xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลือเด้ง"สุนัย"พ้นดีเอสไอเป็นจริงแล้ว!!!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ทันทีที่"นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์"พี่ชาย"พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์"อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กลับมาคุมบังเหียนกระทรวงตาชั่ง(ยุติธรรม)ภายใต้อำนาจรัฐบาลพลังประชาชน(พลังแม้ว)หลายคนต่าง"ฟันธง"ตรงกันว่า...โปรมแกรมหน้า เร็วๆนี้ ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงใน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ครั้งใหญ่ แน่นอน....

จากนั้นผ่านมา 14 วันเต็ม หลัง"สมพงษ์ อมรวิวัฒน์"เข้ารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม อย่างเป็นทางการ( 7 ก.พ.51)วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก็เกิดข่าวลือแพร่สะพัด...ว่า นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อาจถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ถึงแม้ข่าวนี้ นายสุนัย จะบอกว่า ไม่รู้สึกอะไร อีกทั้ง เชื่อว่าคงเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เพราะในดีเอสไอ มีพวกข้าราชการที่ทำหน้าที่เจ้ากรมข่าวลือ คอยปล่อยข่าวว่าคนโน้นคนนี้จะถูกย้าย พร้อมกับ ย้ำว่าหากถูกย้ายจริงผมก็น่าจะพอรู้เรื่องบ้าง เพราะการย้ายข้าราชการระดับ 10 จะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน...

“ผมไม่รู้สึกตกใจถ้าผมจะโดนย้ายด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ผมอยากบอกว่าไม่ต้องย้ายผมก็ได้ เดี๋ยวผมก็จะไปเอง เพียงแค่ส่งคนมาบอกหรือกระซิบ ผมก็จะทำเรื่องโอนกลับศาลยุติธรรมทันที ที่ผ่านมา หลายเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ข่าวย้ายผมพ้นจากตำแหน่งมีอย่างต่อเนื่อง แต่ผมคิดว่าคนที่รัฐมนตรีน่าจะบอกควรเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมมากกว่า เพราะปลัดฯชวนผมมาทำงานทีนี่”

22 กุมภาพันธ์ 51 นายสมพงษ์ รมว.ยุติธรรม ออกมาพูดเป็นปริศนา ต่อกรณีข่าวลือย้าย นายสุนัย ว่า"ตนก็สงสัยว่าทำไมถึงออกข่าวกันมากมาย เพราะตอนนี้ ยังไม่เกิดความคิดใดๆ แต่หากการย้ายอาจมีจริงหรือไม่จริง ต้องดู แต่ยืนยันได้ว่าการย้ายต่างๆต้องมีเหตุผลที่ตอบได้ว่า เป็นการย้ายเพื่ออะไร และให้ไปทำอะไรยังไง"

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปดูวันที่ นายสมพงษ์ เข้ารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม เมื่อวันที่ 7 ก.พ.51 ท่านสมพงษ์ ได้พูดเสียงดังฟังชัด ต่อหน้าข้าราชการระดับสูง ของกระทรวงยุติธรรม ว่า"ขอให้ร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ตนมีความรู้ในงานด้านกฎหมายไม่มาก แต่จะนำกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องความซื่อสัตย์มาใช้ควบคู่กับการทำงาน จึงขอวิงวอนให้ข้าราชการร่วมกันทำงาน แม้ว่าตนเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 5 สมัย แต่กระทรวงนี้เป็นกระทรวงใหม่ที่มีความสำคัญ จึงขอให้ปลัดกระทรวงและข้าราชการให้ความเอ็นดูตนเพื่อให้งานในกระทรวงก้าวหน้า สิ่งใดที่ตนทำผิดพลาดขอให้ตักเตือน ซึ่งตนจะทำทุกอย่างให้กระทรวงยุติธรรมสำเร็จทุกเป้าหมาย"

ส่วนข้อถามถึงบทบาทต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ซึ่งมีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมพงษ์ ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ถ้าตนไม่มาเขาจะไม่ทำหรืออย่างไร

เมื่อถามว่ามีข้อกังวลว่ารัฐบาลอาจเข้ามาแทรกแซงคดีหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า คุณไม่ต้องมาถามอย่างนี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายทั้งนั้น ตนไม่รู้เรื่องกฎหมาย แต่ทราบว่าถ้าไปผูกมัดอะไรผิดตนไม่ทำ พร้อมกับกล่าวทิ้งท้าย "เรื่องแต่งตั้งโยกย้ายล้างขั้วเก่า" ว่าคงไม่ทำอย่างนั้น ทุกอย่างจะเป็นไปตามครรลองครองธรรม มาถามอะไรอย่างนี้ เรื่องที่พวกคุณมีความวิตกไม่มีกับตนแน่นอน มันอยู่ที่ความชอบธรรมมากกว่า

วันนี้ถึงแม้....พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ น้องชาย นายสมพงษ์ ท่านจะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในกระทรวงยุติธรรม ก็ตามที แต่ท่าน ถือเป็น รมว.ยุติธรรมเงาตัวจริง เพราะเมื่อ รมว.สมพงษ์ ไปปฎิบัติงานที่ไหน ก็จะมี พล.ต.อ.สมบัติ ร่วมเดินทางไปด้วยในทุกครั้ง

ย้อนกลับไปที่ข่าวลือ"เตรียมเด้งสุนัยพ้นดีเอสไอ"หากไปดูอดีตที่ผ่านมาของดีเอสไอ ถือว่า ข่าวลือ น่าจะมี ที่มา ที่ไป และมีความเป็นไปได้ ค่อนข้างสูง อยู่ทีเดียว....

