ตำรวจปราบปรามยาเสพติดพอใจผลการปราบปรามยาเสพติดช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเดินหน้าปราบปรามนักค้ารายใหญ่ วอนประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหว เชื่อหากทุกฝ่ายร่วมมือ ปราบได้หมดแน่
วันนี้ (7 ม.ค.) พล.ต.ต.อุดม รักศีลธรรม รองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.) กล่าวถึงสถานการณ์การลักลอบค้ายาเสพติดติดเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ บช.ปส.ได้วางมาตรการรับมือกลุ่มผู้ค้ายาและผู้รับจ้างขนยาอยู่แล้ว เนื่องจากเมื่อถึงเทศกาลต่างๆ ทั้งสงกรานต์ และปีใหม่จะมีประชาชนกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้า กทม.จำนวนมาก พ่อค้ายาจึงอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวลักลอบขนยาเสพติดมาด้วย เพราะมีผู้คนพลุกพล่านสามารถเล็ดลอดสายตาของเจ้าหน้าที่ได้ง่าย ทั้งนี้ทางเราได้ประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทั้งตำรวจท้องที่ ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ทหาร รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตลอดเวลา โดยเน้นตรวจค้นบริเวณทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน และ ถนนหลวงสายต่างๆ
พล.ต.ต.อุดม กล่าวว่า เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดไปแล้วหลายราย แต่ไม่พบว่ามีการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่รวมอยู่ด้วย ทางเราได้มีการตรวจค้นตั้งแต่ด่านชายแดน ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยภาคเหนือนั้นพบว่ามีการผลิตและลักลอบนำยาบ้า เฮโรอีน ยาเคและยาไอซ์เข้ามาขายในไทยเป็นส่วนใหญ่ ส่วนชายแดนภาคอีสาน ด้านประเทศเขมรและลาวนั้นพบว่ามียาบ้าและกัญชาเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้านการข่าวไม่พบว่าทั้งสองประเทศมีการตั้งโรงงานผลิตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ยาเสพติดแพร่ระบาดนั้นพบว่า เนื่องมาจากฐานะของเพื่อนบ้านเราค่อนข้างยากจน แต่เมื่อเข้ามาค้ายาเสพติดแล้วสามารถทำให้เขารวยขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ฉะนั้นจึงมีผู้ค้ารายย่อยรับจ้างขนยาเสพติดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาทางเราได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามและทลายโรงงานผลิตบริเวณตะเข็บชายแดนอยู่ตลอดเวลา
“พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.ได้กำชับให้เร่งปราบปราบควบคู่กับป้องกัน โดยที่ผ่านมาทางเราได้เข้าไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดจากนักเที่ยวในสถานบริการ และให้เจ้าหน้าที่ออกไปประชาสัมพันธ์ถึงโทษภัยร้ายของยาเสพติดในสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนตกเป็นทาสของยาเสพติด เมื่อบ้านเมืองเราไม่มีผู้เสพ พ่อค้าก็ไม่รู้จะผลิตเพื่อไปขายใคร ไม่นานเขาก็เลิกผลิตไปเอง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการจับกุมนั้นทางเราจะเน้นสืบสวนเครือข่ายใหญ่ๆ ว่ามีกลุ่มไหนบ้าง เพื่อจะได้ตามไปจับกุมและทลายเครือข่ายยานรกนั้นเสีย นอกจากนี้จะทำการยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาให้หมดไป” พล.ต.ต.อุดม กล่าว
พล.ต.ต.อุดม ยังกล่าวอีกว่า การจับกุมขบวนค้ายาเสพติดเครือข่ายรายใหญ่นั้นยอมรับว่ายังมีความลำบากในการทำงานพอสมควรเพราะคนกลุ่มนี้มักส่งยากันจำนวนมาก โดยโอนเงินผ่านบัญชีของเพื่อนร่วมขบวนการ เช่น เกษตรกร พ่อค้าคนกลาง หรือนักธุรกิจ ที่ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พร้อมทั้งมีการฟอกเงินโดยการเปลี่ยนชำระค่ายาจากเงินสดเป็นสินค้าต่างๆ แต่หากเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบจะดำเนินการจับกุมและยึดทรัพย์เพื่อนร่วมขบวนการอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ จากการสืบสวนหาข่าวพบว่ากลุ่มกองทัพมดมักลักลอบขนยามาโดยวิธีการต่างๆอยู่ตลอดเวลาเช่นซุกซ่อนมากับสินค้าเกษตร อาหารสัตว์ หรือสัตว์ รวมทั้งกลืนลงท้องหรือยัดมาในทวารหนักและช่องคลอด แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถทราบความเคลื่อนไหวและรู้เท่าทันอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลำพังเจ้าหน้าที่คงสามารถจับกุมยาเสพติดได้เพียงฝ่ายเดียวหากไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน หากท่านมีเรื่องร้องเรียนหรือต้องการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดขอให้ส่งข้อมูลมาที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 88 ม.3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.10210 โทร.0-2521-8012-8 หรือ สายด่วน 1688 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (7 ม.