ตำรวจตามจับกุมแก๊งคนร้ายปล้นรถบรรทุก 18 ล้อ ได้เกือบยกแก๊ง เตรียมขยายผลถึงหัวหน้าขบวนการแล้ว เผยถีบโชเฟอร์ทิ้งกลางทาง แล้วเชิดรถไปหลบซ่อน ได้ค่าจ้างลงมือปล้นถึงคันละ 3 แสนบาท
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.สถิตย์ ต้นสงวน รอง ผบก. พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย พวงสมบัติ ผกก.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.ปรีชา นิสัยสม สว.สส.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายภัทราวุธ หรือ เอก ทองโกมล อายุ 25 ปี นายพรณรงค์ หรือ กัน ทองพืช อายุ 30 ปี นายวิเชียร หรือ เชียร นุชรอด อายุ 37 ปี นายลือ หอมสาตร์ อายุ 54 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุร่วมกันปล้นรถบรรทุก โดยมีของกลาง คือ รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 87-4869 นครปฐม ตัวพ่วง ทะเบียน 87-4868 นครปฐม รถปิกอัพ ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่นเอสแคป สีน้ำเงิน ทะเบียน บบ-5271 ราชบุรี ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหานายเอก “ใช้ให้ผู้อื่นปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะโดยมีและใช้อาวุธปืน” ส่วน นายกัน นายเชียร นายลือ ถูกตั้งข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับโดยมีและใช้อาวุธปืน”
ทั้งนี้ ก่อนถูกจับกุมตัวเมื่อเวลา 01.00 น.ของคืนวันที่ 9 มี.ค.2551 ขณะที่ นายประดิษฐ์ บุญเหลือ อายุ 35 ปี ได้ขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าว กลับจากส่งของและได้จอดแวะนอนพักผ่อนริมถนนสายพหลโยธิน หมู่ 8 ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้มี นายกัน นายเชียร นายลือ และ นายวรเดช หรือ แดง บุญทับ อายุ 43 ปี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ขับรถปิกอัพฟอร์ดเข้ามาทำทีเป็นน้ำมันหมด และขอซื้อน้ำมันจากนายประดิษฐ์ โดยอาศัยช่วงที่เจ้าทุกข์เผลอได้ช่วยกันใช้เชือกไนลอนจับมัดมือมัดเท้า ก่อนที่ นายแดง จะขึ้นไปใช้อาวุธปืนยิงนายประดิษฐ์ ทิ้ง แต่ นายประดิษฐ์ ได้ยกมือไหว้ร้องขอชีวิต เพราะยังมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกเมียที่บ้าน คนร้ายทั้งหมดจึงถีบร่างของโชเฟอร์รถพ่วงทิ้งไว้ข้างทาง ก่อนจะขับรถพ่วง 18 ล้อ ที่ปล้นมาได้หลบหนีไปตามถนนสายเอเซีย
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2551 ทาง พ.ต.ท.ปรีชา นิสัยสม สว.สส.สภ.บางบัวทอง พร้อมชุดสืบสวนสืบทราบว่า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่ถูกปล้นมาได้นำมาจอดเก็บไว้ที่หน้า “และซัน” อพาร์ตเมนต์ หมู่ 7 ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้นำกำลังไปซุ่มโป่งและสามารถจับกุมตัว นายกัน กับ นายเอก ขณะย้อนกลับมาถ่ายรูปรถบรรทุกที่ร่วมกันปล้นมา ก่อนนำตัวมาขยายผลจนตามจับนายเชียร กับ นายลือ ส่วน นายวรเดช หรือ แดง ที่เป็นคนใช้อาวุธปืนก่อเหตุไหวตัวทันหลบหนีไปได้
พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภาค 1 กล่าวว่า คนร้ายทั้งหมดที่ลงมือก่อเหตุปล้นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีประวัติเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะ นายลือ เคยต้องโทษร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจติดคุกตลอดชีวิต แต่ติดจริงเพียง 15 ปี ก็พ้นโทษ ส่วนนายกัน เคยต้องคดีลักทรัพย์ อยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี สำหรับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าวหลังก่อเหตุปล้นมาได้ก็จะนำมาให้กับนายเอก ซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขาย โดยนายเอกนั้น รับงานมาจาก นายหลง กับ นายเป็ด (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริงเพื่อประโยชน์ต่อการขยายผลจับกุม) หัวหน้าขบวนการที่สั่งซื้อ ซึ่ง นายเอก อ้างว่า ได้ค่านายหน้าเพียงครั้งละ 1 หมื่นบาท ส่วนรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ซึ่งมีราคากว่า 3 ล้านบาท นายหลง กับ นายเป็ด จะจ่ายให้กับแก๊งคนร้ายที่ลงมือปล้นในราคา 3 แสนบาทต่อคัน เบื้องต้นควบคุมตัวทั้งหมดไว้เพื่อส่งมอบตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มโนรมย์ ท้องที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะติดตามตัวคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวทาง ผบช.ภาค 1 ได้มอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ พ.ต.ท.ปรีชา นิสัยสม สว.สส.สภ.