สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้ง “วงกต” ดูแลคดีบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริห้วยสัตว์ใหญ่ เรียกประชุมคณะทำงานอย่างเร่งด่วน พร้อมนโยบายไล่กลุ่มผู้มีอิทธิพล นายทุนและนักการเมืองออกจากพื้นที่
วานนี้ (20 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า ตร.ได้มีคำสั่งที่ 213/2551 เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริ โดยคำสั่งระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่ามีการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินโครงการพระราชดำริหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ หมู่ที่ 2 บ้านฟ้าประทาน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2551 ธนารักษ์จังหวัดได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร บ้านหนองพลับ ให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดในฐานบุกรุกที่ดินของรัฐต่อมาได้มีการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ดำเนินคดี และในวันที่ 13 มี.ค.2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการตรวจยึดไม้กระยาเลยท่อนหวงห้าม จำนวน 60 ท่อน ในพื้นที่เกิดเหตุนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติมนั้น
จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวมีหลายกลุ่มด้วยกัน ประกอบด้วย กลุ่มนักการเมือง นายทุน ข้าราชการ และราษฎรในพื้นที่ ซึ่งการกระทำทั้งเป็นขบวนการลักษณะผู้มีอิทธิพล และบางส่วนเป็นรายย่อยดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการสืบสวนปราบปราม ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงแต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้
ฝ่ายบังคับบัญชา 1.พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 2.พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน 3.พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.ก. เป็นคณะทำงาน และ4.พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 เป็นคณะทำงาน ฝ่ายปฏิบัติการ 1.พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ 2.พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 เป็นรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ 3.พล.ต.ต.บุญมี สมสุข ผบก.ปทส. เป็นรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ 4.พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร ผบก.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ และนายตำรวจฝ่ายปฏิบัติการอีกจำนวน 7 คน
ทั้งนี้ หนังสือยังระบุอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริว่า 1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติที่ได้รับมอบหมาย กล่าวคือสืบสวนความเป็นมาของพื้นที่ โครงการพระราชดำริหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ที่ถูกบุกรุกดังกล่าวให้ได้ความชัดเจนว่าอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของหน่วยงานใดบ้าง พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการบุกรุกเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 2.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงสืบสวนปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ หมู่ที่ 2 บ้านฟ้าประทาน ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมและอื่นๆ
3.ประกอบกำลังหรือบูรณาการปฏิบัติการของหน่วยงานต่างๆ เข้าปราบปรามผู้กระทำความผิด แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ 4.รายงานผลการดำเนินการให้กับ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคณะทำงานทราบทุกระยะ (ผ่าน พ.ต.ท.เทวัญ มังคละชาติกุล รอง ผกก. ฝ่ายปฏิบัติการ 4 บก.ปทส. สั่ง ณ วันที่ 18 มี.ค. 2551 ลงชื่อ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร.
ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 มี.ค. พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร.(สป) ได้เรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินโครงการพระราชดำริ หมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ และกล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุมได้นำกฎหมายต่างๆมาพิจารณาทั้งพ.ร.บ.ที่ดิน พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.เขตปลอดภัยในราชการทหาร พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ และหนังสือโต้ตอบต่างๆ เพื่อให้ทราบสถานการณ์ของที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งจากพิจารณาข้อกฎหมายทั้งหมด พบว่าที่ดิน 1,700 ไร่ที่มีปัญหายังเป็นพื้นที่ป่า เป็นที่ดินของรัฐอยู่ ในที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าทุกคนที่เข้าไปอยู่ในที่ 1,700 ไร่ ต้องออกไป เพื่อนำที่ผืนดังกล่าวกลับมาเป็นทรัพย์สินสาธารณะ โดยมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจภูภรภาค 7 เข้าไปดำเนินการเพื่อให้เป็นตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
“หลังจากนี้ไปถ้าใครไม่ยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งตอนนี้มีประมาณ 50-60 ครัวเรือน ก็จะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54(30) ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่า มีโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากกระทำบนเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระหว่างโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี ปรับตั้ง 1 หมื่น – 1 แสนบาท แต่ถ้าใครออกจากพื้นที่ก็จะจบสิ้นกันไป และให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้ามาดูแลให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าของทุกคนต่อไป” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.วงกต กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 4 หมื่นไร่ โดยๆ รอบ 1,700 ไร่นั้นสำหรับลูกหลานที่ได้รับจัดสรรที่ทำกิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจน สามารถอยู่ต่อไปได้ แต่บุคคลที่นอกเหนือจากที่ได้รับจัดสรร ซึ่งเป็นนายทุนที่เข้าไปอยู่ให้ออกจากพื้นที่ภายใน 1-2 วันนี้ และจะทยอยให้ออกจากพื้นที่ให้หมดโดยเร็วที่สุด