ศาลตัดสินประหารชีวิต 1 ใน 3 อดีตเดนคุก ฆ่าโหดรัดคอ มีดแทงยับ 20 แผล สาวประเภท 2 ชิงมือถือ ทั้งที่เพิ่งได้รับอภัยโทษ ศาลปรานีลดโทษเหลือจำตลอดชีวิต
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวิรุจน์ หรือ กอล์ฟเล็ก แก้วไวยุทธ อายุ 28 ปี, นายจักรพล หรือ แดง ไชยเสนา อายุ 37 ปี และ นายสมโภชน์ หรือ กอล์ฟใหญ่ จตุรพิธพรพิเศษ อายุ 29 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้ายปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นอดีตนักโทษจากเรือนจำบางขวางที่เพิ่งได้รับอภัยโทษ
โจทก์ฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 12-13 ม.ค.2550 เวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสามได้ใช้เข็มขัดรัดคอ แล้วใช้มีดปอกผลไม้ยาว 4 นิ้ว แทง นายศิวัชรุจ พลลาด อายุ 30 ปี สาวประเภท 2 บริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัวกว่า 20 แผล ได้รับความเจ็บปวดอย่างทรมานจนถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยที่ได้ลักเอาโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโมบาย ราคา 8,500 บาท ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย เหตุเกิดที่ชั้น 2 อาคาร เอ.เอ็ม.เอฟ คอนโดมิเนียม เลขที่ 35/45 ซอยสุทธิสารศูนย์วิจัย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยที่ 1-2 ได้ แต่ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 เข้ามอบตัวภายหลังให้การรับสารภาพ
พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ รปภ.ของอาคาร เบิกความว่า คืนวันเกิดเหตุจำเลยทั้งสามเข้ามาขอพบผู้ตายที่ห้องพัก จนเวลา 02.00 น.จำเลยทั้งหมด วิ่งออกจากห้องของผู้ตาย เมื่อได้ยินเสียงร้องให้ช่วยเหลือ จึงไปดูพบว่าตามร่างกายผู้ตายถูกทำร้ายด้วยของมีคมหลายแห่ง
จำเลยที่ 1 นำสืบต่อสู้ว่าไปดื่มเหล้ากับผู้ตาย แต่จำเลยที่ 3 มีปากเสียทะเลาะวิวาท กับผู้ตาย จำเลยที่ 1 จึงเข้าไปช่วย เพราะผู้ตายมีรูปร่างสูงใหญ่ จึงเป็นการป้องกันตัว ไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 อ้างว่า ไม่ได้ทะเลาะวิวาทกับผู้ตายเพียงแต่อาศัยช่วงที่ชุลมุนลักเอาโทรศัพท์ของผู้ตายไป
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์นำสืบสอดคล้องต้องกันทำให้เห็นถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลย แม้จำเลยที่ 1 จะอ้างไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ต้องป้องกันตัว เห็นว่า การที่จำเลยได้ใช้เข็มขัดฟาดและรัดลำคอ ทั้งใช้อาวุธมีดแทงร่างกาย หรือบริเวณใบหน้าอันเป็นสำคัญ จึงไม่ใช่การป้องกันตัวตามที่จำเลยอ้าง ส่วนจำเลยที่ 3 รับว่าเจตนาฆ่าผู้ตายจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 และ 3 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นด้วยการทรมาน ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 4 ปี ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 3 ไว้ ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน