ที่ประชุม ก.ตร.มีมติอ้าแขนรับ “บิ๊กจุ๋ม” พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ซี้ย่ำปึ้กทักษิณ กลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่งที่ปรึกษา ฝ่ายความมั่นคง เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.
วันนี้ (9 ม.ค.) เวลา 13.30 น.ที่ห้องสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาวาระสำคัญหลายวาระ รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ตามมติบอร์ดกลั่นกรองด้วยโดยมี ก.ตร.ร่วมประชุมครบองค์ขาดเพียง พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.ซึ่งเดินทางไปต่างประเทศ ใช้ประชุมเวลา 3 ชั่วโมง
มีรายงานว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ดำเนินไปตามวาระ ตั้งแต่การอนุมัติวิเคราะห์กำหนดตำแหน่งใหม่ ระดับผู้กำกับการลงมา ในสังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบังคับการทะเบียน หลายตำแหน่ง โดย ก.ตร.มีมติอนุมัติตามที่ ตร.ขอมาแต่ไม่อนุมัติให้เปิดตำแหน่งในสังกัดกองบังคับการปราบปรามการประพฤติมิชอบในวงราชการ เนื่องจาก ก.ตร.ให้ความเห็นว่าซ้ำซ้อนเกินไป
จากนั้น ก.ตร.ได้มีมติเปิดตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคง ยศ พล.ต.อ.ขึ้นใหม่ เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระดับ 11 กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจในตำแหน่งดังกล่าวด้วย ซึ่งทันทีที่การพิจารณาวาระรับ พล.ต.อ.จุมพล กลับเข้าเป็นตำรวจ จบลง ไม่ทันจะเข้าวาระ ถัดไปที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ขอยุติการประชุมโดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจงานราชพิธีฯ ทำให้ไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตามที่บอร์ดกลั่นกรองพิจารณาขึ้นมาได้ รวมถึงวาระที่จะรับ พล.ต.ต.ธนโรจน์ วงศ์สมบูรณ์เดช หรือ มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.1 ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ให้กลับมารับราชการใหม่ ก็ไม่ทันพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ด้วย พร้อมนัดพิจารณาวาระที่ตกค้างในครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.30 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงาน ผบ.ตร.ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติการแต่งตั้งโยกย้าย (บอร์ดกลั่นกรอง) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย นายตำรวจ ยศ พล.ต.ท.และ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเปิดใหม่และตำแหน่งที่ว่างลง โดยมีรอง ผบ.ตร.ร่วมประชุม ใช้เวลาการประชุมร่วม 3 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุมมีรายงานว่า ที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรองมีการถกเถียงกันอย่างหนัก โดยที่ประชุมมีมติให้ พล.ต.ท.พรชัย พันธ์วัฒนา ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ด้านยุทธศาสตร์อาวุโสอันดับ 1 ขึ้นเป็น รองจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร.โดยให้ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผบช.สตม.ช่วยรายการ ตร.เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ด้านยุทธศาสตร์ และให้ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช.สำนักงานกฎหมายและสอบสวน (กมส.) เป็น ผบช.สตม.โดยให้ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ติดยศ พล.ต.ท.ขึ้นเป็น ผบช.กมส.แทน
พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ขยับเป็น จเรตำรวจ (สบ 8) ตำแหน่งเปิดใหม่ โดยให้ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธ์คงชื่น รอง ผบช.น.ติดยศพล.ต.ท.ขึ้นมาเป็น ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.แทน ให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กลึงไกร รอง ผบช.ภ.5 ติดยศ พล.ต.ท.อีกคน ขึ้นเป็นจเรตำรวจ (สบ 8)
รายงานข่าวแจ้งว่า บอร์ดกลั่นกรองยังมีมติให้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ.(191)และ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา ผบก.ประจำ ตร.ขยับขึ้นเป็น รอง ผบช.น.แทน ตำแหน่งที่ว่างลงทันทีด้วย
สำหรับ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ที่มีชื่อจะถูกโยกออกมาคุมสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนั้น ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เป็นตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯที่ร่วมกันชุมนุม หลายข้อหา แต่ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด
