“ทวี สอดส่อง” เตรียมเดินหน้าสะสางคดีที่ดีเอสไอทำสำนวนเกิน 1 ปี โดยเฉพาะคดีเผือกร้อนอย่างคดีการหายตัวไปของทนายสมชาย และคดีเพชรซาอุ ชี้การทำงานจากนี้เน้นการประเมิณผลงานเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาราชการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงนโยบายการทำงานภายหลังเข้าทำหน้าที่รักษาการอธิบดีดีเอสไอ ว่า สิ่งที่จะดำเนินการสิ่งแรก คือ จะเร่งรัดคดีค้างเก่าที่ดีเอสไอรับโอนเป็นคดีพิเศษเกิน 1 ปี มาดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะเห็นว่าการทำสำนวนเกิน 1 ปีเป็นการทำงานที่ล่าช้า ซึ่งพบว่ามีคดีค้างเก่าถึง 331 คดี และเป็นคดีที่ดีเอสไอรับโอนมาเกินกว่า 1 ปี จำนวน 76 คดี โดยในเบื้องต้นจะเข้าไปตรวจสอบถึงสาเหตุความล่าช้าในการทำสำนวนคดี โดยเฉพาะคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม การฆาตกรรมทูตชาวซาอุดีอาระเบียที่เหลืออายุความอีกเพียง 1 ปี และคดีที่เกิดความเสียหายต่อรัฐ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ จะนัดประชุมผู้บริหารดีเอสไอ และ ผบ.สำนักคดี เพื่อชี้แจงถึงการทำงานที่จะใช้กฎหมายที่ไม่ค่อยมีผู้หยิบยกมาดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทั้งที่เป็นคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและภาครัฐอย่างมากมาดำเนินการ เช่นคดีที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ภาษี สิ่งแวดล้อม ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ โดยจะพิจารณาข้อกฎหมายที่ระบุเป็นท้าย พ.ร.บ.ดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องให้บรรลุตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานการดำเนินคดีที่ถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายโดยปัญหาในการสอบสวนคดีคือการรวบรวมพยานหลักฐาน หลังจากนี้จะทำให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีพิเศษรวบรวมหลักฐานให้มีฐานข้อมูลที่เพียงพอ และเชื่อมั่นว่า ข้าราชการของดีเอสไอทั้ง 600 คน จะทำงานเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ซึ่งจะต้องหล่อหลอมข้าราชการให้มีความสามัคคีด้วย
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ภายใน 2 ปี จะพยายามจัดการกับคดีปั่นหุ้น คดีหลีกเลี่ยงภาษี และคดีการขอชดเชยเงินภาษีคดีการยักยอกเงินของบริษัทออกนอกระบบ โดยร่วมมือทางด้านข้อมูลและหลักฐานกับตลาดหลักทรัพย์ การดำเนินคดีกับโรงงานอุตสาหกรรมที่นำขยะอิเลคทรอนิคไปฝังกลบในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมจนเป็นอันตรายต่อประชาชน โดยการทำงานหลังจากนี้จะใช้ระบบการประเมิณผลงานเป็นเกณฑ์วัดประสิทธิภาพในการทำงาน