บางบัวทอง ที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 4 คนได้ เพื่อเป้นขวัญและกำลังในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.สถิตย์ ต้นสงวน รอง ผบก. พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย พวงสมบัติ ผกก.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.ปรีชา นิสัยสม สว.สส.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายภัทราวุธ หรือ เอก ทองโกมล อายุ 25 ปี นายพรณรงค์ หรือ กัน ทองพืช อายุ 30 ปี นายวิเชียร หรือ เชียร นุชรอด อายุ 37 ปี นายลือ หอมสาตร์ อายุ 54 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุร่วมกันปล้นรถบรรทุก โดยมีของกลาง คือ รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 87-4869 นครปฐม ตัวพ่วง ทะเบียน 87-4868 นครปฐม รถปิกอัพ ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่นเอสแคป สีน้ำเงิน ทะเบียน บบ-5271 ราชบุรี ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหานายเอก “ใช้ให้ผู้อื่นปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะโดยมีและใช้อาวุธปืน” ส่วน นายกัน นายเชียร นายลือ ถูกตั้งข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับโดยมีและใช้อาวุธปืน”
ทั้งนี้ ก่อนถูกจับกุมตัวเมื่อเวลา 01.00 น.ของคืนวันที่ 9 มี.ค.2551 ขณะที่ นายประดิษฐ์ บุญเหลือ อายุ 35 ปี ได้ขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าว กลับจากส่งของและได้จอดแวะนอนพักผ่อนริมถนนสายพหลโยธิน หมู่ 8 ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้มี นายกัน นายเชียร นายลือ และ นายวรเดช หรือ แดง บุญทับ อายุ 43 ปี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ขับรถปิกอัพฟอร์ดเข้ามาทำทีเป็นน้ำมันหมด และขอซื้อน้ำมันจากนายประดิษฐ์ โดยอาศัยช่วงที่เจ้าทุกข์เผลอได้ช่วยกันใช้เชือกไนลอนจับมัดมือมัดเท้า ก่อนที่ นายแดง จะขึ้นไปใช้อาวุธปืนยิงนายประดิษฐ์ ทิ้ง แต่ นายประดิษฐ์ ได้ยกมือไหว้ร้องขอชีวิต เพราะยังมีภาระต้องเลี้ยงดูลูกเมียที่บ้าน คนร้ายทั้งหมดจึงถีบร่างของโชเฟอร์รถพ่วงทิ้งไว้ข้างทาง ก่อนจะขับรถพ่วง 18 ล้อ ที่ปล้นมาได้หลบหนีไปตามถนนสายเอเซีย
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2551 ทาง พ.ต.ท.ปรีชา นิสัยสม สว.สส.สภ.บางบัวทอง พร้อมชุดสืบสวนสืบทราบว่า รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่ถูกปล้นมาได้นำมาจอดเก็บไว้ที่หน้า “และซัน” อพาร์ตเมนต์ หมู่ 7 ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้นำกำลังไปซุ่มโป่งและสามารถจับกุมตัว นายกัน กับ นายเอก ขณะย้อนกลับมาถ่ายรูปรถบรรทุกที่ร่วมกันปล้นมา ก่อนนำตัวมาขยายผลจนตามจับนายเชียร กับ นายลือ ส่วน นายวรเดช หรือ แดง ที่เป็นคนใช้อาวุธปืนก่อเหตุไหวตัวทันหลบหนีไปได้
พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภาค 1 กล่าวว่า คนร้ายทั้งหมดที่ลงมือก่อเหตุปล้นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีประวัติเข้าออกเรือนจำเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะ นายลือ เคยต้องโทษร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจติดคุกตลอดชีวิต แต่ติดจริงเพียง 15 ปี ก็พ้นโทษ ส่วนนายกัน เคยต้องคดีลักทรัพย์ อยู่ระหว่างอุทธรณ์คดี สำหรับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าวหลังก่อเหตุปล้นมาได้ก็จะนำมาให้กับนายเอก ซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขาย โดยนายเอกนั้น รับงานมาจาก นายหลง กับ นายเป็ด (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริงเพื่อประโยชน์ต่อการขยายผลจับกุม) หัวหน้าขบวนการที่สั่งซื้อ ซึ่ง นายเอก อ้างว่า ได้ค่านายหน้าเพียงครั้งละ 1 หมื่นบาท ส่วนรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ซึ่งมีราคากว่า 3 ล้านบาท นายหลง กับ นายเป็ด จะจ่ายให้กับแก๊งคนร้ายที่ลงมือปล้นในราคา 3 แสนบาทต่อคัน เบื้องต้นควบคุมตัวทั้งหมดไว้เพื่อส่งมอบตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มโนรมย์ ท้องที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะติดตามตัวคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวทาง ผบช.ภาค 1 ได้มอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ พ.ต.ท.ปรีชา นิสัยสม สว.สส.สภ.บางบัวทอง ที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 4 คนได้ เพื่อเป้นขวัญและกำลังในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป
