว จำนวน 1 องค์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นพุทธรูปในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกัน สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การการะทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.7 และฝ่ายสืบสวนสน.บางกอกใหญ่ พบถุงไปรษณีย์และคีมตัดเหล็กอยู่ภายในถุง จึงทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์ ที่ใช้คีมตัดเหล็กจำนวนขนาดใหญ่ 2 อัน ตัดโซ่ที่คล้องประตูโบสถ์ไว้และเข้าไปลักทรัพย์ โดยใช้รถกระบะของกรมไปรษณีย์บรรทุกพระพุทธรูป
พ.ต.อ.สมชาย กล่าวต่อไปว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย ได้ที่ตรอกตาแทน ถ.อิสรภาพ 27 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายปิยพัทธ์ หรือ น้อย น้อยทีป จิตซื่อ อยู่บ้านเลขที่ 220/889 ม.4 ตำบลในกลางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ที่กำลังหลบหนีอยู่ทำการลักพระพุทธรูปเพื่อนำไปขายและนำเงินไปแบ่งกัน โดยพระพุทธรูปทั้งสององค์ที่ขโมยมานำไปซุกซ่อนที่ซ.อิสรภาพ 42 แยก 4 เจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าตรวจยึดของกลาง
“ผู้ต้องหาให้การว่า ได้ค่าจ้างคนละ 2,000 บาท จากนายปิยพัทธ์ หรือ น้อย ซึ่งตามประวัติ เป็นนักเลงพระที่เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยจะใช้วิธีการแต่งกายชุดขาวทำทีว่าจะเข้าไปนั่งวิปัสนาจากนั้นจะคอยมองหาสิ่งของมีค่า และจำตำแหน่งเอาไว้ ก่อนจะถ่ายรูปไปให้กับนายทุน จากนั้นจะกลับเข้ามาโจรกรรม โดยจะวางยาเบื่อสุนัขไว้ก่อน หลังจากได้ของมาแล้วจะนำไปซุกซ่อนประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้เรื่องเงียบก่อนจะนำไปขายให้กับนายทุน ซึ่งมีอยู่หลายสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวน เพื่อจับกุมคนร้ายรายนี้ต่อไป” พ.ต.อ.สมชายกล่าว
พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ กล่าวว่า สำหรัรบนายอุชุวัฒน์ หรือเอ๋ ทวีศรี เป็นลูกจ้างขับรถขนส่งพัสดุไปรษณีย์ ของบ.ไปรษณีย์ไทยจำกัด สาขาบางกอกใหญ่ โดยจะใช้รถของกรมไปรษณีย์ไปก่อเหตุ นอกจากนี้กลุ่มของผู้ต้องหายังรับสารภาพว่า ร่วมกับนายปิยพัทธ์ หรือน้อย ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เมื่อประมาณกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้เข้าไปที่วัดนางนอง และลักทรัพย์แจกันลายครามจำนวน 1 คู่ จากศาลาการเปรียญ และต้นเดือนกุมภาพันธ์ เข้าไปลักทรัพย์ที่วัดนาคกลาง ต้นเดือนมีนาคม ได้เข้าไปทีวัดหงษ์รัตนาราม แต่ไม่ได้สิ่งของใดไป จากนั้นได้เข้าไปลักพระพุทธรูปจำนวน 1 องค์ที่วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ โดยนำพระปลอมไปนำสลับเปลี่ยนแทนพระองค์จริง จากนั้นได้เข้าไปที่วัดใหม่พิเรนทร์ วัดจำปา วัดอรุณราชวราราม วัดใหญ่ตลาดพลู และยังมีอีกหลายวัด
จากนั้นเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์ออกจากสน.มาส่งคืนให้กับเจ้าอาวาสที่วัดดีดวด ถ.จรัลสนิทวงศ์ 12 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านที่ทราบข่าว โดยมารอรับกว่า 100 คน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์
ขณะที่พระมหาเลียน ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าวว่า หลังจากที่ ทราบข่าวว่าวัดถูกขโมย ก็ได้เข้าแจ้งความและได้นำพระพุทธรูปองค์เก่าแก่ที่อยู่ในโบสถ์ไปเก็บไว้ สำหรับพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งประเมินมูลค่าไม่ได้
วันนี้(24 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.สมชาย มุสิกเจริญ รองผบก.น.7 พ.ต.อ.สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบก.น.7 และ พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.บางกอกใหญ่ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายไพรัช หรือ บาน นวลอนงค์ อายุ 38 ปี นายอุชุวัฒน์ หรือ เอ๋ ทวีศรี อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป พร้อมของกลาง พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร สีทองเหลือง สูง 150 ซม. จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปบูชาปางสมาธิ สีทองเหลือง หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว สูง 10 นิ้ว จำนวน 1 องค์ และรถกระบะยี่ห้อ อีซูซู สีขาว หมายเลขทะเบียน ณก 4425 กทม. ของกรมไปรษณีย์ ที่ใช้ขนส่งไปรษณีย์ ซึ่งเป็นพาหนะที่คนร้ายใช้บรรทุกพระพุทธรูป
