ตำรวจ บก.น.7 จับกุมหนุ่มใหญ่อดีต พนง.บริษัทรับเหมา ผู้ต้องหาก่อเหตุบุกเดี่ยวชิงเงินสดเฉียดล้านจาก ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ขณะหนีกบดานอยู่ในอพาร์ตเมนต์ย่านบางพลัด ยึดเงินคืนเกือบทั้งหมด สารภาพทำไปเพราะต้องการหาเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูกสาววัย 7 ขวบ เนื่องจากตนเป็นโรคร้ายคาดว่าอยู่ได้อีกไม่นาน
เมื่อเวลา 19.00 น.วานนี้ (3 มี.ค.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สืบสวน บก.น.7 นำกำลังเข้าจับกุม นายไพบูลย์ ปางปัญญา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ที่ 77 ซ.กานต์ประภา เขตบางซื่อ กทม. ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงเงินสดกว่า 8 แสนบาท จากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องเลขที่ 320 ชั้น 3 วิภาวัณย์ อาพาร์ตเม้นท์ เลขที่ 1820/300 ถ.สิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.
จากการตรวจค้นภายในห้องดังกล่าวพบเงินสดของกลางจำนวน 614,440 บาท อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีบี 400 สีดำ ซึ่งผู้ต้องหาได้นำเงินที่ได้จากการจี้ชิงทรัพย์ไปซื้อ จอดอยู่ที่ลานจอดรถด้านหน้าอพาร์ตเมนต์
จากการสอบสวน นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่ภายหลังป่วยเป็นโรคหัวใจต้องทำบอลลูนถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้เพิ่งทราบว่าเป็นมะเร็งที่โพรงจมูก คิดว่าอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ตนยังมีลูกสาวอีก 1 คน ซึ่งอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น จึงอยากหาเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้เรียนสูงๆ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาจึงได้พกปืนปลอมที่ซื้อจากคลองถมไปที่ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และพบว่าธนาคารต่างๆ ปิดบริการหมดแล้ว เหลือเพียงธนาคารไทยพาณิชย์ที่ปิดประตูบานเลื่อนเพียงครึ่งเดียวจึงตรงเข้าไปใช้ปืนปลอมจี้ชิงเงินสดจากพนักงานธนาคารก่อนหลบหนีออกจากห้าง
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า หลังขับรถจักรยานยนต์ออกมา แต่ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถยนต์ ตนจึงตัดสินใจขับรถไปรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา แต่เกิดเปลี่ยนใจทิ้งรถจักรยานยนต์เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านย่านถนนตะนาว เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงได้หนีมากบดานที่อพาร์ตเม้นท์ ดังกล่าวซึ่งตนเพิ่งเช่าได้เพียง 1 วันเท่านั้น จากนั้นเมื่อเวลา 17.00 น.จึงตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซีบี 400 ที่ร้านปรีชาธนยนต์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเพียง 100 เมตร ในราคา 165,000 บาท กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด
ต่อมาเจ้าหน้าที่พาผู้ต้องหาพร้อมนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปที่ร้านปรีชาธนยนต์ เพื่อนำรถจักรยานยนต์ไปคืนให้กับทางร้าน และขอเบิกเงินที่ได้จากการขายรถจักรยานยนต์คืนจำนวน 165,000 บาท ซึ่งทางร้านให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า หลังทราบเรื่องตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา และฝ่ายสืบสวนเร่งหาเบาะแสของคนร้ายอย่างใกล้ชิด ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผานมาได้เดินทางไปประชุมร่วมกับฝ่ายสืบสวนที่ สน.บางยี่ขัน ด้วยตนเอง จนสามารถสืบรู้ตัวคนร้ายและแหล่งกบดาน ก่อนนำกำลังเข้าจับกุม ทั้งนี้ สามารถยึดเงินสดจากตัวผู้ต้องหาคืนมาได้จำนวนกว่า 6 แสนบาท รวมทั้งกับเงินที่ผู้ต้องหานำไปซื้อจักรยานยนต์ทำให้ยังคงเหลือเงินอีกประมาณ 2 หมื่นบาทเท่านั้น
พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวด้วยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าที่ทำไปทั้งหมด เพราะทราบว่าตัวเองเป็นโรคร้าย คิดว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานจึงคิดหาเงินเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนของลูกสาว ซึ่งจากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหาทำเพียงคนเดียว นอกจากนี้ พบว่าผู้ต้องหามีการศึกษาดี จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการตลาด และมีฐานะค่อนข้างดี แต่หากพิจารณาจากการพูดคุยเหมือนคนสติไม่สมประกอบ อย่างไรก็ตามได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.บางยี่ขัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“อัศวิน” สั่งเร่งล่าตัวโจรจี้แบงก์ไทยพาณิชย์ปิ่นเกล้า
บุกเดี่ยวจี้แบงก์ไทยพาณิชย์เซ็นทรัลปิ่นเกล้า กวาด 8 แสนลอยนวล