เริ่มจาก"นายสุนัย มโนมัยอุดม"เคยพูดอยู่เสมอว่า ท่านพร้อมที่จะโอนกลับไปยัง ต้นสังกัดเดิม(ศาลยุติธรรม)เมื่อหมดภารกิจ และถือเป็นการมาทำงาน ตามคำเชิญของ นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม

ขณะที่ผลงานการโยกย้ายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยุค นายสุนัย นั่งคุมทัพ ถือว่า ไม่ธรรมดา และถือเป็นการย้ายแบบล้างบาง สร้างรอยแค้นให้กับบุคคลที่ถูกย้าย เป็นอย่างยิ่ง

23 เมษายน 2550 นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงนามคำสั่งโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ระดับ 9 จำนวน 2 ตำแหน่ง โดยให้ปรับเปลี่ยน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ตัวเก็งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ณ ขณะนั้น)ไปเป็นรองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และให้ นายภิญโญ ทองชัย รองเลขาฯ ป.ป.ส.มาเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.2550

โดยเหตุผลการย้าย พ.ต.อ.ทวี คนสนิท พล.ต.อ.สมบัติ ในครั้งนั้น นายจรัญ ให้เหตุผลว่า"เป็นการย้ายสลับสับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม ประโยชน์ คือ เพื่อให้งานด้านยาเสพติดมีความแปลกใหม่ และเห็นผลงานมากขึ้น โดย พ.ต.อ.ทวี จะได้นำแนวทางการสืบสวนสอบสวนจากดีเอสไอ ไปปรับใช้ในงานปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้ นายภิญโญ จะได้นำเทคนิควิธีในการปราบปรามยาเสพติดมาใช้ในการทำคดีพิเศษ"

ขณะที่ห้วงเวลานั้น พ.ต.อ.ทวี มีข่าวจะถูกโยกย้ายมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดย พ.ต.อ.ทวี ถูกจับตามองว่าเป็นกลุ่มอำนาจเก่า และเป็นคนสนิทของ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากมีทีมงานในกลุ่มงานความมั่นคงหลายคนเป็นอดีตหน้าห้องรัฐมนตรี มีทั้งอดีตหน้าห้องของนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อีกทั้งในด้านงานคดียังทำงานตอบสนองคำสั่งของรัฐบาลเก่าค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริตขายสินทรัพย์ขององค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) คดีทุจริตโครงการก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ทางรอดของกรุงเทพมหานคร และคดีปั่นหุ้นปิคนิค ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังเคยถูกนายจรัญ เรียกมาสอบถามถึงขั้นตอนการใช้เครื่องดักฟังโทรศัพท์อีก ด้วย

24 กันยายน 2550 นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระดับ 9 อีก 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย (นายเวร พล.ต.อ.สมบัติ)ย้ายจาก ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศ และคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ไปเป็น ผอ.สำนักพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม สำนักกิจการยุติธรรม 2.พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ไปเป็น ผอ.สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ 3.พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ไปเป็น ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา 4.นางศิวาพร ชื่นจิตต์ศิริ จาก ผบ.สำนักคดีภาษีอากร ไปเป็น ผบ.สำนักพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ 5.นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา ไปเป็น ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร 6.พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน จาก ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ไปเป็นผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ

ส่วนเหตุผล นายสุนัย พูดสั้นๆว่า“การโยกย้ายเป็นวาระปกติ ไม่อยากให้คนที่ถูกย้ายคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง บางเหตุผลไม่จำเป็นต้องบอก เจ้าตัวน่าจะรู้ว่าเป็นเพราะอะไร พูดไปก็มีแต่เสียกับเสีย องค์กรจะพัง สิ่งที่ทำลงไปถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”

วันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ องค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายพิเศษ เพื่อทำคดีพิเศษ แต่ห้วงเวลากว่า 5 ปี ที่ผ่านมาของการก่อตั้ง พบว่า มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย เปลี่ยนตัวอธิบดีไปแล้วถึง 3 คน ประกอบด้วย อธิบดีตัวจริง 2 รักษาการ 1 คือ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ นายไกรสร บารมีอวยชัย และนายสุนัย มโนมัยอุดม

ท้ายสุดวันนี้ สดๆร้อนๆ"นายสมพงษ์"รมว.ยุติธรรม ยุครัฐบาล"สมัคร สุนทรเวช"ที่พูดเป็นปริศนาเมื่อช่วงเช้าว่า หากย้ายจริงต้องอธิบายต่อสังคมได้ ก็ได้ทำการเซ็นย้ายด่วน นายสุนัย พ้นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว โดยให้ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) ซึ่งเป็นสำนักงานที่เตรียมจะจัดตั้งขึ้นใหม่ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีดีเอสไอ โดยหลังมีคำสั่งย้ายไปช่วยราชการ ขั้นตอนต่อไปจะมีการเสนอเป็นวาระเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมขึ้นเป็นอธิบดีดีเอสไอและเลขาธิการปปท.ตัวจริง ต่อไป

ข่าวลือที่เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงแค่ 2 วัน มาวันนี้เกิดเป็นจริงแล้ว โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ คือ กรมแรกที่ต้องรับชะตากรรม และกำลังกลับสู่อดีต ส่วนกรมต่อไป จะเป็นกรมใด และใคร คือ รายที่สอง รายที่สาม รายที่สี่ คงต้องติดตามกันต่อไป ...!!!!




กำลังโหลดความคิดเห็น