ตร.ภาค1 บุกรวบ 2 หนุ่มแดนปลาดิบ คาห้องพัก หลังถูกแจ้งความร่วมกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นและสาวฟิลิปปินส์ ลักทรัพย์ มอมยา รูดทรัพย์ไปกว่า 2 แสนบาท อ้างให้ร่วมทำธุรกิจในไทย ก่อนพามามอมยา รูดทรัพย์
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น.พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สุกิจ สมณะ รอง ผบก.ศสส.ภ.1 พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.กสส.ศสส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 เข้าจับกุมนายโกกิ ซึคาสะ อายุ 37 ปี ชาวญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายชิดะ โทชิฟูมิ ชาวญี่ปุ่น ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 710 และ721 อาคารเอ.อี.ซี.อพาร์เมนท์ 3 เลขที่ 245/1 ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 22 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีนายทนิกุชิ คาซึมิ ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่านายโกกะผู้ต้องหา ได้ติดต่อผ่านทางอีเมล์มาว่า ต้องการร่วมทำธุรกิจในประเทศไทย ตนจึงเดินทางมาประทศไทย โดยมีนายโคอิจิ โอกิ และหญิงชื่อจอย ชาวฟิลิปปินส์ มารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็ได้พาตนก่อนพามาที่ห้องพักหมายเลข 739 โรงแรมอู่ทองอินน์ ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จนช่วงเย็นก็พาไปกินข้าว แล้วพากลับมาที่ห้องพัก โดยตนรู้สึกง่วงมาก ผู้หญิงชื่อจอย จึงสั่งกาแฟมาให้ดื่ม แต่ตนกลับหมดสติไปจนถึงเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่า เงินสด จำนวน 720,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 200,000 บาท และกล้องถ่ายรูปยี่ห้อโซนี่ สีเทา ราคา 35,000 เยน จึงคาดว่า น่าจะถูกกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดหลอกวางยาจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า นายโกกะ และนายชิดะ พักอาศัยอยู่ที่อาคารเอ.อี.ซี.อพาร์เมนท์ 3 จึงนำกำลังเข้าจับกุม นายโกกะก่อน ที่ห้อง 721 แล้วจึงนำกำลังเข้าจับกุมนายชิดะ ที่ห้อง 710
จากการสอบสวนนายโกกะ ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันวางยาผู้เสียหายจริง แต่ไม่รู้เรื่องเงินของผู้เสียหาย โดยตนเอากล้องของผู้เสียหายไปจริง ส่วนนายชิดะ ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่าขับรถไปส่งพวกนายโกกะ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเท่านั้น ทั้งนี้จากการสอบสวนนางมัลลิกา นาคบุตร อายุ 23 ปี ภรรยาชาวไทยของนายชิดะ อ้างว่าเห็นกล้องที่นายโกกะเอามา แต่เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) นายโกกะ ได้ขึ้นรถแท็กซี่ไปย่านรัชดา แล้วไม่มีเงินจ่ายค่ารถแท็กซี่จึงให้กล้องตัวดังกล่าวแทนเงินค่ารถ
ด้าน พล.ต.ท.รชต กล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานสามารถเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาได้ แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฎิเสธ ขณะนี้ยังเหลือ นายโคอิจิ โอกิ และผู้หญิงชาวฟิลิปปินส์ที่ชื่อจอย ยังหลบหนีอยู่ โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว ส่วนนายโกกะ จะต้องถูกดำเนินคดีกรณีวีซ่าขาดด้วยอีกคดี
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น.พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สุกิจ สมณะ รอง ผบก.ศสส.ภ.1 พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.กสส.ศสส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 เข้าจับกุมนายโกกิ ซึคาสะ อายุ 37 ปี ชาวญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายชิดะ โทชิฟูมิ ชาวญี่ปุ่น ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 710 และ721 อาคารเอ.อี.ซี.อพาร์เมนท์ 3 เลขที่ 245/1 ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 22 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีนายทนิกุชิ คาซึมิ ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่านายโกกะผู้ต้องหา ได้ติดต่อผ่านทางอีเมล์มาว่า ต้องการร่วมทำธุรกิจในประเทศไทย ตนจึงเดินทางมาประทศไทย โดยมีนายโคอิจิ โอกิ และหญิงชื่อจอย ชาวฟิลิปปินส์ มารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็ได้พาตนก่อนพามาที่ห้องพักหมายเลข 739 โรงแรมอู่ทองอินน์ ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จนช่วงเย็นก็พาไปกินข้าว แล้วพากลับมาที่ห้องพัก โดยตนรู้สึกง่วงมาก ผู้หญิงชื่อจอย จึงสั่งกาแฟมาให้ดื่ม แต่ตนกลับหมดสติไปจนถึงเช้า เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่า เงินสด จำนวน 720,000 เยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 200,000 บาท และกล้องถ่ายรูปยี่ห้อโซนี่ สีเทา ราคา 35,000 เยน จึงคาดว่า น่าจะถูกกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดหลอกวางยาจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า นายโกกะ และนายชิดะ พักอาศัยอยู่ที่อาคารเอ.อี.ซี.อพาร์เมนท์ 3 จึงนำกำลังเข้าจับกุม นายโกกะก่อน ที่ห้อง 721 แล้วจึงนำกำลังเข้าจับกุมนายชิดะ ที่ห้อง 710
จากการสอบสวนนายโกกะ ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันวางยาผู้เสียหายจริง แต่ไม่รู้เรื่องเงินของผู้เสียหาย โดยตนเอากล้องของผู้เสียหายไปจริง ส่วนนายชิดะ ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่าขับรถไปส่งพวกนายโกกะ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเท่านั้น ทั้งนี้จากการสอบสวนนางมัลลิกา นาคบุตร อายุ 23 ปี ภรรยาชาวไทยของนายชิดะ อ้างว่าเห็นกล้องที่นายโกกะเอามา แต่เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) นายโกกะ ได้ขึ้นรถแท็กซี่ไปย่านรัชดา แล้วไม่มีเงินจ่ายค่ารถแท็กซี่จึงให้กล้องตัวดังกล่าวแทนเงินค่ารถ
ด้าน พล.ต.ท.รชต กล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานสามารถเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาได้ แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฎิเสธ ขณะนี้ยังเหลือ นายโคอิจิ โอกิ และผู้หญิงชาวฟิลิปปินส์ที่ชื่อจอย ยังหลบหนีอยู่ โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว ส่วนนายโกกะ จะต้องถูกดำเนินคดีกรณีวีซ่าขาดด้วยอีกคดี