สอบคำให้การ “3 พี่น้อง ตระกูลชูชินวัตร กรรมการบริหาร” บจก.เอสซีเอช อินดัสทรี่ส์ ฉ้อโกงภาษีกว่า 200 ล้าน จำเลยยืนกรานปฏิเสธ ศาลนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน 31 มี.ค.นี้ ญาติหอบบัญชีเงินฝาก 3 ล้านประกันตัว ศาลตีราคาประกันคนละล้าน
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การคดีดำหมายเลข อ.408/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายไพศิษย์ ชูชินวัตร อายุ 52 ปี, นายไพรัชต์ ชูชินวัตร อายุ 49 ปี และ นายไพโรจน์ ชูชินวัตร อายุ 47 ปี กรรมการบริษัท เอสซีเอช อินดัสทรี่ส์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการผลิตและขายลวดทองแดงเพื่อผลิตสายไฟ มีเงินหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทต่างๆ กว่า 24,000 ล้านบาท เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันโดยฉ้อโกงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37(1)(2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2551 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.2546 - 22 มี.ค.2547 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการบริษัท เอสซีเอช อินดัสทรี่ส์ จำกัด ได้นำเงินเข้าบัญชีเงินฝากในนามของคณะบุคคลของจำเลยทั้งสาม รวมเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท และได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีสำนักงานตรวจสอบภาษีกลาง กรมสรรพากร ออกหมายเรียกเพื่อมาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสามนำเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารทั้ง 2 บัญชีดังกล่าวเพื่อประเมินภาษีเงินได้ สำหรับปี 2540 และ พ.ศ.2541 จำเลยทั้งสามโดยเจตนาฉ้อโกงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ ได้ปกปิดข้อเท็จจริงโดยไม่ให้ถ้อยคำเกี่ยวกับรายการเงินฝากในธนาคารทั้ง 2 ธนาคาร ทั้ง 2 บัญชีว่าได้มาอย่างไร อันเป็นการร่วมกันโดยฉ้อโกง หรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใด หลีกเลี่ยงการเสียภาษี ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นเหตุให้รัฐขาดรายได้ภาษีอากรในปีภาษี 2540 รวมเป็นเงิน 192,351,378.00 บาท และรัฐขาดรายได้ภาษีอาการในปีภาษี 2541 รวมเป็นเงิน 88,320,240.69 บาท เหตุเกิดที่ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.และ ต.สำโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และที่กรมสรรพากร แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสามฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้วสอบคำให้การ จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธทุกตลอดข้อกล่าวหา ศาลจึงนัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ขณะที่ญาติของจำเลยทั้งสาม ยื่นคำร้องขอประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารจำนวน 3 ล้านบาท ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสาม โดยตีราคาประกันคนละ 1 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2551 พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้อง บจก. เอสซีเอช อินดัสทรี่ส์, นายไพรัชต์, นายไพศิษย์, นางอรวรรณ อายุ 50 ปี และนายไพรัชต์ ชูชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1-5 เป็นคดีดำหมายเลข อ.134/2551 ในความผิดฐานร่วมกันโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม และการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว ตามฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 18 ธ.ค.2539 - 2 เม.ย.2546 จำเลยทั้งห้าร่วมกันโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากไม่มีบัญชีและเอกสารให้ตรวจสอบจึงถือว่าไม่มีใบกำกับภาษี หรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีตามประมวลรัษฎากร ทำให้รัฐขาดรายได้ เหตุเกิดที่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามประมวลรัษฎากร ม.37 และ 90 ซึ่งศาลสอบคำให้การแล้วจำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธเช่นเดียวกัน