ศาลยกคำร้อง “ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคมัชฌิมาธิปไตย” คัดค้าน กกต.จัดเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตไม่ชอบ
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลมีคำสั่งคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต.5/2551 ที่ นายกฤษศักดา วัฒนพงษ์ นักกฎหมายในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นายสุรศักดิ์ หมื่นนาอาม ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 7 พรรคมัชฌิมาธิปไตย นายสราวุท ทองเพ็ญ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่มที่ 3 พรรคความหวังใหม่ พร้อมกับพวกรวม 8 คน ซึ่งเป็นผู้มาขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า กทม.เขต 5 ดอนเมือง เขต 6 บึงกุ่ม และ เขต 7 มีนบุรี ร้องคัดค้าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วไป ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง วันที่ 15-16 ธ.ค.2550 โดยมิชอบ ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ในการควบคุม ตรวจสอบความจำเป็นในการขอใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าตามขั้นตอน มาตรา 95 ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่ง 1.ขอให้เพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง วันที่ 15-16 ธ.ค.2550 เวลา 08.00-17.00 น.ทั่วประเทศ 2.ขอให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 23 ธ.ค.2550 เวลา 08.00-15.00 น.และ 3.ขอให้เพิกถอนการรับรอง ส.ส.ที่ กกต.ได้รับรองการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และหากยังไม่ได้รับรองก็ขอให้ระงับหรือยกเลิกการรับรองสมาชิก ส.ส.ด้วย
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่ผู้ร้องเป็นกรณีที่อ้างว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดำเนินไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 มาตรา 114 บัญญัติให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่ง มีสิทธิยื่นคัดค้านต่อ กกต.ตามระเบียบที่ กกต.กำหนด และเมื่อ กกต.ได้รับคำคัดค้านการเลือกตั้งให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงโดยพลัน ซึ่งในขั้นตอนนี้บทบัญญัติแห่งกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัย แต่เป็นอำนาจของ กกต.โดยเฉพาะ ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้งในวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 ทั่วประเทศ และเพิกถอนการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธ.ค.2550 จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ขณะที่ นายกฤษศักดา กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปดูกฎหมายอีกครั้งว่า กรณีดังกล่าวจะสามารถยื่นคำร้องใหม่ให้มีการวินิจฉัยต่อศาลอื่นได้อีกหรือไม่
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น.ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดี หมายเลขดำที่ ลต./2550 ระหว่างนายเทพพนม ศิริวิทยารักษ์ ผู้สมัคร สส.สุรินทร์ เขต 2 พรรคความหวังใหม่ (ควม.) ผู้ร้อง กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะ ผู้คัดค้าน ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า กกต.จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในการควบคุม ตรวจสอบความจำเป็นในการขอใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าตามขั้นตอนตาม ม.95 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ม.236(1) ที่กำหนดว่า กกต.มีหน้าที่ออกประกาศหรือวางระเบียบกำหนดการเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งและการดำเนินใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนให้การเลือกตั้งให้มีความเสมอภาคและมีโอกาสทัดเทียมกันในการหาเสียงเลือกตั้ง จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 ด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่ผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.กำหนดให้ร้องต่อ กกต.ซึ่งในขั้นตอนนี้กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัย แต่เป็นอำนาจของ กกต.โดยเฉพาะ ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้ง จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลมีคำสั่งคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ ลต.5/2551 ที่ นายกฤษศักดา วัฒนพงษ์ นักกฎหมายในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นายสุรศักดิ์ หมื่นนาอาม ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 7 พรรคมัชฌิมาธิปไตย นายสราวุท ทองเพ็ญ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่มที่ 3 พรรคความหวังใหม่ พร้อมกับพวกรวม 8 คน ซึ่งเป็นผู้มาขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า กทม.เขต 5 ดอนเมือง เขต 6 บึงกุ่ม และ เขต 7 มีนบุรี ร้องคัดค้าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วไป ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง วันที่ 15-16 ธ.ค.2550 โดยมิชอบ ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ในการควบคุม ตรวจสอบความจำเป็นในการขอใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าตามขั้นตอน มาตรา 95 ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่ง 1.ขอให้เพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง วันที่ 15-16 ธ.ค.2550 เวลา 08.00-17.00 น.ทั่วประเทศ 2.ขอให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 23 ธ.ค.2550 เวลา 08.00-15.00 น.และ 3.ขอให้เพิกถอนการรับรอง ส.ส.ที่ กกต.ได้รับรองการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และหากยังไม่ได้รับรองก็ขอให้ระงับหรือยกเลิกการรับรองสมาชิก ส.ส.ด้วย
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่ผู้ร้องเป็นกรณีที่อ้างว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งดำเนินไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 มาตรา 114 บัญญัติให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่ง มีสิทธิยื่นคัดค้านต่อ กกต.ตามระเบียบที่ กกต.กำหนด และเมื่อ กกต.ได้รับคำคัดค้านการเลือกตั้งให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงโดยพลัน ซึ่งในขั้นตอนนี้บทบัญญัติแห่งกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัย แต่เป็นอำนาจของ กกต.โดยเฉพาะ ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้งในวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 ทั่วประเทศ และเพิกถอนการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธ.ค.2550 จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ขณะที่ นายกฤษศักดา กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปดูกฎหมายอีกครั้งว่า กรณีดังกล่าวจะสามารถยื่นคำร้องใหม่ให้มีการวินิจฉัยต่อศาลอื่นได้อีกหรือไม่
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น.ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งคดี หมายเลขดำที่ ลต./2550 ระหว่างนายเทพพนม ศิริวิทยารักษ์ ผู้สมัคร สส.สุรินทร์ เขต 2 พรรคความหวังใหม่ (ควม.) ผู้ร้อง กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะ ผู้คัดค้าน ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า กกต.จัดการเลือกตั้งล่วงหน้าโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในการควบคุม ตรวจสอบความจำเป็นในการขอใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าตามขั้นตอนตาม ม.95 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ม.236(1) ที่กำหนดว่า กกต.มีหน้าที่ออกประกาศหรือวางระเบียบกำหนดการเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งและการดำเนินใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการของรัฐในการสนับสนุนให้การเลือกตั้งให้มีความเสมอภาคและมีโอกาสทัดเทียมกันในการหาเสียงเลือกตั้ง จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.2550 ด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่ผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.กำหนดให้ร้องต่อ กกต.ซึ่งในขั้นตอนนี้กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัย แต่เป็นอำนาจของ กกต.โดยเฉพาะ ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้ง จึงมีคำสั่งยกคำร้อง