วันนี้ (9 ม.ค.) เวลา 13.30 น.ที่ห้องสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาวาระสำคัญหลายวาระ รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ตามมติบอร์ดกลั่นกรองด้วยโดยมี ก.ตร.ร่วมประชุมครบองค์ขาดเพียง พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.ซึ่งเดินทางไปต่างประเทศ ใช้ประชุมเวลา 3 ชั่วโมง
มีรายงานว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ดำเนินไปตามวาระ ตั้งแต่การอนุมัติวิเคราะห์กำหนดตำแหน่งใหม่ ระดับผู้กำกับการลงมา ในสังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบังคับการทะเบียน หลายตำแหน่ง โดย ก.ตร.มีมติอนุมัติตามที่ ตร.ขอมาแต่ไม่อนุมัติให้เปิดตำแหน่งในสังกัดกองบังคับการปราบปรามการประพฤติมิชอบในวงราชการ เนื่องจาก ก.ตร.ให้ความเห็นว่าซ้ำซ้อนเกินไป
จากนั้น ก.ตร.ได้มีมติเปิดตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคง ยศ พล.ต.อ.ขึ้นใหม่ เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระดับ 11 กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจในตำแหน่งดังกล่าวด้วย ซึ่งทันทีที่การพิจารณาวาระรับ พล.ต.อ.จุมพล กลับเข้าเป็นตำรวจ จบลง ไม่ทันจะเข้าวาระ ถัดไปที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ขอยุติการประชุมโดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจงานราชพิธีฯ ทำให้ไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตามที่บอร์ดกลั่นกรองพิจารณาขึ้นมาได้ รวมถึงวาระที่จะรับ พล.ต.ต.ธนโรจน์ วงศ์สมบูรณ์เดช หรือ มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ อดีต ผบก.น.1 ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ให้กลับมารับราชการใหม่ ก็ไม่ทันพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ด้วย พร้อมนัดพิจารณาวาระที่ตกค้างในครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.30 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงาน ผบ.ตร.ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติการแต่งตั้งโยกย้าย (บอร์ดกลั่นกรอง) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย นายตำรวจ ยศ พล.ต.ท.และ พล.ต.ต.ในตำแหน่งเปิดใหม่และตำแหน่งที่ว่างลง โดยมีรอง ผบ.ตร.ร่วมประชุม ใช้เวลาการประชุมร่วม 3 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุมมีรายงานว่า ที่ประชุมบอร์ดกลั่นกรองมีการถกเถียงกันอย่างหนัก โดยที่ประชุมมีมติให้ พล.ต.ท.พรชัย พันธ์วัฒนา ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ด้านยุทธศาสตร์อาวุโสอันดับ 1 ขึ้นเป็น รองจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร.โดยให้ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผบช.สตม.ช่วยรายการ ตร.เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ด้านยุทธศาสตร์ และให้ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ผบช.สำนักงานกฎหมายและสอบสวน (กมส.) เป็น ผบช.สตม.โดยให้ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ติดยศ พล.ต.ท.ขึ้นเป็น ผบช.กมส.แทน
พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ขยับเป็น จเรตำรวจ (สบ 8) ตำแหน่งเปิดใหม่ โดยให้ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธ์คงชื่น รอง ผบช.น.ติดยศพล.ต.ท.ขึ้นมาเป็น ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.แทน ให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กลึงไกร รอง ผบช.ภ.5 ติดยศ พล.ต.ท.อีกคน ขึ้นเป็นจเรตำรวจ (สบ 8)
รายงานข่าวแจ้งว่า บอร์ดกลั่นกรองยังมีมติให้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ.(191)และ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา ผบก.ประจำ ตร.ขยับขึ้นเป็น รอง ผบช.น.แทน ตำแหน่งที่ว่างลงทันทีด้วย
สำหรับ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ที่มีชื่อจะถูกโยกออกมาคุมสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนั้น ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เป็นตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯที่ร่วมกันชุมนุม หลายข้อหา แต่ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด
