ผู้ต้องหายิงพนักงานโรงถลุงเหล็กสหวิริยา โผล่กลางห้องส่งไทยพีบีเอส ขณะอัดรายการถกปัญหายุติความขัดแย้งระหว่างฝ่ายหนุนกับฝ่ายต้าน “โคทม” แนะ 2 ฝ่ายหันหน้าคุยกันแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี
วันนี้ (23 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ตัวแทนชาวบ้านทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านสนับสนุนโครงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 20 คน ได้เดินทางไปยังห้องส่งสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อร่วมรายการ “สถานีประชาชน” โดยได้มีการส่งตัวแทนชาวบ้านจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายคัดค้านนำโดย นายสุพจน์ ส่งเสียง และนายสมบัติ เชื้อกรด แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ส่วนฝ่ายสนับสนุน นำโดย นายไวพจน์ สิงคเสลิต รองประธานกลุ่มพัฒนาบางสะพาน และนายธีรยุทธ เจริญยิ่ง ตัวแทนชาวบ้าน นำเสนอความคิดเห็นต่อกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่
นายไวพจน์ กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งของชาวบ้านเกิดขึ้นจากการที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างว่า ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีการเคลื่อนไหวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และเริ่มใช้ความรุนแรงในการประท้วงคัดค้านแต่ละครั้งกับฝ่ายราชการ และชาวบ้านที่สนับสนุน รวมไปถึงพนักงานสหวิริยา ทั้งที่ยังไม่ข้อสรุปผลดีผลเสีย ซึ่งควรเป็นการลงประชามติร่วมกันของชาวบ้านทั้งหมด โดยหากเสียงส่วนใหญ่เห็นมีผลกระทบ พวกตนก็รับได้ และเห็นว่าโรงงานก็ไม่ควรสร้างเช่นกัน
“เราไม่ชอบความรุนแรง เราไม่ชอบบุคลคลที่ใช้อำนาจอย่างไร้สาระ ทุกคนย่อมมีความคิดของตัวเอง คนที่ไม่อยากให้ขึ้นก็ไม่เป็นไร คนที่อยากให้ขึ้นเค้าก็มีทำไมไม่ถามกัน ทำไมไม่ลงประชามติกัน ว่าคุณจะเอาหรือไม่ ถ้าคนบางสะพานไม่เอาเยอะ ปิดไปซิครับ ผมก็ไม่ว่าอะไร ประเทศเราประชาธิปไตย จะขึ้นอย่างเดียว มีตังค์ขึ้น ไม่ใช่ ถึงบริษัทจะมีเงินมหาศาล ถ้าประชาชนไม่ยอมรับ เสียงข้างมากบอกไม่ให้ขึ้น เค้าก็ขึ้นไม่ได้ แล้วยังมีรัฐบาลหน่วยงานกลางอีกเยอะแยะ ก็มีการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่ต้องให้ขึ้นก็ปิดไป” นายไวพจน์ กล่าว
ด้าน นายสุพจน์ กล่าวถึงสาเหตุที่เกิดการกระทบกระทั่งว่า มาจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของชาวบ้านทั้ง 2 ฝ่าย โดยในส่วนของกลุ่มอนุรักษ์ได้มีการเคลื่อนไหวโดยสันติวิธีมาตลอด ด้วยการให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านและยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการกรณีผลกระทบจากโครงการมากว่า 2 ปี แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ต้องมีการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้รับความสนใจจากภาครัฐ
“เกือบ 2 ปีแล้วที่เดือดร้อนมา และต่อสู้มาด้วยสันติวิธี ยื่นหนังสือมาเป็นร้อยๆ ฉบับ พอยื่นเรื่องไปปุ๊บถูกเฉยเมย อันนี้เป็นจุดเล็กๆ ที่เริ่มต้นมา ไปมองว่าเราอาจใช้คำพูดรุนแรงหรือว่ามีเสียงดังบ้าง ผมถามหน่อยว่าคนที่เดือดร้อนเนี่ยนั่งพับเพียบอยู่กับบ้านใครจะรู้” นายสุพจน์ กล่าว
ขณะที่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่าการที่ตนและชาวบ้านในพื้นที่ต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะได้รับผลกระทบจากการประท้วงคัดค้าน ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่มีการนำร้ายชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะไม่ยอมแสดงความเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พร้อมกันนี้นายธีรยุทธได้นำภาพถ่ายของนางระพีพร ฉายสุขเกษม หญิงชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะจากการถูกรุมทำร้ายของกลุ่มคัดค้านระหว่างที่กลุ่มดังกล่าวชุมนุมปิดล้อมที่ว่าการอำเภอบางสะพานมาให้ผู้ดำเนินรายการดูด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างช่วงรายการ ผู้ดำเนินรายการได้ติดต่อ นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ เครือสหวิริยา ทางโทรศัพท์ เพื่อให้ชี้แจงกรณีถูกระบุว่าบริษัทฯ เป็นคนนอกที่เข้ามาทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ โดยนายไพโรจน์ยืนยันว่า บริษัทไม่ได้เป็นคนนอกตามที่ผู้ดำเนินรายการระบุแต่อย่างใด เพราะบริษัทได้เข้ามาดำเนินกิจการในพื้นที่อำเภอบางสะพานมาเป็นระยะเวลากว่า 17 ปีแล้ว จนเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกันกับชาวบ้าน โดยมีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่จำนวนหลายพันคน ซึ่งทำให้การดำเนินอุตสาหกรรมของบริษัทสามารถอยู่ร่วมกับชุนชนได้โดยไม่มีปัญหาทั้งเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในชุมชน เพราะบริษัทรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน มีการช่วยเหลือเกื้อกูลในด้านเศรษฐกิจและสังคมกับชุมชนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม บริษัทก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านรวมถึงฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายโคทม กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งดีที่ทั้ง 2 ฝ่ายที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยผ่านสื่อไปยังการรับรู้ของประชาชน และไม่อยากให้มองว่ากรณีนี้ใครตกเป็นเหยื่อของใคร หรือเป็นปัญหาความขัดแย้งที่ไม่มีทางแก้ไข แต่เห็นว่าในวิกฤติครั้งนี้ยังมีโอกาส โดยการที่ทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งพูดคุยกัน ได้มาร่วมเวทีเปิดใจในลักษณะการการประสานเสวนามากกว่าการเอาชนะกัน เพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นให้ดีกว่าเดิม และจากที่รับฟังพบว่ายังสามารถที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกันได้อยู่ ขณะเดียวกันก็เห็นว่าบริษัทควรมีโอกาสเข้ามาอธิบายในประเด็นที่ฝ่ายคัดค้านกังวลใจด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจินตนา แก้วขาว แกนนำกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด ยังได้พานายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดียิงนายรักศักดิ์ คงตระกูล พนักงานของเครือสหวิริยาเสียชีวิต ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่านายบำรุงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ เข้ามาร่วมอยู่ในกลุ่มของผู้คัดค้านภายในห้องส่งด้วย
วันนี้ (23 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ตัวแทนชาวบ้านทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านสนับสนุนโครงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 20 คน ได้เดินทางไปยังห้องส่งสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อร่วมรายการ “สถานีประชาชน” โดยได้มีการส่งตัวแทนชาวบ้านจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายคัดค้านนำโดย นายสุพจน์ ส่งเสียง และนายสมบัติ เชื้อกรด แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ส่วนฝ่ายสนับสนุน นำโดย นายไวพจน์ สิงคเสลิต รองประธานกลุ่มพัฒนาบางสะพาน และนายธีรยุทธ เจริญยิ่ง ตัวแทนชาวบ้าน นำเสนอความคิดเห็นต่อกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่
นายไวพจน์ กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งของชาวบ้านเกิดขึ้นจากการที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างว่า ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีการเคลื่อนไหวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และเริ่มใช้ความรุนแรงในการประท้วงคัดค้านแต่ละครั้งกับฝ่ายราชการ และชาวบ้านที่สนับสนุน รวมไปถึงพนักงานสหวิริยา ทั้งที่ยังไม่ข้อสรุปผลดีผลเสีย ซึ่งควรเป็นการลงประชามติร่วมกันของชาวบ้านทั้งหมด โดยหากเสียงส่วนใหญ่เห็นมีผลกระทบ พวกตนก็รับได้ และเห็นว่าโรงงานก็ไม่ควรสร้างเช่นกัน
“เราไม่ชอบความรุนแรง เราไม่ชอบบุคลคลที่ใช้อำนาจอย่างไร้สาระ ทุกคนย่อมมีความคิดของตัวเอง คนที่ไม่อยากให้ขึ้นก็ไม่เป็นไร คนที่อยากให้ขึ้นเค้าก็มีทำไมไม่ถามกัน ทำไมไม่ลงประชามติกัน ว่าคุณจะเอาหรือไม่ ถ้าคนบางสะพานไม่เอาเยอะ ปิดไปซิครับ ผมก็ไม่ว่าอะไร ประเทศเราประชาธิปไตย จะขึ้นอย่างเดียว มีตังค์ขึ้น ไม่ใช่ ถึงบริษัทจะมีเงินมหาศาล ถ้าประชาชนไม่ยอมรับ เสียงข้างมากบอกไม่ให้ขึ้น เค้าก็ขึ้นไม่ได้ แล้วยังมีรัฐบาลหน่วยงานกลางอีกเยอะแยะ ก็มีการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่ต้องให้ขึ้นก็ปิดไป” นายไวพจน์ กล่าว
