ตร.ศูนย์สืบสวนตามรวบสาวใหญ่ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีวิ่งราวสร้อยทอง มูลค่า 53,540 บาท ที่ห้างดังย่านปิ่นเกล้า หลังหลบหนีไปอยู่กับสามีที่เป็นรองนายก อบต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ พบประวัติสุดแสบก่อเหตุตกทองมาตั้งแต่ปี 2535 เผยถูกจับมาแล้ว 20 ครั้ง ยังไม่เข็ด
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศสส.บช.น. พ.ต.ต.คมสันวงศ์สม สว.ศสส.บชน. นำกำลังเข้าจับกุมนางเกษรา ภู่ฟัก หรือนันทวี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 6 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน เลขที่ 521/2551 ลงวันที่ 18 มี.ค.51 ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว
พ.ต.ท.สุคนธ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้เข้าไปในร้านทองสุโขทัย ตั้งอยู่ชั้น 3 ของห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย แล้วทำทีเข้าไปเลือกซื้อทองภายในร้านดังกล่าว จากนั้นผู้ต้องหาทำทีแจ้งกับ น.ส.จุไรรัตน์ วิริยะชัย พนักงานขายฝึกหัดของร้านว่าจะขอนำสร้อยคอทองคำพร้อมล็อกเกตเหรียญเงินรัชกาลที่ 9 เลี่ยมทอง มูลค่า 53,540 บาท ไปให้น้องสาวที่ทำงงานอยู่ร้านสตาร์บัคส์ ชั้น 1 ห้องดังกล่าว ดูเพื่อที่จะซื้อ โดยอ้างว่าได้มีการพูดคุยตกลงกับนายณรงค์ชัย เอื้อมงคลานนท์ เจ้าของร้านทองไว้แล้ว ทำให้ น.ส.จุไรรัตน์ หลงเชื่อหยิบสร้อยคอทองคำดังกล่าวเดินตามผู้ต้องหาลงบันไดเลื่อนไป
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อลงมาถึงร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ผู้ต้องหาได้ทำทีเข้าไปพูดคุยกับพนักงานในร้านดังกล่าวอยู่นานประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินออกมาแล้วพา น.ส.จุไรรัตน์ ขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อกลับไปที่ร้านทองชั้น 3 แต่ระหว่างที่อยู่บนบันไดเลื่อนนั้น ผู้ต้องหาได้สั่งให้ น.ส.จุไรรัตน์ กลับไปเอาพระจากน้องสาวที่ร้านสตาร์บัคส์กลับมาใส่กรอบทอง พร้อมทั้งหยิบสร้อยคอทองคำเส้นที่ถือมาแล้วเดินออกไปทางลานจอดรถชั้น 3 ส่วนตนก็กลับไปที่ร้านสตาร์บัคส์เพื่อจะรับพระมาใส่กรอบให้ แต่ทางพนักงานกลับแจ้งว่าผู้ต้องหาเข้ามาสั่งขนมปังไว้เท่านั้น ทำให้รู้ว่าถูกหลอกจึงรีบแจ้งเจ้าของร้านให้ทราบก่อนเดินทางมาแจ้งความ
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าว หลังจากรับแจ้งความแล้วทางศูนย์สืบสวนได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่กับสามีที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรองนายก อบต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จึงประสานไปยัง พ.ต.อ.กฤษณพล ยี่สาคร ผกก. สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ พร้อมนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา โดยจากการสอบปากคพผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง โดยทุกวันศุกร์ของแต่ละเดือนจะเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ แล้วพักที่โรงแรมอามารีย่านประตูน้ำ เมื่อก่อเหตุเสร็จก็จะนำทรัพย์สินที่ได้มากลับไปขายที่ จ.เชียงใหม่
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ หรือตกทอง มาตั้งแต่ปี 2535 โดนจับกุมมาแล้ว 20 ครั้ง ครั้งล่าสุดถูกจับกุมข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่ สน.นางเลิ้ง นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ก่อเหตุเสร็จแล้ว ผู้ต้องหาจะไปเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลทุกครั้ง พร้อมทั้งไปแต่งงานกับคนมีฐานะตามต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ โดยล่าสุดได้หย่าร้างกับเจ้าของสัมปทานรถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คนหนึ่ง โดยได้ทรัพย์สมบัติมาหลายสิบล้าน แล้วไปแต่งงานกับรองนายก อบต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ คนดังกล่าว
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผกก.ศสส.บช.น. พ.ต.ต.คมสันวงศ์สม สว.ศสส.บชน. นำกำลังเข้าจับกุมนางเกษรา ภู่ฟัก หรือนันทวี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 6 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน เลขที่ 521/2551 ลงวันที่ 18 มี.ค.51 ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว
พ.ต.ท.สุคนธ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้เข้าไปในร้านทองสุโขทัย ตั้งอยู่ชั้น 3 ของห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย แล้วทำทีเข้าไปเลือกซื้อทองภายในร้านดังกล่าว จากนั้นผู้ต้องหาทำทีแจ้งกับ น.ส.จุไรรัตน์ วิริยะชัย พนักงานขายฝึกหัดของร้านว่าจะขอนำสร้อยคอทองคำพร้อมล็อกเกตเหรียญเงินรัชกาลที่ 9 เลี่ยมทอง มูลค่า 53,540 บาท ไปให้น้องสาวที่ทำงงานอยู่ร้านสตาร์บัคส์ ชั้น 1 ห้องดังกล่าว ดูเพื่อที่จะซื้อ โดยอ้างว่าได้มีการพูดคุยตกลงกับนายณรงค์ชัย เอื้อมงคลานนท์ เจ้าของร้านทองไว้แล้ว ทำให้ น.ส.จุไรรัตน์ หลงเชื่อหยิบสร้อยคอทองคำดังกล่าวเดินตามผู้ต้องหาลงบันไดเลื่อนไป
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อลงมาถึงร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ผู้ต้องหาได้ทำทีเข้าไปพูดคุยกับพนักงานในร้านดังกล่าวอยู่นานประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินออกมาแล้วพา น.ส.จุไรรัตน์ ขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อกลับไปที่ร้านทองชั้น 3 แต่ระหว่างที่อยู่บนบันไดเลื่อนนั้น ผู้ต้องหาได้สั่งให้ น.ส.จุไรรัตน์ กลับไปเอาพระจากน้องสาวที่ร้านสตาร์บัคส์กลับมาใส่กรอบทอง พร้อมทั้งหยิบสร้อยคอทองคำเส้นที่ถือมาแล้วเดินออกไปทางลานจอดรถชั้น 3 ส่วนตนก็กลับไปที่ร้านสตาร์บัคส์เพื่อจะรับพระมาใส่กรอบให้ แต่ทางพนักงานกลับแจ้งว่าผู้ต้องหาเข้ามาสั่งขนมปังไว้เท่านั้น ทำให้รู้ว่าถูกหลอกจึงรีบแจ้งเจ้าของร้านให้ทราบก่อนเดินทางมาแจ้งความ
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าว หลังจากรับแจ้งความแล้วทางศูนย์สืบสวนได้สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่กับสามีที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นรองนายก อบต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จึงประสานไปยัง พ.ต.อ.กฤษณพล ยี่สาคร ผกก. สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ พร้อมนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา โดยจากการสอบปากคพผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง โดยทุกวันศุกร์ของแต่ละเดือนจะเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ แล้วพักที่โรงแรมอามารีย่านประตูน้ำ เมื่อก่อเหตุเสร็จก็จะนำทรัพย์สินที่ได้มากลับไปขายที่ จ.เชียงใหม่
พ.ต.ท.สุคนธ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ หรือตกทอง มาตั้งแต่ปี 2535 โดนจับกุมมาแล้ว 20 ครั้ง ครั้งล่าสุดถูกจับกุมข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่ สน.นางเลิ้ง นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ก่อเหตุเสร็จแล้ว ผู้ต้องหาจะไปเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลทุกครั้ง พร้อมทั้งไปแต่งงานกับคนมีฐานะตามต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ โดยล่าสุดได้หย่าร้างกับเจ้าของสัมปทานรถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คนหนึ่ง โดยได้ทรัพย์สมบัติมาหลายสิบล้าน แล้วไปแต่งงานกับรองนายก อบต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ คนดังกล่าว
