บริษัท ไทยประกันชีวิต ชี้แจงคดีผู้จัดการภาค ฉ้อโกงเบี้ยประกันลูกค้า ระบุ บริษัทพร้อมดูแล และให้ความร่วมมือกับตำรวจ เผย ตรวจสอบพบลูกค้ากู้ยืมเงิมทั้ง 3 กรมธรรม์ แต่ยังมีมูลค่าเงินสดของกรมธรรม์เหลืออยู่บางส่วน กรมธรรม์ทั้ง 3 ฉบับ จึงถูกปิดขยายเวลา แต่บริษัทยังคงให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ คือคุ้มครองการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว ในวงเงินทุนประกัน รายละ 200,000 บาท
จากกรณีที่ นายสมบัติ โสภณธนวัฒน์ อายุ 44 ปี และ นางเตือนใจ โสภณธนวัฒน์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/16 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขตบางซื่อ สองสามีภรรยาเอเยนต์ส่งน้ำแข็งย่านเตาปูน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ไพศาล คชทรัพย์ ผกก.สน.เตาปูน และ ร.ต.ท.ศิริวัฒน์ วัฒนะศรี พนักงานสอบสวน (สบ1) เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นางหัดฤทัย รุ่งเจริญทรัพย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/65 หมู่ 4 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้จัดการภาค สาขาอโศก บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ในข้อหายักยอกทรัพย์ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2550 ที่ผ่านมา หลังจากถูก นางหัดฤทัย ตัวแทนได้โกงเงินเบี้ยประกันของครอบครัวนางเตือนใจเป็นจำนวนมาก และบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ไม่รับผิดชอบ เนื่องจากนางเตือนใจ ขาดส่งเบี้ยประกันชีวิต ดังที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ นั้น
วันนี้ (24 ม.ค.) นางดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้จัดการสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่า ครอบครัวของนางเตือนใจ ได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทฯ จำนวน 3 กรมธรรม์ คือนายสมบัติ โสภณธนวัฒน์ ทำไว้เมื่อปี 2535 ทุนประกัน 200,000 บาท ด.ช.ธิติพันธ์ โสภณธนวัฒน์ ทำไว้เมื่อปี 2538 ทุนประกัน 200,000 บาท และ นางเตือนใจ โสภณธนวัฒน์ ทำไว้เมื่อปี 2539 ทุนประกัน 200,000 บาท
ในระหว่างปี 2548 จนถึงปี 2550 บริษัทฯ มิได้รับการชำระเบี้ยประกันจากทั้ง 3 กรมธรรม์ ประกอบกับเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2547 ทั้ง 3 กรมธรรม์ ได้มีการกู้เงินตามกรมธรรม์ คือ นายสมบัติ จำนวน 73,400 บาท ด.ช.ธิติพันธ์ 46,400 บาท และนางเตือนใจ 51,000 บาท ส่งผลให้ทั้ง 3 กรมธรรม์ ยังมีมูลค่าเงินสดของกรมธรรม์เหลืออยู่บางส่วน ดังนั้น กรมธรรม์ทั้ง 3 ฉบับ จึงถูกปิดขยายเวลา ซึ่งบริษัทฯ ยังคงให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ คือคุ้มครองการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว ในวงเงินทุนประกัน รายละ 200,000 บาท โดยกรมธรรม์ของนายสมบัติจะคุ้มครองจนถึงวันที่ 16 ส.ค. 2553 , ด.ช.ธิติพันธ์ คุ้มครองถึง 1 ต.ค. 2559 และนางเตือนใจ คุ้มครองถึง 20 ส.ค. 2554
ต่อกรณีที่นางเตือนใจแจ้งว่า ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีตัวแทน เพื่อชำระเบี้ยประกันในปี 2548 และปี 2550 นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าหลักฐานไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กอปรกับตัวแทนได้ทำบันทึกยืนยันว่าเงินที่โอนเข้าบัญชีดังกล่าวไม่ได้เป็นเงินชำระค่าเบี้ยประกัน แต่เป็นการชำระเงินส่วนตัวระหว่างกัน บริษัทฯ จึงแนะนำให้ลูกค้าแจ้งความดำเนินคดีในส่วนนี้กับตัวแทนต่อไป
สำหรับกรณีที่กรมการประกันภัยได้เรียกให้บริษัทฯ เข้าชี้แจง ภายหลังจากที่นางเตือนใจยื่นเรื่องร้องเรียนแล้วนั้น บริษัทฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกรมการประกันภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2550 ดังนั้น บริษัทจึงขอชี้แจงมา เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยบริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นางดวงเดือน กล่าวว่า ทางบริษัทพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ด้าน ร.ต.ท.ศิริวัฒน์ วัฒนะศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เตาปูนเจ้าของคดี กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า หลังรับแจ้งความก็ได้ทำการออกหมายเรียกนางหัดฤทัย ผู้ต้องมาทำการสอบปากคำ โดยครั้งแรกยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน จึงได้ออกหมายเรียกไปครั้งที่ 2 จนนางหัดฤทัย มาพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนายความเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.50 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการสอบปากคำนางหัดฤทัย ให้การปฏิเสธิตลอดข้อกล่าวหา และจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดียักยอกทรัพย์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ผู้เสียหายและผู้ต้องหาสามารถยอมความกันได้ เจ้าหน้าที่จึงได้พิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมกับปล่อยตัวชั่วคราวไป
ร.ต.ท.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดีนั้น เหลือเพียงขั้นตอนรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และสอบปากคำทางบริษัทไทยประกันชีวิต โดยเบื้องต้นทราบว่า กำลังแต่งตั้งตัวแทนบริษัทอยู่ คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมาพบพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งสอบสอบปากคำทางบริษัทไทยประกันชีวิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป
สองผัวเมียฉุนแจ้งจับ ผจก.ภาคไทยประกันชีวิต อมเงินส่งเบี้ย!!