ด้าน นายสุพจน์ กล่าวถึงสาเหตุที่เกิดการกระทบกระทั่งว่า มาจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของชาวบ้านทั้ง 2 ฝ่าย โดยในส่วนของกลุ่มอนุรักษ์ได้มีการเคลื่อนไหวโดยสันติวิธีมาตลอด ด้วยการให้ข้อมูลแก่ชาวบ้านและยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการกรณีผลกระทบจากโครงการมากว่า 2 ปี แล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ต้องมีการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ได้รับความสนใจจากภาครัฐ
“เกือบ 2 ปีแล้วที่เดือดร้อนมา และต่อสู้มาด้วยสันติวิธี ยื่นหนังสือมาเป็นร้อยๆ ฉบับ พอยื่นเรื่องไปปุ๊บถูกเฉยเมย อันนี้เป็นจุดเล็กๆ ที่เริ่มต้นมา ไปมองว่าเราอาจใช้คำพูดรุนแรงหรือว่ามีเสียงดังบ้าง ผมถามหน่อยว่าคนที่เดือดร้อนเนี่ยนั่งพับเพียบอยู่กับบ้านใครจะรู้” นายสุพจน์ กล่าว
ขณะที่ นายธีรยุทธ ยืนยันว่าการที่ตนและชาวบ้านในพื้นที่ต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะได้รับผลกระทบจากการประท้วงคัดค้าน ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่มีการนำร้ายชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะไม่ยอมแสดงความเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พร้อมกันนี้นายธีรยุทธได้นำภาพถ่ายของนางระพีพร ฉายสุขเกษม หญิงชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะจากการถูกรุมทำร้ายของกลุ่มคัดค้านระหว่างที่กลุ่มดังกล่าวชุมนุมปิดล้อมที่ว่าการอำเภอบางสะพานมาให้ผู้ดำเนินรายการดูด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างช่วงรายการ ผู้ดำเนินรายการได้ติดต่อ นายไพโรจน์ มกร์ดารา ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการพิเศษ เครือสหวิริยา ทางโทรศัพท์ เพื่อให้ชี้แจงกรณีถูกระบุว่าบริษัทฯ เป็นคนนอกที่เข้ามาทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ โดยนายไพโรจน์ยืนยันว่า บริษัทไม่ได้เป็นคนนอกตามที่ผู้ดำเนินรายการระบุแต่อย่างใด เพราะบริษัทได้เข้ามาดำเนินกิจการในพื้นที่อำเภอบางสะพานมาเป็นระยะเวลากว่า 17 ปีแล้ว จนเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกันกับชาวบ้าน โดยมีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่จำนวนหลายพันคน ซึ่งทำให้การดำเนินอุตสาหกรรมของบริษัทสามารถอยู่ร่วมกับชุนชนได้โดยไม่มีปัญหาทั้งเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในชุมชน เพราะบริษัทรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน มีการช่วยเหลือเกื้อกูลในด้านเศรษฐกิจและสังคมกับชุมชนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม บริษัทก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านรวมถึงฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายโคทม กล่าวว่า ถือเป็นสิ่งดีที่ทั้ง 2 ฝ่ายที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยผ่านสื่อไปยังการรับรู้ของประชาชน และไม่อยากให้มองว่ากรณีนี้ใครตกเป็นเหยื่อของใคร หรือเป็นปัญหาความขัดแย้งที่ไม่มีทางแก้ไข แต่เห็นว่าในวิกฤติครั้งนี้ยังมีโอกาส โดยการที่ทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งพูดคุยกัน ได้มาร่วมเวทีเปิดใจในลักษณะการการประสานเสวนามากกว่าการเอาชนะกัน เพื่อแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นให้ดีกว่าเดิม และจากที่รับฟังพบว่ายังสามารถที่จะพูดคุยทำความเข้าใจกันได้อยู่ ขณะเดียวกันก็เห็นว่าบริษัทควรมีโอกาสเข้ามาอธิบายในประเด็นที่ฝ่ายคัดค้านกังวลใจด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจินตนา แก้วขาว แกนนำกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูด ยังได้พานายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดียิงนายรักศักดิ์ คงตระกูล พนักงานของเครือสหวิริยาเสียชีวิต ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่านายบำรุงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ เข้ามาร่วมอยู่ในกลุ่มของผู้คัดค้านภายในห้องส่งด้วย