“สมพงษ์” ยันข้าราชการดีเอสไอ 31 คนไปช่วยราชการ ป.ป.ท.ชั่วคราวไม่กระทบคดีใหญ่ แย้มถ้าติดใจขอโอนสังกัด ป.ป.ท.ได้ ส่วนตรวจงานเรือนจำย้ำคนคุกคดียานรก 70,000 คนในเรือนจำทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวดเครือข่ายค้ายาในคุก คาดโทษละเว้นหน้าที่โทษถึงอาญา
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ที่ปรึกษาส่วนตัวได้เดินทางไปมอบนโยบายให้กรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำ โดยมีนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ให้การต้อนรับย่างพร้อมเพรียง ซึ่งก่อนการเดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางบางขวาง ในแดนประหารทั้งห้องประหารชีวิตแบบยิงเป้า และห้องประหารชีวิตแบบฉีดยาพิษ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขัง 1.7 แสนคน ใน 143 เรือนจำทั่วประเทศ โดยมีผู้ต้องขังคดียาเสพติด 70,000 คน มีอัตราส่วนระหว่างผู้คุมกับผู้ต้องขังอยู่ที่ 1/15 เจ้าหน้าที่ต้องทำงานสัปดาห์ละ 94 ชม. ดังนั้นจะไปพิจารณาการเพิ่มอัตราผู้คุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานต่อไป ส่วนนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำ หากพบมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งทางวินัย และอาญา พร้อมให้กรมราชทัณฑ์เน้นการตรวจสอบว่าปัญหายาเสพติดในเรือนจำเกิดจากอะไร เกิดจากผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่ โดยใช้วิธีการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ทั้งผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นระยะ รวมทั้งเร่งตรวจสอบให้ชัดเจนกรณีผู้ต้องขังยาเสพติดมักซัดทอดว่ามีการสั่งยาเสพติดมาจากในเรือนจำ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่จะประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ส่วนการติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำพร้อมสนับสนุน ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างศึกษา
นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายสุนัย มโนมัยอุดม รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทำเรื่องต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอตัวข้าราชการดีเอสไอ 31 คน ไปช่วยราชการว่า มีข่าวลือต่างๆ นานา เจอผู้แทนฯ ก็ถามตนว่าเอาอีกแล้วหรือเรื่องโยกย้ายข้าราชการดีเอสไอ 31 คน ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวเป็นการขอร้องจากนายสุนัย มโนมัยอุดม เพื่อนำข้าราชการกลุ่มนี้ไปช่วยงานชั่วคราว แต่ข้าราชการกลุ่มดังกล่าวยังสังกัดดีเอสไออยู่ ต่อไปหากท่านใดชอบงานตรงนี้ก็ขอโอนไปสังกัด ป.ป.ท.ได้ พร้อมยังมีข่าวปล่อยอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ทำงานเกี่ยวกับคดีต่างๆ คดีของดีเอสไอนั้นทำกันเป็นทีมไม่ใช่เรื่องเฉพาะคน ดังนั้น ใครที่ไปช่วยงาน ป.ป.ท.ไม่ใช่เป็นคนเดียวที่ทำคดี ที่ดีเอสไอยังมีเหลืออีกหลายคน ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้ออกไปแล้วคดีไม่ก้าวหน้า เป็นไปไม่ได้ การโยกย้ายครั้งนี้ที่ลือกันว่านายสมพงษ์เป็นผู้ลงนาม ตนยืนยันว่าไม่ใช่ตน ซึ่งตนจะโยกย้ายได้ต้องโยกย้ายระดับ 10 หรือ 11 เรื่องการขอตัวไปช่วยราชการครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับตน ถ้ากล่าวหากันตนจะอาละวาด
ต่อข้อถามที่ว่า เจ้าหน้าที่ออกไปช่วยราชการครั้งนี้อึดอัดในการทำงานของดีเอสไอหรือเปล่า นายสมพงษ์ กล่าวว่า คุณต้องไปถามเค้าเอง จะมาถามตนได้ยังไง แต่เชื่อว่าคงไม่อึดอัด เพราะท่านสุนัย บอกว่า หากไปทำงานจะขอยืมคนไปช่วยงาน ป.ป.ท.ตนไม่มีปัญหา ส่วนข้อถามที่ว่า มีนโยบายอย่างไรในการจัดอัตราส่วนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอระหว่างอดีตตำรวจ ทหาร พลเรือน นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่มีนโยบายเรื่องนี้ ไม่ว่าเป็นตำรวจ ทหาร พลเรือน หรือแม้แต่ผู้ต้องขังหากมีความสามารถก็เป็นดีเอสไอได้ ถ้าเป็นตำรวจแล้วไปตัดอนาคตเค้ามันไม่ได้ ต้องเอาคนที่มีความสามารถ มีการพูดกันว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะเป็นตำรวจหรือทหารแล้วทำให้การทำคดีพลิกแพลง พวกตนเฉยๆ เราเป็นนักการเมืองเข้าใจ ทีปฏิวัติไม่เห็นเป็นไร บ้านเมืองไม่เห็นจะรุนแรงเพียงหยุดไปชั่วคราว
