“สุพรรษา เนื่องภิรมย์” ถูกตีนแมวยกเค้าสูญ 4 ล้าน ดาราชื่อดังเผยติดใจทำไมคนร้ายเลือกเอาทรัพย์สินแต่ห้องนอนตนเท่านั้น เชื่อคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดที่สามารถเข้าออกบ้านได้ตลอด ด้านตำรวจสอบปากคำทกุคนในบ้าน แต่ยังไม่พบพิรุธ ตามประกบคนขับรถที่กลับบ้านต่างจังหวัด
วันนี้ (31 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางสุพรรษา เนื่องภิรมย์ อายุ 46 ปี นักแสดงชื่อดังว่า ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้านพักเลขที่ 59/191 หมู่บ้านโฮมเพลส ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ
เมื่อเดินทางไปถึง ผู้สื่อข่าวพบนางสุพรรษายืนรออยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งบ้านมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น โดยนางสุพรรษาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามี ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อดังได้เดินทางออกไปดูแลไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ตั้งอยู่เลขที่ 31/62 หมู่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนเดินทางตนได้ฝากกุญแจบ้านไว้กับนายสมเกียรติ ซึ่งเป็นคนขับรถและทำงานอยู่กับตนมาประมาณ 7-8 ปี แล้ว
นางสุพรรษา กล่าวต่อว่า ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสมเกียรติได้โทรศัพท์ไปบอกตนที่ไร่องุ่นว่าบ้านถูกโจรยกเค้า จึงรีบเดินทางกลับมาตรวจสอบและพบว่าภายในห้องดูโทรทัศน์ ห้องนอนของตนและลูกชาย มีร่องรอยถูกงัดเข้าไปภายใน โดยเฉพาะห้องนอนของตน ซึ่งคนร้ายได้ทำการรื้อค้นจนสิ่งของภายในห้องกระจัดกระจาย สำหรับทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย เครื่องเพชร สร้อยไข่มุก กระเป๋าแบรนด์เนมจำนวน 43 ใบ ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ 1,600 ดอลลาร์ รวมทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประมาณ 4 ล้านบาท
“ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. ฉันได้ตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ธีรพงษ์ เผดิมผล พนักงานสอบสวน สน.บางชัน ก่อนเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะลักลอบเข้ามาจากทางหลังบ้านและขึ้นไปขโมยทรัพย์สินบนห้องชั้น 2 แต่สิ่งที่ฉันติดใจ คือ ทำไมคนร้ายจึงเลือกเอาแต่ทรัพย์สินในห้องนอนของฉัน ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในห้องของลูกชาย อาทิ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และกีตาร์ไฟฟ้าอีกนับ 10 ตัว คนร้ายกลับไม่เอาไปด้วย” นางสุพรรษากล่าว
นางสุพรรษา กล่าวต่อว่า บ้านของตนมีผู้อยู่อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน คือ ตนและสามี ส่วนลูกชายตอนนี้ได้เดินทางไปศึกษาต่างประเทศ นอกจากนี้ที่บ้านยังมีคนขับรถ 2 คนและแม่บ้านอีก 1 คน ซึ่งจะเดินทางมาทำงานในช่วงเช้าเท่านั้น ตนจึงสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุในครั้งน่าจะเป็นคนใกล้ชิดที่สามารถเข้าออกบ้านของตนได้
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำบุคคลใกล้ชิดกับนางสุพรรษา จนครบทุกคนแล้ว แต่ก็ยังไม่พบพิรุธแต่อย่างใด มีเพียงนายสมเกียรติซึ่งเป็นคนขับรถ และเป็นผู้ที่นางสุพรรษาไว้ใจให้ถือกุญแจบ้านเท่านั้นที่ขอลากลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.4 ได้ส่งกำลังเฝ้าติดตามไปประกบนายสมเกียรติเอาไว้แล้ว
วันนี้ (31 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางสุพรรษา เนื่องภิรมย์ อายุ 46 ปี นักแสดงชื่อดังว่า ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้านพักเลขที่ 59/191 หมู่บ้านโฮมเพลส ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ
เมื่อเดินทางไปถึง ผู้สื่อข่าวพบนางสุพรรษายืนรออยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งบ้านมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น โดยนางสุพรรษาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามี ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อดังได้เดินทางออกไปดูแลไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ตั้งอยู่เลขที่ 31/62 หมู่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนเดินทางตนได้ฝากกุญแจบ้านไว้กับนายสมเกียรติ ซึ่งเป็นคนขับรถและทำงานอยู่กับตนมาประมาณ 7-8 ปี แล้ว
นางสุพรรษา กล่าวต่อว่า ต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสมเกียรติได้โทรศัพท์ไปบอกตนที่ไร่องุ่นว่าบ้านถูกโจรยกเค้า จึงรีบเดินทางกลับมาตรวจสอบและพบว่าภายในห้องดูโทรทัศน์ ห้องนอนของตนและลูกชาย มีร่องรอยถูกงัดเข้าไปภายใน โดยเฉพาะห้องนอนของตน ซึ่งคนร้ายได้ทำการรื้อค้นจนสิ่งของภายในห้องกระจัดกระจาย สำหรับทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย เครื่องเพชร สร้อยไข่มุก กระเป๋าแบรนด์เนมจำนวน 43 ใบ ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ 1,600 ดอลลาร์ รวมทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประมาณ 4 ล้านบาท
“ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. ฉันได้ตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ธีรพงษ์ เผดิมผล พนักงานสอบสวน สน.บางชัน ก่อนเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะลักลอบเข้ามาจากทางหลังบ้านและขึ้นไปขโมยทรัพย์สินบนห้องชั้น 2 แต่สิ่งที่ฉันติดใจ คือ ทำไมคนร้ายจึงเลือกเอาแต่ทรัพย์สินในห้องนอนของฉัน ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในห้องของลูกชาย อาทิ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และกีตาร์ไฟฟ้าอีกนับ 10 ตัว คนร้ายกลับไม่เอาไปด้วย” นางสุพรรษากล่าว
นางสุพรรษา กล่าวต่อว่า บ้านของตนมีผู้อยู่อาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน คือ ตนและสามี ส่วนลูกชายตอนนี้ได้เดินทางไปศึกษาต่างประเทศ นอกจากนี้ที่บ้านยังมีคนขับรถ 2 คนและแม่บ้านอีก 1 คน ซึ่งจะเดินทางมาทำงานในช่วงเช้าเท่านั้น ตนจึงสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุในครั้งน่าจะเป็นคนใกล้ชิดที่สามารถเข้าออกบ้านของตนได้
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำบุคคลใกล้ชิดกับนางสุพรรษา จนครบทุกคนแล้ว แต่ก็ยังไม่พบพิรุธแต่อย่างใด มีเพียงนายสมเกียรติซึ่งเป็นคนขับรถ และเป็นผู้ที่นางสุพรรษาไว้ใจให้ถือกุญแจบ้านเท่านั้นที่ขอลากลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.4 ได้ส่งกำลังเฝ้าติดตามไปประกบนายสมเกียรติเอาไว้แล้ว