พ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า สืบเนืองจากวันที่ 12 มี.ค. ในเวลากลางคืน ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในวัดดีดวด ซ.จรัลสนิทวงศ์ 12 จำนวน 2 องค์ ประกอบด้วย พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร สีทองเหลือง สูง 150 ซม. จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปบูชาปางสมาธิ สีทองเหลือง หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว สูง 10 นิ้ว จำนวน 1 องค์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นพุทธรูปในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกัน สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การการะทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.7 และฝ่ายสืบสวนสน.บางกอกใหญ่ พบถุงไปรษณีย์และคีมตัดเหล็กอยู่ภายในถุง จึงทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์ ที่ใช้คีมตัดเหล็กจำนวนขนาดใหญ่ 2 อัน ตัดโซ่ที่คล้องประตูโบสถ์ไว้และเข้าไปลักทรัพย์ โดยใช้รถกระบะของกรมไปรษณีย์บรรทุกพระพุทธรูป
พ.ต.อ.สมชาย กล่าวต่อไปว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย ได้ที่ตรอกตาแทน ถ.อิสรภาพ 27 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายปิยพัทธ์ หรือ น้อย น้อยทีป จิตซื่อ อยู่บ้านเลขที่ 220/889 ม.4 ตำบลในกลางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ที่กำลังหลบหนีอยู่ทำการลักพระพุทธรูปเพื่อนำไปขายและนำเงินไปแบ่งกัน โดยพระพุทธรูปทั้งสององค์ที่ขโมยมานำไปซุกซ่อนที่ซ.อิสรภาพ 42 แยก 4 เจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าตรวจยึดของกลาง
“ผู้ต้องหาให้การว่า ได้ค่าจ้างคนละ 2,000 บาท จากนายปิยพัทธ์ หรือ น้อย ซึ่งตามประวัติ เป็นนักเลงพระที่เคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยจะใช้วิธีการแต่งกายชุดขาวทำทีว่าจะเข้าไปนั่งวิปัสนาจากนั้นจะคอยมองหาสิ่งของมีค่า และจำตำแหน่งเอาไว้ ก่อนจะถ่ายรูปไปให้กับนายทุน จากนั้นจะกลับเข้ามาโจรกรรม โดยจะวางยาเบื่อสุนัขไว้ก่อน หลังจากได้ของมาแล้วจะนำไปซุกซ่อนประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้เรื่องเงียบก่อนจะนำไปขายให้กับนายทุน ซึ่งมีอยู่หลายสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวน เพื่อจับกุมคนร้ายรายนี้ต่อไป” พ.ต.อ.สมชายกล่าว
พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ กล่าวว่า สำหรัรบนายอุชุวัฒน์ หรือเอ๋ ทวีศรี เป็นลูกจ้างขับรถขนส่งพัสดุไปรษณีย์ ของบ.ไปรษณีย์ไทยจำกัด สาขาบางกอกใหญ่ โดยจะใช้รถของกรมไปรษณีย์ไปก่อเหตุ นอกจากนี้กลุ่มของผู้ต้องหายังรับสารภาพว่า ร่วมกับนายปิยพัทธ์ หรือน้อย ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เมื่อประมาณกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้เข้าไปที่วัดนางนอง และลักทรัพย์แจกันลายครามจำนวน 1 คู่ จากศาลาการเปรียญ และต้นเดือนกุมภาพันธ์ เข้าไปลักทรัพย์ที่วัดนาคกลาง ต้นเดือนมีนาคม ได้เข้าไปทีวัดหงษ์รัตนาราม แต่ไม่ได้สิ่งของใดไป จากนั้นได้เข้าไปลักพระพุทธรูปจำนวน 1 องค์ที่วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ โดยนำพระปลอมไปนำสลับเปลี่ยนแทนพระองค์จริง จากนั้นได้เข้าไปที่วัดใหม่พิเรนทร์ วัดจำปา วัดอรุณราชวราราม วัดใหญ่ตลาดพลู และยังมีอีกหลายวัด
จากนั้นเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์ออกจากสน.มาส่งคืนให้กับเจ้าอาวาสที่วัดดีดวด ถ.จรัลสนิทวงศ์ 12 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านที่ทราบข่าว โดยมารอรับกว่า 100 คน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์
ขณะที่พระมหาเลียน ผู้ช่วยเจ้าอาวาส กล่าวว่า หลังจากที่ ทราบข่าวว่าวัดถูกขโมย ก็ได้เข้าแจ้งความและได้นำพระพุทธรูปองค์เก่าแก่ที่อยู่ในโบสถ์ไปเก็บไว้ สำหรับพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งประเมินมูลค่าไม่ได้