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่กรมราชทัณฑ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ที่ปรึกษาส่วนตัวได้เดินทางไปมอบนโยบายให้กรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำ โดยมีนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ให้การต้อนรับย่างพร้อมเพรียง ซึ่งก่อนการเดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางบางขวาง ในแดนประหารทั้งห้องประหารชีวิตแบบยิงเป้า และห้องประหารชีวิตแบบฉีดยาพิษ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีผู้ต้องขัง 1.7 แสนคน ใน 143 เรือนจำทั่วประเทศ โดยมีผู้ต้องขังคดียาเสพติด 70,000 คน มีอัตราส่วนระหว่างผู้คุมกับผู้ต้องขังอยู่ที่ 1/15 เจ้าหน้าที่ต้องทำงานสัปดาห์ละ 94 ชม. ดังนั้นจะไปพิจารณาการเพิ่มอัตราผู้คุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานต่อไป ส่วนนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำ หากพบมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งทางวินัย และอาญา พร้อมให้กรมราชทัณฑ์เน้นการตรวจสอบว่าปัญหายาเสพติดในเรือนจำเกิดจากอะไร เกิดจากผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่ โดยใช้วิธีการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ทั้งผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่เรือนจำเป็นระยะ รวมทั้งเร่งตรวจสอบให้ชัดเจนกรณีผู้ต้องขังยาเสพติดมักซัดทอดว่ามีการสั่งยาเสพติดมาจากในเรือนจำ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่จะประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ส่วนการติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำพร้อมสนับสนุน ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างศึกษา
นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายสุนัย มโนมัยอุดม รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทำเรื่องต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอตัวข้าราชการดีเอสไอ 31 คน ไปช่วยราชการว่า มีข่าวลือต่างๆ นานา เจอผู้แทนฯ ก็ถามตนว่าเอาอีกแล้วหรือเรื่องโยกย้ายข้าราชการดีเอสไอ 31 คน ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวเป็นการขอร้องจากนายสุนัย มโนมัยอุดม เพื่อนำข้าราชการกลุ่มนี้ไปช่วยงานชั่วคราว แต่ข้าราชการกลุ่มดังกล่าวยังสังกัดดีเอสไออยู่ ต่อไปหากท่านใดชอบงานตรงนี้ก็ขอโอนไปสังกัด ป.ป.ท.ได้ พร้อมยังมีข่าวปล่อยอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ทำงานเกี่ยวกับคดีต่างๆ คดีของดีเอสไอนั้นทำกันเป็นทีมไม่ใช่เรื่องเฉพาะคน ดังนั้น ใครที่ไปช่วยงาน ป.ป.ท.ไม่ใช่เป็นคนเดียวที่ทำคดี ที่ดีเอสไอยังมีเหลืออีกหลายคน ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้ออกไปแล้วคดีไม่ก้าวหน้า เป็นไปไม่ได้ การโยกย้ายครั้งนี้ที่ลือกันว่านายสมพงษ์เป็นผู้ลงนาม ตนยืนยันว่าไม่ใช่ตน ซึ่งตนจะโยกย้ายได้ต้องโยกย้ายระดับ 10 หรือ 11 เรื่องการขอตัวไปช่วยราชการครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับตน ถ้ากล่าวหากันตนจะอาละวาด
ต่อข้อถามที่ว่า เจ้าหน้าที่ออกไปช่วยราชการครั้งนี้อึดอัดในการทำงานของดีเอสไอหรือเปล่า นายสมพงษ์ กล่าวว่า คุณต้องไปถามเค้าเอง จะมาถามตนได้ยังไง แต่เชื่อว่าคงไม่อึดอัด เพราะท่านสุนัย บอกว่า หากไปทำงานจะขอยืมคนไปช่วยงาน ป.ป.ท.ตนไม่มีปัญหา ส่วนข้อถามที่ว่า มีนโยบายอย่างไรในการจัดอัตราส่วนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอระหว่างอดีตตำรวจ ทหาร พลเรือน นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่มีนโยบายเรื่องนี้ ไม่ว่าเป็นตำรวจ ทหาร พลเรือน หรือแม้แต่ผู้ต้องขังหากมีความสามารถก็เป็นดีเอสไอได้ ถ้าเป็นตำรวจแล้วไปตัดอนาคตเค้ามันไม่ได้ ต้องเอาคนที่มีความสามารถ มีการพูดกันว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะเป็นตำรวจหรือทหารแล้วทำให้การทำคดีพลิกแพลง พวกตนเฉยๆ เราเป็นนักการเมืองเข้าใจ ทีปฏิวัติไม่เห็นเป็นไร บ้านเมืองไม่เห็นจะรุนแรงเพียงหยุดไปชั่วคราว
