เหยื่ออุ้มแก๊ง ตชด.ดาหน้าแจ้งความ

เหยื่อแก๊ง ตชด.ดาหน้าเข้าแจ้งความเพิ่ม แฉพฤติกรรมอุ้มผิดตัวให้ล้างห้องน้ำแล้วปล่อยกลับบ้าน บางรายโดนช็อตไข่จนต้องรับสารภาพคดีครอบครองยาบ้า ตำรวจแนะผู้เสียหายร้องค่าชดเชยกรมคุ้มครองสิทธิฯ

วันนี้ (2 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่ สน.บางพลัด นายมณฑณ สุทวานิช อายุ 26 ปี อยู่ห้องพักเลขที่ 411 คอมมอมเวลคอนโดมิเนียม ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. เข้าพบ ร.ต.ท.ประภาส หยงสตาร์ พงส.(สบ.1) สน.บางพลัด เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกรณีเคยถูกแก๊ง ตชด.อุ้มตัวไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.50 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการอุ้มตัวนางเพียงจิต พึ่งอ้น เจ้าของธุรกิจกางเกงยีนส์ย่านฝั่งธนบุรี พร้อมบุตรชายไปรีดทรัพย์

นายมณฑณ ให้การว่า ในวันดังกล่าวขณะที่ตนเดินลงมากินข้าวบริเวณชั้นล่างของคอนโดฯ เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งยืนมองและชี้มือมาทางตน ต่อมาชายฉกรรจ์ 2 คนเข้ามาล็อกตัวพร้อมข่มขู่ด้วยการใช้อาวุธปืนตบที่ศีรษะตนอย่างแรง ก่อนจับตนใส่กุญแจมือแล้วพาขึ้นรถไปที่ ห้องพักอารีย์สัมพันธ์เรสซิเด้นท์ ซ.อารีย์สัมพันธ์ 1 ย่านพญาไท กทม. เมื่อเข้าไปถึงกลุ่มชาฉกรรจ์ได้ถกเถียงกันว่าเป็นการจับผิดตัว จากนั้นมีคนมาบอกกับตนว่าถ้าอยากกลับบ้านให้ไปล้างห้องน้ำ ด้วยความกลัวตนจึงรีบไปล้างห้องน้ำ จนเช้าวันต่อมากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวจึงยอมปล่อยตัวตนออกมา โดยไม่มีการรีดทรัพย์ หรือยัดยาเสพติดแต่อย่างใด

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นายมณฑณ ดูรูปถ่ายผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ซึ่งนายมณฑณยืนยันว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ

ต่อมา นางเพียงจิตได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.วัจจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 ร่วมสอบปากคำด้วย ขณะที่ นายบอส นามสมมุติ อายุ 16 ปี บุตรชายคนโตของนางเพียงจิตที่ถูกอุ้มตัวไปด้วยในวันเกิดเหตุได้เข้าพบ พ.ต.ท.พูลศักดิ์ สุวรรณจินดา รอง ผกก.สส.สน.บางพลัด เพื่อชี้ยืนยันรูปถ่ายกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 13 คน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนจะเดินทางกลับไป

ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.พลอยวรรณ กุญชรินธร์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.3 ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด กรณี นายประภาส กุญชรินธร์ อายุ 49 ปี บิดา เคยถูกแก๊ง ตชด.อุ้มตัวไป เมื่อวันที่ 23 ส.ค.49 โดย นส.พลอยวรรณ ให้การว่าในวันเกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างเป็นตำรวจ ตชด.ได้บุกเข้ามาในบ้านพักโดยไม่มีหมายค้น และใช้กำลังอุ้มตัวบิดาของตนหายออกไป 1 คืน ก่อนจะพาบิดากลับมาในสภาพสะบักสะบอม ก่อนค้นเอาทรัพย์สิน ทั้งนาฬิกาข้อมือ แหวนทองคำ เงินสด รถจักรยานยนต์ และรถสองแถวไปด้วย ก่อนนำตัวบิดาของตนส่งดำเนินคดีที่ สภ.ทุ่งสง ข้อหาครอบครองยาบ้า 184 เม็ด ซึ่งในที่สุดบิดาของตนต้องถูกศาลพิพากษาจำคุกถึง 11 ปี

น.ส.พลอยพรรณ กล่าวต่อว่า จากการสอบถามบิดาทราบว่า ถูกกลุ่มผู้ต้องหาใช้ถุงดำคลอบหัวแล้วรุมซ้อม รวมทั้งใช้เครื่องช๊อตไฟฟ้าช็อตลูกอัณฑะจนต้องยอมรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของยาบ้า นอกจากนี้ ในระหว่างต่อสู้คดีให้บิดาครอบครัวของตนยังถูกทนายความโกงเงินไปอีก 1 แสนบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความและแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งสง ท้องที่เกิดเหตุ และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ยังมีผู้เสียหายที่เคยถูกแก๊ง ตชด.อุ้มไปรีดทรัพย์เข้าแจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อีกหลายรายด้วยกัน

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.กล่าวภายหลังเดินทางมาประชุมที่สน.บางพลัด และสอบปากคำนางเพียงจิตว่าขณะนี้กำลังเร่งสอบพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้สมบูรณ์ครบถ้วน โดยในวันพรุ่งนี้จะมีผู้เสียหายและพยานเดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มอีก ส่วนผู้เสียหายที่เป็นเด็กนั้น จะเชิญเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ มาร่วมสอบปากคำด้วย

สำนวนคดีนี้คืบหน้าไปเกินครึ่งแล้ว โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะต้องสอบสวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด ส่วนสาเหตุที่การสอบปากคำยังช้าอยู่นั้นเป็นเพราะว่าพยานหลายคนพักอาศัยอยู่ต่างจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่จะแก้ปัญหาด้วยการส่งพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ไปสอบที่พยานอาศัยอยู่

สำหรับผู้เสียหายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 4 ราย คือ ที่ สน.พญาไท 2 ราย สน.เพชรเกษม กับ สน.บางพลัด อีก สน.ละ 1 ราย โดยราย ที่สน.พญาไท นั้นส่งให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 รับสำนวนไปตรวจสอบแล้ว ตามคำสั่งของ พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าชุดการทำงานคดีนี้

“ผมได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบมากที่สุด แต่คงบอกไม่ได้ว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นเมื่อไร ขอยืนยันว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่มีการจับกุมแก็ง ตชด.นี้แล้ว” รอง ผบช.น.กล่าว