"ไส้กรอกหมูต้องห้าม" นำเข้าไทย

กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive

หลายคนอาจเคยเห็นไส้กรอกหมูแบบไม่แช่เย็น ตามร้านชาบู ร้านหมาล่าหลายพื้นที่ เป็นไส้กรอกที่ไม่ได้แช่เย็น แต่บรรจุในห่อพลาสติกเหนียว เมื่อแกะแล้วสามารถรับประทานได้เลย หรือนำไปผสมกับหม้อสุกี้

มีข่าวชิ้นเล็กๆ อยู่ชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับไส้กรอกหมู อาจทำให้มีคนตกใจ และเกิดตั้งคำถาม

13 กรกฎาคม 2566 ชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่น (DLD-Quarantine and Inspection Canine unit) ด่านกักกันสัตว์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรมปศุสัตว์ ตรวจยึดไส้กรอกหมู 100 แท่ง น้ำหนัก 8.5 กรัม มูลค่า 2,000 บาท

ไส้กรอกดังกล่าวถูกขนมากับกระเป๋าเดินทางสีดำ เดินทางมาจากสายการบินไห่หนานแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ HU 7939 จากเมืองไหโข่ว มณฑลไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 20.02 น.

พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศว่า หากพบเห็นสินค้าหน้าตาแบบนี้ที่ใดภายในประเทศไทย โปรดแจ้งเบาะแส ทำเอาหลายคนชี้เป้าไปที่ร้านชาบู ร้านหมาล่าต่างๆ ทราบว่าตอนนี้เริ่มมีบางร้านเก็บสินค้าออกจากร้านเรียบร้อยไปแล้ว

อาจมีคนสงสัยว่า ทำไมกรมปศุสัตว์ต้องมาตรวจจับไส้กรอกนี้ด้วย บางคนก็โยงไปว่า ผิดเพราะไม่ใช่ของเจ้าสัวในบ้านเรา ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน


ใครที่เดินทางเข้าออกต่างประเทศ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน จะมีประกาศติดไว้ที่ด่านศุลกากร ห้ามนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมูเข้าประเทศไทย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์

ครอบคลุมตั้งแต่เนื้อหมู ไส้กรอก เบคอน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเนื้อหมู

มาตรการนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2562 หลังเกิดการระบาดของ โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) ที่ผ่านมาประเทศโดยรอบเกิดการแพร่ระบาดไปแล้วหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน

แต่ประเทศไทย ที่ผ่านมากรมปศุสัตว์และผู้เลี้ยงสุกรของไทย ให้ความสำคัญและวางมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เชื้อโรคนี้แพร่เข้าสู่ประเทศไทย และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร

ถึงกระนั้น ที่ผ่านมาก็เคยมีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน และชิ้นส่วนหมูเถื่อนจากต่างประเทศ ใช้วิธีสำแดงเท็จว่าเป็นอาหารทะเล หรือวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เมื่อผ่านด่านมาได้ก็จะเก็บไว้ในห้องเย็นเพื่อจำหน่ายปะปนกันไป

หากมาจากหมูที่เป็นโรค หรือเป็นพาหะ เสี่ยงที่จะเกิดโรคระบาดหมู สร้างความเสียหายต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูอย่างมหาศาล อีกส่วนหนึ่งก็คือ อาจมีเนื้อหมูเถื่อนใช้สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งประเทศไทยห้ามใช้มานานถึง 20 ปี

เพราะฉะนั้น กรมปศุสัตว์จึงต้องออกมาตรการอย่างเข้มงวด เพื่อสะกัดกั้นไม่ให้เนื้อหมูและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมูเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ถ้ามีคนนำเข้ามาต้องกักกันและทำลาย

การลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมู โดยเฉพาะไส้กรอกไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีแบบนี้หลายครั้ง ถือเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 หากจับได้จะยึดอายัดและทำลายตามระเบียบ








เห็นภาพที่ชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่นโพสต์ไส้กรอกที่ตรวจยึดมาได้ เป็นไส้กรอกหมูยี่ห้อชวงฮุย (Shuanghui) หรือที่คนไทยเรียกว่าตราสิงโต ผลิตจากโรงงานที่มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน

เป็นไส้กรอกแบบแท่ง น้ำหนัก 40 กรัม ไม่แช่เย็น บรรจุในถุงพลาสติกเหนียวอย่างดี ใช้ปากกัดไม่ออก ต้องใช้มีดหั่น รับประทานได้ทันทีหรือนำเข้าไมโครเวฟก็ได้ การเก็บรักษาเก็บไว้ในที่แห้ง อายุการเก็บรักษา 180 วัน หรือ 6 เดือน

แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีวางจำหน่าย แต่หากข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไส้กรอกยี่ห้อนี้มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต และไม่ได้มีแค่สีแดง แต่ยังมีสีเขียวและสีฟ้า เคยซื้อมาทาน

หากมาเดินซูเปอร์มาร์เก็ตตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น นครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง ไม่ได้มีเพียงแค่ไส้กรอกจากจีน แต่ยังมีผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปจากจีนอีกมากให้เห็นละลานตา แม้ราคาไม่แพง แต่รสชาติจะแปลกไปบ้าง

รวมทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค ของใช้ส่วนตัว ทั้งนำเข้าจากไทย เวียดนาม และจีน เปรียบเทียบกับซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย ถ้าไม่ใช่สินค้าอุปโภค บริโภค ที่ผูกขาดนายทุนเพียงไม่กี่เจ้า ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากชาติตะวันตก






ส่วนประเทศเวียดนาม ครั้งหนึ่งที่ออฟฟิศส่งไปดูงานที่ซีพี เวียดนาม นครโฮจิมินห์ เมื่อปี 2557 เคยทดลองรับประทานไส้กรอกแบบไม่แช่เย็นมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นยังเป็นไส้กรอกแท่งเล็กๆ ยังไม่มีฉลากใดๆ

ปัจจุบันเรียกว่าไส้กรอกพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurized Sausage) มีจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต แท่งละ 20 กรัม 5 แท่ง รับประทานได้ทันที หรือใส่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง หรือพิซซ่าก็ได้ อายุการเก็บรักษา 3 เดือนนับจากวันผลิต

สำหรับประเทศไทย เคยมีไส้กรอกพร้อมรับประทานโดยไม่ต้องแช่เย็น เป็นไส้กรอกไก่ ตรารีเฉิน (Reecen) วางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตในปี 2562 ผลิตจากโรงงานในมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

มีสามรสชาติ คือ รสดั้งเดิม ห่อสีเหลือง รสเผ็ด ห่อสีแดง และรสข้าวโพด ห่อสีเขียว แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันพบว่าหายไปจากท้องตลาดแล้ว อาจเป็นเพราะคนไทยนิยมไส้กรอกแบบแช่เย็น เพราะรสชาติคุ้นเคยและสดใหม่มากกว่า




กรณีการจับกุมไส้กรอกหมูยี่ห้อชวงฮุย เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่สินค้าจากจีนเข้ามาในไทย ไม่ได้มีเพียงแค่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เฉกเช่นในอดีต แต่ยังรวมถึงสินค้าของกินของใช้อีกมาก

ขณะเดียวกันยังพบว่า เริ่มมีมีสินค้าจีนได้รับความนิยมเป็นกลุ่มเฉพาะ เช่น นมกระป๋องจีนยี่ห้อหวังจือ เป็นรูปตัวการ์ตูนเด็กน่ารักๆ หรือจะเป็นน้ำสมุนไพรกระป๋องแดงยี่ห้อหวังเหล่าจี๋ ที่วางขายตามร้านชาบูหมาล่า

แม้กระทั่งซูเปอร์มาร์เก็ตจีน ที่ขายเฉพาะสินค้านำเข้าจากจีนโดยเฉพาะ ก็มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ จำหน่ายอาหารแปรรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องเทศจีน ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม

แต่ด้วยความที่บ้านเรา สินค้าที่แปรรูปจากเนื้อหมูเป็นสินค้าต้องห้าม และหลังเป็นข่าวสินค้าอาจจะถูกหยิบออกจากร้านไปพักหนึ่ง และหากกลับเข้ามาอีกก็จะถูกทางการเพ่งเล็ง ไส้กรอกหมูแบบไม่แช่เย็นอาจจะไม่เห็นในเวลานี้

ตราบใดที่เนื้อหมูและสินค้าแปรรูปจากหมูยังเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าประเทศในเวลานี้ หากกระแสชาบูหมาล่ายังคงอยู่ เราอาจจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ไส้กรอกหมูแบบไม่แช่เย็นผลิตขึ้นในประเทศไทยก็ได้ 

อย่างน้อยมีผู้ผลิตอาหารแปรรูปรายใหญ่ ที่มีเทคโนโลยีการผลิตอยู่ในมือ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะตัดสินใจผลิตหรือไม่

ถึงกระนั้น บ้านเราส่วนใหญ่นิยมไส้กรอกแบบแช่เย็น มีตั้งแต่ราคาประหยัดถึงระดับพรีเมียม บริโภคกันทุกเพศ ทุกวัย ทุกโอกาส ตั้งแต่ทำกินเองในครัวเรือน เป็นอาหารว่าง ของทานเล่น แม้แต่ซอฟต์พาวเวอร์ อย่างลูกชิ้นยืนกินก็มี

ร่ายยาวกันมาสมควร เอาเป็นว่า ถ้าอยากลองกินไส้กรอกหมูต้องห้าม แบบไม่แช่เย็นตามที่เป็นข่าว เวลานี้แนะนำให้ช้ามแม่น้ำโขงไปหาซื้อและกินกันได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตหัวเมืองต่างๆ เช่น นครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบาง

แต่อย่าถึงกับนำกลับประเทศไทยเลยดีกว่า แม้จะมองว่าเอาเข้ามาเพียงเล็กน้อยก็ตาม คิดว่าไม่เป็นไรมั้ง แต่หากผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อหมู สมมติเกิดพลาด เป็นพาหะโรคระบาดขึ้นมา จะฉิบหายกันทั้งประเทศ