พะเยา – คู่ชิงนายก อบจ.พะเยา ยื่นศาล-กกต.กลาง ร้อง “ไพรัตน์ ตันบรรจง” ข้อหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย้ำเชื่อมั่นศาลไม่เลี่ยงบาลีตัดสินถูกหรือผิดชัดเจน
นายประพันธ์ สิงห์ชัย ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา เบอร์ 1 เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลาง ร้องนายไพรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เบอร์ 2 เมื่อวันอังคาร ที่ 29 มกราคม 2551 เรื่องการหลอกลวง จูงใจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคุณหรือโทษกับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง ประเด็นเรื่องที่ร้องเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องในข้อกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น
การยื่นเรื่องทั้งสอง ช่องทางคือการต่อสู้ด้านกฎหมายในประเด็นขอความเป็นธรรมนำไปสู่การพิจารณาผิดหรือไม่ผิดของผู้ที่ถูกร้อง ส่วนเรื่องการร้องในประเด็นการบริหารงานโปร่งใสหรือไม่นั้น เมื่อครั้งที่นายไพรัตน์ ยังทำหน้าที่นายก อบจ.สมัยที่ผ่านมาตนไม่ร้อง เนื่องจากว่ามีหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบรับผิดชอบแล้ว ตนจะไม่ก้าวล่วง แต่ร้องในประเด็นที่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเท่านั้น
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า โดยกรณีศาลฎีกาได้ยื่นฟ้อง ณ ศาลฎีกา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551 ส่วนศาลยุติธรรมตนจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมจังหวัดพะเยาอีกครั้ง คิดว่างานนี้สู้ในข้อกฎหมายผ่านกระบวนการศาลจะได้รับการพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการเลี่ยงบาลีเหมือน กกต.ดำเนินการ เพราะ กกต.พิจารณาเรื่องที่มีการร้องจากข้อกฎหมายประกอบเป็นบางส่วน ที่สำคัญที่สุดคือการยึดคำวินิจฉัยของ กกต.ทั้ง 5 คน เป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนมีเหตุผลที่จะสนับสนุนหรือคัดค้านต่างกัน ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนเหมือนกระบวนการศาล
ที่สามารถวินิจฉัยในขั้นตอนสุดท้ายชัดเจน คือผิดกับถูกเท่านั้น “คาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 นี้ ตนจะได้รับหมาย เพื่อเข้าไปให้การในชั้นศาล พร้อมกับพยาน อย่างไรก็ตามอาจจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เนื่องด้วยกระบวนการในชั้นศาลมีการสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายปาก แต่จะเป็นกระบวนที่ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย”
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การต่อสู้ครั้งนี้ตนสู้ด้วยตัวเอง หลายๆ คนที่ตนเข้าไปติดต่อก่อนหน้านั้นเคยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ตนเอาจริงกลับไม่มีใครกล้าสู้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านนายไพรัตน์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากการเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้รอเพียงการประกาศรับรองผลจากสำนักงาน กกต.กลาง เท่านั้น
นายประพันธ์ สิงห์ชัย ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พะเยา เบอร์ 1 เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลาง ร้องนายไพรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เบอร์ 2 เมื่อวันอังคาร ที่ 29 มกราคม 2551 เรื่องการหลอกลวง จูงใจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคุณหรือโทษกับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง ประเด็นเรื่องที่ร้องเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องในข้อกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น
การยื่นเรื่องทั้งสอง ช่องทางคือการต่อสู้ด้านกฎหมายในประเด็นขอความเป็นธรรมนำไปสู่การพิจารณาผิดหรือไม่ผิดของผู้ที่ถูกร้อง ส่วนเรื่องการร้องในประเด็นการบริหารงานโปร่งใสหรือไม่นั้น เมื่อครั้งที่นายไพรัตน์ ยังทำหน้าที่นายก อบจ.สมัยที่ผ่านมาตนไม่ร้อง เนื่องจากว่ามีหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบรับผิดชอบแล้ว ตนจะไม่ก้าวล่วง แต่ร้องในประเด็นที่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งเท่านั้น
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า โดยกรณีศาลฎีกาได้ยื่นฟ้อง ณ ศาลฎีกา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551 ส่วนศาลยุติธรรมตนจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมจังหวัดพะเยาอีกครั้ง คิดว่างานนี้สู้ในข้อกฎหมายผ่านกระบวนการศาลจะได้รับการพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการเลี่ยงบาลีเหมือน กกต.ดำเนินการ เพราะ กกต.พิจารณาเรื่องที่มีการร้องจากข้อกฎหมายประกอบเป็นบางส่วน ที่สำคัญที่สุดคือการยึดคำวินิจฉัยของ กกต.ทั้ง 5 คน เป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนมีเหตุผลที่จะสนับสนุนหรือคัดค้านต่างกัน ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนเหมือนกระบวนการศาล
ที่สามารถวินิจฉัยในขั้นตอนสุดท้ายชัดเจน คือผิดกับถูกเท่านั้น “คาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 นี้ ตนจะได้รับหมาย เพื่อเข้าไปให้การในชั้นศาล พร้อมกับพยาน อย่างไรก็ตามอาจจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เนื่องด้วยกระบวนการในชั้นศาลมีการสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายปาก แต่จะเป็นกระบวนที่ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย”
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การต่อสู้ครั้งนี้ตนสู้ด้วยตัวเอง หลายๆ คนที่ตนเข้าไปติดต่อก่อนหน้านั้นเคยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ตนเอาจริงกลับไม่มีใครกล้าสู้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านนายไพรัตน์ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากการเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา ขณะนี้รอเพียงการประกาศรับรองผลจากสำนักงาน กกต.กลาง เท่านั้น