จากกรณีที่ นายสมบัติ โสภณธนวัฒน์ อายุ 44 ปี และ นางเตือนใจ โสภณธนวัฒน์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/16 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขตบางซื่อ สองสามีภรรยาเอเยนต์ส่งน้ำแข็งย่านเตาปูน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ไพศาล คชทรัพย์ ผกก.สน.เตาปูน และ ร.ต.ท.ศิริวัฒน์ วัฒนะศรี พนักงานสอบสวน (สบ1) เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นางหัดฤทัย รุ่งเจริญทรัพย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/65 หมู่ 4 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้จัดการภาค สาขาอโศก บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ในข้อหายักยอกทรัพย์ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2550 ที่ผ่านมา หลังจากถูก นางหัดฤทัย ตัวแทนได้โกงเงินเบี้ยประกันของครอบครัวนางเตือนใจเป็นจำนวนมาก และบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ไม่รับผิดชอบ เนื่องจากนางเตือนใจ ขาดส่งเบี้ยประกันชีวิต ดังที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ นั้น
วันนี้ (24 ม.ค.) นางดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้จัดการสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่า ครอบครัวของนางเตือนใจ ได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทฯ จำนวน 3 กรมธรรม์ คือนายสมบัติ โสภณธนวัฒน์ ทำไว้เมื่อปี 2535 ทุนประกัน 200,000 บาท ด.ช.ธิติพันธ์ โสภณธนวัฒน์ ทำไว้เมื่อปี 2538 ทุนประกัน 200,000 บาท และ นางเตือนใจ โสภณธนวัฒน์ ทำไว้เมื่อปี 2539 ทุนประกัน 200,000 บาท
ในระหว่างปี 2548 จนถึงปี 2550 บริษัทฯ มิได้รับการชำระเบี้ยประกันจากทั้ง 3 กรมธรรม์ ประกอบกับเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2547 ทั้ง 3 กรมธรรม์ ได้มีการกู้เงินตามกรมธรรม์ คือ นายสมบัติ จำนวน 73,400 บาท ด.ช.ธิติพันธ์ 46,400 บาท และนางเตือนใจ 51,000 บาท ส่งผลให้ทั้ง 3 กรมธรรม์ ยังมีมูลค่าเงินสดของกรมธรรม์เหลืออยู่บางส่วน ดังนั้น กรมธรรม์ทั้ง 3 ฉบับ จึงถูกปิดขยายเวลา ซึ่งบริษัทฯ ยังคงให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ คือคุ้มครองการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว ในวงเงินทุนประกัน รายละ 200,000 บาท โดยกรมธรรม์ของนายสมบัติจะคุ้มครองจนถึงวันที่ 16 ส.ค. 2553 , ด.ช.ธิติพันธ์ คุ้มครองถึง 1 ต.ค. 2559 และนางเตือนใจ คุ้มครองถึง 20 ส.ค. 2554
ต่อกรณีที่นางเตือนใจแจ้งว่า ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีตัวแทน เพื่อชำระเบี้ยประกันในปี 2548 และปี 2550 นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าหลักฐานไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กอปรกับตัวแทนได้ทำบันทึกยืนยันว่าเงินที่โอนเข้าบัญชีดังกล่าวไม่ได้เป็นเงินชำระค่าเบี้ยประกัน แต่เป็นการชำระเงินส่วนตัวระหว่างกัน บริษัทฯ จึงแนะนำให้ลูกค้าแจ้งความดำเนินคดีในส่วนนี้กับตัวแทนต่อไป
สำหรับกรณีที่กรมการประกันภัยได้เรียกให้บริษัทฯ เข้าชี้แจง ภายหลังจากที่นางเตือนใจยื่นเรื่องร้องเรียนแล้วนั้น บริษัทฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกรมการประกันภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2550 ดังนั้น บริษัทจึงขอชี้แจงมา เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยบริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นางดวงเดือน กล่าวว่า ทางบริษัทพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ด้าน ร.ต.ท.ศิริวัฒน์ วัฒนะศรี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เตาปูนเจ้าของคดี กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า หลังรับแจ้งความก็ได้ทำการออกหมายเรียกนางหัดฤทัย ผู้ต้องมาทำการสอบปากคำ โดยครั้งแรกยังไม่มาพบพนักงานสอบสวน จึงได้ออกหมายเรียกไปครั้งที่ 2 จนนางหัดฤทัย มาพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนายความเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.50 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการสอบปากคำนางหัดฤทัย ให้การปฏิเสธิตลอดข้อกล่าวหา และจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดียักยอกทรัพย์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ผู้เสียหายและผู้ต้องหาสามารถยอมความกันได้ เจ้าหน้าที่จึงได้พิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมกับปล่อยตัวชั่วคราวไป
ร.ต.ท.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดีนั้น เหลือเพียงขั้นตอนรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และสอบปากคำทางบริษัทไทยประกันชีวิต โดยเบื้องต้นทราบว่า กำลังแต่งตั้งตัวแทนบริษัทอยู่ คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมาพบพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งสอบสอบปากคำทางบริษัทไทยประกันชีวิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป
สองผัวเมียฉุนแจ้งจับ ผจก.ภาคไทยประกันชีวิต อมเงินส่งเบี้ย!!