“พินิจ” เผย 4 แนวทางแก้ปัญหาแพทย์ถูกญาติคนตายฟ้อง ฐานเลินเล่อในการรักษา ใช้คดีแพทย์จากศาลจังหวัดทุ่งสงมาเป็นบทเรียน เชื่อมั่น จะทำให้แพทย์ไม่หวั่นไหว และคลายกังวลได้ในอนาคต
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เนื่องจากในปัจจุบัน ได้มีคดีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของแพทย์ และบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งให้บริการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เช่น กรณีความขัดแย้งของญาติผู้ป่วยที่เสียชีวิต กับแพทย์ผู้ทำการรักษาพยาบาลที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดทุ่งสง และต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แพทย์ผู้ทำการรักษาฐานประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จนก่อให้เกิดความวิตกกังวลและความหวั่นไหวของแพทย์ และบุคลากรด้านสาธารณสุขโดยทั่วไปปรากฏ
นายพินิจ กล่าวว่า สำนักงานศาลยุติธรรมมิได้นิ่งนอนใจและตระหนักดีว่าปัญหาดังกล่าวมิได้กระทบแต่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หากกระทบถึงภาพรวมในความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อการให้บริการด้านสาธารณสุข และกระบวนการยุติธรรมเป็นสำคัญ สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้จัดการประชุมหารือระหว่างเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และคณะผู้พิพากษา เมื่อวันที่ 22 ก.พ. จนได้ข้อสรุปและแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวรวม 4 ประการ 1.สำนักงานศาลยุติธรรมจะเชิญปลัดกระทรวงสาธารณสุข และแพทยสภา มาร่วมประชุมเพื่อพิจารณาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องคดีแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุข และแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันในเร็ววันนี้ 2.สำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้เชี่ยวชาญกรณีพิเศษตามข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยผู้เชี่ยวชาญของศาลยุติธรรม พ.ศ.2546 หมวด 3 เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์สาขาต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาพิพากษาคดี 3.สำนักงานศาลยุติธรรมจะได้ส่งเสริมให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความน่าเชื่อถือและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก่อนมีการฟ้องคดีแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข เพื่อให้คดีขึ้นสู่ศาลน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้เสียหาย รวมทั้งส่งเสริมให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา ซึ่งอาจรวมถึงคดีที่ศาลจังหวัดทุ่งสงพิพากษาจำคุกแพทย์ ที่อยู่ในระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นด้วย และ 4.สำนักงานศาลยุติธรรมจะจัดการเสวนาระหว่างหน่วยงานสาธารณสุข และเครือข่ายผู้เสียหาย เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นายพินิจ กล่าวอีกว่า ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากแนวทางการแก้ปัญหา ปัญหาจะเป็นก้าวหนึ่งในความตั้งใจที่ดีของสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะได้มีส่วนในการช่วยบรรเทาความวิตกกังวล และความหวั่นไหวของแพทย์ และบุคลากรสาธารณสุข พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสายงานต่างๆ ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานให้บริการประชาชนด้วยจิตวิญญาณ อันจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับบังเกิดความสงบสุขและความมั่นคงในชีวิตของประชาชน และสังคมโดยรวมสืบไป
