“วัชรพล” เผย ตร.กำชับลูกน้อง สน.บางพลัด ดำเนินคดีตำรวจใช้ปืนจี้นายทหารพระธรรมนูญ “พ.ท.สุธน โสธร” ยึดหลักสมานฉันท์ ยัน ตร.ไม่เคยกลั่นแกล้งใคร ด้าน “อัศวิน” สั่ง “ผู้การ 7” ประสานขอตัว “พ.ต.ท.สุริยงค์” พร้อมพยานสอบปากคำ 24 มี.ค.ลั่น ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ขณะที่ สน.บางพลัด เตรียมขอศาลอนุมัติออกหมายจับหากไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก
วันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.บางศรีเมือง ใช้อาวุธปืนจี้ พ.ท.สุธน โสธร นายทหารพระธรรมนูญ กองบัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากต้องสงสัย ว่า มียาบ้าไว้ในครอบครอง พ.ท.สุธน จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าที่ สน.บางพลัด ว่า เรื่องนี้ทาง ตร.ได้กำชับ ผกก.สน.บางพลัด เร่งรัดดำเนินคดีนี้ให้รียบร้อยรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่ากับ พ.ต.ท.สุริยงค์ โพธิ์จันทร์ สวป.สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี และพวกอีก 4 คนแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการทำงานยึดหลักสมานฉันท์และดำเนินการตามกฎหมาย
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า ตำรวจทำตามหน้าที่ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ถ้าเราเป็นมืออาชีพ ดูไปตามข้อเท็จจริงในแต่ละเรื่องหน้าที่การสืบสวนจับกุมอะไรไปก็ดำเนินไปตามนั้น แค่ต้องเคารพสิทธิของประชาชน ในแต่ละกรณีไปก็แล้วแต่ข้อเท็จจริง สำหรับการสอบสวนในคดีก็เป็นไปตามข้อเท็จจริง
เพราะตำรวจก็ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่น่ามีปัญหา ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายติดใจว่าตำรวจปองร้ายเนื่องจากเป็นผู้สอบสวนในคดีตำรวจ สน.ประชาชื่นยิง ส.ต.ชัยวุทธ ประสมสี ส.ห.กองบัญชาการทหารสูงสุด เสียชีวิต นั้นจากการยืนยันตำรวจชุดดังกล่าวเรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุบังเอิญ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ ตร.ยิงทหารที่ สน.ประชาชื่น
“การดำเนินคดีอาญา ระหว่างกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม มีกฎระเบียบอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่า ผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายให้ความเป็นธรรม เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ ไม่ได้เฉพาะทหารกับตำรวจ อาจมีการกล่าวหาว่ากระทำความผิด หรือมีข้อผิดพลาดในการสืบสวนสอบสวนรื่องข้อมูลข้อเท็จจริง แต่ละกรณีก็ว่ากันไป ซึ่งเมื่อมีการกล่าวหาก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานกันไปกำเนินการไปตามขั้นตอนว่าเป็นไปอย่างที่กล่าวหาหรือไม่” พล.ต.ท.วัชรพล กล่าว
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวต่อไปว่า ตำรวจต้องเป็นมืออาชีพในการทำงาน แต่กระบวนการสืบสวนสอบสวน ก็มีความผิดพลาดได้ ซึ่งถ้าไม่ผิดพลาดก็ไม่ต้องตกเป็นผู้ต้องหา เมื่อตกเป็นผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวนกันต่อไปว่า ทำตามขั้นตอนก็ต้องต่อสู้คดีไปจนสิ้นสุดในชั้นศาล และเรื่องนี้ก็คงเป็นบทเรียนในการทำงานของตำรวจที่ต้องพัฒนาให้ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากบางครั้งก็มีข้อผิดพลาดแต่ต้องเรียนรู้ว่าบกพร่องอย่างไร
ทางด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 (ผบก.น.7) ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดพฤติการณ์ทางคดีที่เกิดขึ้นไปยัง พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ พ.ต.ท.สุริยงค์ และพวกตามคำให้การของผู้กล่าวหา พร้อมประสานขอตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาให้ปากคำ และรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด ถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม แต่หากยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาออกหมายเรียก พ.ต.ท.สุริยงค์ และพวกตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อไปว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างละเอียดรอบคอบตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ยืนยันได้เลยว่าไม่มีการเข้าข้างตำรวจด้วยกันเองอย่างเด็ดขาดใครผิดใครถูกอย่างไรก็ว่าไปตามนั้นทำทุกอย่างตามเนื้อผ้าไม่มีตกแต่งดัดแปลงใดๆ
“หากพวกท่านไม่ได้ทำความผิดอย่างที่เขากล่าวหาก็มาว่ากันไม่ต้องกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหากพวกท่านไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ก็ควรที่จะเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หากคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ไม่มีความผิด” พล.ต.ท.อัศวิน กล่าว
ขณะเดียวกัน ที่ สน.บางพลัด พ.ต.ท.อมร เจริญเกษ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางพลัด เจ้าของคดีดังกล่าว เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า หลังจากที่ พ.ท.สุธน เข้ามาแจ้งความก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว โดยทางผู้บังคับบัญชาได้เร่งรัดให้ติดต่อ พ.ต.ท.สุริยงค์ พร้อมพวกรวม 5 คน มารับทราบข้อกล่าวหาพยายามฆ่าผู้อื่น โดยได้ทำการประสานไปยัง พ.ต.ท.สมศักดิ์ ตระการไพโรจน์ สวญ.สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี เพื่อให้ส่งตัว พ.ต.ท.สุริยงค์ มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งทาง พ.ต.ท.สมศักดิ์ เองก็รับปากว่าจะรีบดำเนินการส่งตัวมาให้โดยเร็วที่สุด
พ.ต.ท.อมร กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.สุริยงค์ ยังไม่ได้ติดต่อประสานมาว่า จะเข้ามาที่ สน.บางพลัด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อไร ซึ่งทั้ง 5 คนไม่ยอมมารับทราบข้อหา ทางพนักงานสอบสวนจะทำการออกหมายเรียก และหากยังไม่มาอีก ทางพนักงานสอบสวนก็จำเป็นที่จะต้องขออนุมัติหมายจับจากศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่เชื่อว่าทางทั้ง 5 คน จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในเร็วๆ นี้