ฟันวินัยไม่ร้ายแรง 3 สันติบาล ฐานขี้จุ๊ผู้บังคับบัญชา ตั้ง กก.ฟันเพิ่ม สารวัตร-สิบเอกมนตรี ฐานครอบครองรถเจ้าปัญหา ขณะที่ ตร.เปิดเว็บไซต์เช็กรถแชร์ พร้อมสั่งด่าน ตร.ทั่วประเทศขึ้นบัญชีรถแจ้งอายัดตรวจจับทันที
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร.แถลงว่า จากกรณีแชร์รถยนต์ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ตร.จึงได้เปิดศูนย์ตรวจสอบข้อมูลแชร์รถยนต์ โดยเปิดหน้าเว็บไซต์ขึ้นเป็นแบนเนอร์ในเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ www.police.go.th เปิดให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบได้ หากสงสัยว่ารถที่ตนครอบครองอาจจะเป็นรถที่อยู่ในขบวนการแชร์รถยนต์
“ในหน้าเว็บไซต์จะระบุข้อมูลรถยนต์ที่ผู้เสียหายแจ้งอายัดไว้ทั้งหมด จากทุกสถานี ประกอบด้วยข้อมูลยี่ห้อ รุ่น ทะเบียน สี หมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถังของรถทั้งหมด ให้ผู้ที่สงสัยว่ามีรถเหล่านี้ในครอบครอง เข้าไปตรวจสอบได้ โดยเข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ดังกล่าว หรือหากไม่สะดวกก็สามารถโทรศัพท์ สอบถามได้ที่ เบอร์ 02-2507860-7 หรือ 02-2051840-2 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรอรับสายและตรวจสอบข้อมูลให้ 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลรถที่แจ้งอายัดกับตำรวจขณะนี้มีกว่า 700 คันแล้ว โดยข้อมุลที่ศูนย์ตรวจสอบมีอยู่ในขณะนี้ยังไม่ครบถ้วน มีเพียง สน.มีนบุรี 277 คัน สน.นิมิตรใหม่ 88 คัน สน.บางพลัด 40 คัน ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดกำลังทยอยเข้ามาอีกกว่า 300 คัน” พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าว
โฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า มีผู้ขับขี่รถตู้รับจ้างจำนวนมากโทรศัพท์มาสอบถาม เพราะเกรงว่ารถที่ตัวเองขับอยู่นั้น จะเป็นรถที่ถูกแจ้งอายัดเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งช่องทางตรวจสอบได้ โดยผู้ใดที่พบว่ารถที่ใช้อยู่ตรงตามข้อมูลที่แจ้งอายัดให้เอามาคืนที่สถานีตำรวจ แล้วลงบันทึกประจำวันไว้ไม่ต้องกลัว อย่านำไปจอดทิ้งไว้เฉยๆ หากอยากจอดทิ้งไว้ก็ไปจอดไว้ที่สถานีตำรวจ
โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตร.ยังสั่งการด่านตรวจของตำรวจทั่วประเทศ ให้นำข้อมูลรถที่แจ้งอายัดทั้งหมดจากศูนย์ตรวจสอบข้อมูลแชร์รถยนต์ ไปใช้เพื่อสุ่มตรวจสอบรถที่ผ่านด่านทั่วประเทศ เพื่อช่วยหารถที่แจ้งอายัดเหล่านี้คืนด้วย โดยให้เน้นตรวจรถป้ายแดง รถใหม่ ตามข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งหากตำรวจตรวจพบคนที่ครอบครองอยู่ก็ต้องถูกดำเนินคดี หากไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ ดังนั้น ต้องประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือกับคนที่มีรถใหม่ขณะนี้ให้พกสำเนาคู่มือ แสดงกรรมสิทธิ์ในรถของตัวเองไว้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และมีปัญหาเมื่อถูกตรวจสอบ
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบสืบสวนข้อเท็จจริง ทางวินัยของ ร.ต.อ.กรินทร์ ทองมโนกูร สารวัตรกองรักษาการ ส.ต.อ.มนตรี เทวรัตน์ และ ส.ต.ท.ชัววัฒน์ ปัฌชาชัย ผบ.หมู่กองรักษาการ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 นั้น โฆษก ตร.กล่าวว่า การสืบสวนข้อเท็จจริงของกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 นั้นได้ข้อสรุปแล้ว ส่งให้ พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้บัญชาการพิจารณาชี้ขาด โดย บก.ส.3 สรุปว่า ตำรวจสันติบาลทั้ง 3 นาย มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรงกรณีโกหกผู้บังคับบัญชา โทษอาจเพียง ขัง หรือกักยาม
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ยังตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ร.ต.อ.กรินทร์ และ ส.ต.องมนตรี ที่ครอบครองรถตู้คันดังกล่าวด้วย โดยจะดูว่าครอบครองรถโดยชอบหรือไม่ มีจุดบกพร่องอย่างไร ซึ่งพิจารณากันด้วยวินัยตำรวจไม่ใช่ทางอาญา โดยต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ส่วนทางอาญานั้น สน.มีนบุรีดำเนินการ สำหรับกรณีที่ให้จเรตำรวจเข้าไปตรวจสอบว่ามีตำรวจเข้าไปพัวพันกรณีแชร์รถยนต์หรือไม่นั้น ทางจเรตำรวจได้แจ้งแก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ว่า ขอเลื่อนการรายงานผลไปอีก 3 วัน
