DSI ร่วมมือกับกระทรวงทรัพย์ กรมป่าไม้ เตรียมบินตรวจป่าสงวนภูขี้ไก่ จ.เพชรบูรณ์ 25 มี.ค. หลังพบข้าราชการไฟเขียวเปิดช่องให้นายทุนฮุบที่ออกโฉนดกว่า 2,000 ไร่ บุกรุกทำลายอีกกว่า 4,000 ไร่
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย ผบ.สำนักคดีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีบุกรุกป่าสงวนภูขี้ไก่ จ.เพชรบูรณ์ ว่า ภายหลังกรมป่าไม้เข้าร้องเรียนต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนภูขี้ไก่ ดีเอสไอได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ป่าสงวนแห่งชาติผืนนี้ถูกบุกรุกไปกว่า 2,000 ไร่ และยังมีทำลายพื้นที่ป่าอีกกว่า 4,000 ไร่
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ดีเอสไอพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่คุ้มครองป่า กรมป่าไม้ และผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพแผนที่ทางอากาศด้วยระบบจีพีเอสจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจและถ่ายภาพพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกบุกรุกทั้งหมด จากนั้นก็จะนำมาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหาร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนถึงแนวเขตป่าสงวนที่ถูกบุกรุกทั้งหมด
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ป่าสงวนภูขี้ไก่ เป็นเทือกเขาสูงชัน เชื่อมต่อกับเทือกเขาเพชรบูรณ์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า และ ต.ท่าอีบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ยังเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่ แต่ปัจจุบันภูขี้ไก่กลับถูกบรรดานายทุน นักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการ นำเอกสารการครอบครองไปขอออกโฉนด โดยไม่มีการไต่สวน ที่ดิน 2,000 ไร่ ในป่าสงวนภูขี้ไก่ จึงถูกนำไปออกโฉนดที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้าน 2 ตำบล คือหินฮาว และท่าอีกบุญ ไม่สามารถจะเข้าไปหาของป่าและใช้ชีวิตร่วมกับป่าได้
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สอบสวนการบุกรุกป่าสงวนภูขี้ไก่พบว่า พื้นที่ใกล้เคียงเขตป่าสงวนที่ถูกนายทุนบุกรุกเข้าครองครอง เป็นที่พักของข้าราชการในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อพนักงานสอบสวนเข้าสอบถามข้อมูลถึงการบุกรุกป่า ก็ไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ โดยข้าราชการในพื้นที่จะอ้างว่าไม่ทราบว่ามีการบุกรุกป่าสงวนภูขี้ไก่