ค.) พล.ต.ต.อุดม รักศีลธรรม รองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.) กล่าวถึงสถานการณ์การลักลอบค้ายาเสพติดติดเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ บช.ปส.ได้วางมาตรการรับมือกลุ่มผู้ค้ายาและผู้รับจ้างขนยาอยู่แล้ว เนื่องจากเมื่อถึงเทศกาลต่างๆ ทั้งสงกรานต์ และปีใหม่จะมีประชาชนกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้า กทม.จำนวนมาก พ่อค้ายาจึงอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวลักลอบขนยาเสพติดมาด้วย เพราะมีผู้คนพลุกพล่านสามารถเล็ดลอดสายตาของเจ้าหน้าที่ได้ง่าย ทั้งนี้ทางเราได้ประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทั้งตำรวจท้องที่ ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ทหาร รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตลอดเวลา โดยเน้นตรวจค้นบริเวณทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน และ ถนนหลวงสายต่างๆ
พล.ต.ต.อุดม กล่าวว่า เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดไปแล้วหลายราย แต่ไม่พบว่ามีการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่รวมอยู่ด้วย ทางเราได้มีการตรวจค้นตั้งแต่ด่านชายแดน ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน โดยภาคเหนือนั้นพบว่ามีการผลิตและลักลอบนำยาบ้า เฮโรอีน ยาเคและยาไอซ์เข้ามาขายในไทยเป็นส่วนใหญ่ ส่วนชายแดนภาคอีสาน ด้านประเทศเขมรและลาวนั้นพบว่ามียาบ้าและกัญชาเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้านการข่าวไม่พบว่าทั้งสองประเทศมีการตั้งโรงงานผลิตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ยาเสพติดแพร่ระบาดนั้นพบว่า เนื่องมาจากฐานะของเพื่อนบ้านเราค่อนข้างยากจน แต่เมื่อเข้ามาค้ายาเสพติดแล้วสามารถทำให้เขารวยขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ฉะนั้นจึงมีผู้ค้ารายย่อยรับจ้างขนยาเสพติดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาทางเราได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านในการปราบปรามและทลายโรงงานผลิตบริเวณตะเข็บชายแดนอยู่ตลอดเวลา
“พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.ได้กำชับให้เร่งปราบปราบควบคู่กับป้องกัน โดยที่ผ่านมาทางเราได้เข้าไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดจากนักเที่ยวในสถานบริการ และให้เจ้าหน้าที่ออกไปประชาสัมพันธ์ถึงโทษภัยร้ายของยาเสพติดในสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนตกเป็นทาสของยาเสพติด เมื่อบ้านเมืองเราไม่มีผู้เสพ พ่อค้าก็ไม่รู้จะผลิตเพื่อไปขายใคร ไม่นานเขาก็เลิกผลิตไปเอง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการจับกุมนั้นทางเราจะเน้นสืบสวนเครือข่ายใหญ่ๆ ว่ามีกลุ่มไหนบ้าง เพื่อจะได้ตามไปจับกุมและทลายเครือข่ายยานรกนั้นเสีย นอกจากนี้จะทำการยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาให้หมดไป” พล.ต.ต.อุดม กล่าว
พล.ต.ต.อุดม ยังกล่าวอีกว่า การจับกุมขบวนค้ายาเสพติดเครือข่ายรายใหญ่นั้นยอมรับว่ายังมีความลำบากในการทำงานพอสมควรเพราะคนกลุ่มนี้มักส่งยากันจำนวนมาก โดยโอนเงินผ่านบัญชีของเพื่อนร่วมขบวนการ เช่น เกษตรกร พ่อค้าคนกลาง หรือนักธุรกิจ ที่ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พร้อมทั้งมีการฟอกเงินโดยการเปลี่ยนชำระค่ายาจากเงินสดเป็นสินค้าต่างๆ แต่หากเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบจะดำเนินการจับกุมและยึดทรัพย์เพื่อนร่วมขบวนการอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ จากการสืบสวนหาข่าวพบว่ากลุ่มกองทัพมดมักลักลอบขนยามาโดยวิธีการต่างๆอยู่ตลอดเวลาเช่นซุกซ่อนมากับสินค้าเกษตร อาหารสัตว์ หรือสัตว์ รวมทั้งกลืนลงท้องหรือยัดมาในทวารหนักและช่องคลอด แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถทราบความเคลื่อนไหวและรู้เท่าทันอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลำพังเจ้าหน้าที่คงสามารถจับกุมยาเสพติดได้เพียงฝ่ายเดียวหากไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน หากท่านมีเรื่องร้องเรียนหรือต้องการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดขอให้ส่งข้อมูลมาที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 88 ม.3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.10210 โทร.0-2521-8012-8 หรือ สายด่วน 1688 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง