กิตตินันท์ นาคทอง Facebook.com/kittinanlive
สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย นอกจากการส่งออกจะติดลบซ้ำเติมสงครามการค้าก่อนหน้านี้แล้ว การท่องเที่ยวยังนิ่งสนิท จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 39 ล้านคนที่หายไป
ภาคธุรกิจจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับ “ชีวิตวิถีใหม่” หรือ นิวนอร์มัล (New Normal)โดยเฉพาะการแสวงหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ทดแทนรายได้หลักที่ขาดหายไป เพราะหากจะรอคอยให้ธุรกิจหลักกลับมาฟื้นตัวนั้นอาจสายเกินไป
การบินไทยจากที่เคยทำการบิน 63 จุดหมายปลายทางทั่วโลก เมื่อทำการบินไม่ได้ และหนี้สินล้นพ้นตัว เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ ในวันนี้ก็ได้เห็นแคนทีนสำนักงานใหญ่ ถูกดัดแปลงเป็นภัตตาคาร “อร่อยล้นฟ้า ไม่ต้องบินก็ฟินได้”
หรือแม้กระทั่งภาพที่พ่อครัวจากฝ่ายครัวการบิน ยืนทอดปาท่องโก๋ขายใจกลางสีลม ซึ่งโดยปกติจะขายเฉพาะอาคาร OPC สุวรรณภูมิ รู้กันเฉพาะนักบินและลูกเรือ ก็เกิดกระแสไวรัล ผู้คนยืนต่อคิวตั้งแต่ตีสี่เพื่อให้ทันปาท่องโก๋และสังขยามันม่วง
ไม่ต่างจาก แอร์เอเชีย ที่แต่เดิมขาย “ชานมไข่มุกบุก” บนเครื่อง ขายดีถึงเดือนละ 40,000 แก้ว มาถึงช่วงโควิด-19 แม้จะทำการบินไม่ได้ แต่ก็ขายชานมไข่มุกบุกผ่านช่องทางดีลิเวอรี และล่าสุดหลัง ศบค.ไฟเขียว ก็ยังมีขายบนเที่ยวบินแอร์เอเชีย
มาถึงธุรกิจโรงแรม ครั้งหนึ่งเห็นข่าว “คุณโจอี้” ชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ เจ้าของโรงแรมโฆษะ กลางเมืองขอนแก่น ยืนขายไก่ย่างหน้าโรงแรม หลังจากปิดให้บริการชั่วคราว ตามคำสั่งของจังหวัดขอนแก่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
เป็นไก่สายพันธุ์ KKU1 (เคเคยู วัน) ที่ช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เสริมอย่างยั่งยืน เป็นไก่ย่างเพื่อสุขภาพ เพราะมีค่ากรดยูริคต่ำกว่าไก่ทั่วไปถึง 67% และยังไขมันต่ำกว่าอีกเท่าตัว เลี้ยงโดยไม่ใช้ฮอร์โมน ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
นอกจากจะได้ช่วยเกษตรกรแล้ว ยังได้ช่วยพนักงานโรงแรมโฆษะกว่า 200 ชีวิต มีรายได้ประทังชีวิตและดูแลครอบครัวให้อยู่ได้ นอกจากจะขายที่ขอนแก่นเป็นหลักแล้ว ยังส่งถึงบ้านที่กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ
ด้วยความอยากรู้ว่า “ไก่ย่างโฆษะ” มีดีอย่างไร จึงคิดว่าสักวันหนึ่งหลังโควิดซา จะต้องไปลองลิ้มชิมรสสักครั้ง
กระทั่งปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้เขียนตัดสินใจแวะมาเยือนจังหวัดขอนแก่น 1 วัน ก่อนไปธุระที่อื่น โดยเข้าพักโรงแรมโฆษะ ใช้สิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ผ่านอะโกด้า รวมทุกอย่างเหลือคืนละประมาณ 775 บาท
คนขอนแก่นไม่มีใครไม่รู้จัก “โรงแรมโฆษะ” ความสูง 17 ชั้น บนถนนศรีจันทร์ ใจกลางเมืองขอนแก่น เป็นหนึ่งในกิจการของตระกูล “โฆษะวิสุทธิ์” ทำหน้าที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมานานกว่า 50 ปี
จุดเริ่มต้นของตระกูลโฆษะวิสุทธิ์ มาจากชาวจีนที่ชื่อ “ซา แซ่โค้ว” เดินทางจากเมืองจีนมาตั้งรกรากที่เมืองขอนแก่น ขายของป่า พืชไร่ ก่อนสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยโรงสีข้าวและโรงเลื่อยไม้
มาถึงทายาทรุ่นที่ 2 “เชษฐ์ โฆษะวิสุทธิ์” ได้ก่อตั้งโรงแรมโฆษะเมื่อปี 2511 ในยุคนั้นถือเป็นโรงแรมที่ทันสมัยที่สุดในจังหวัดขอนแก่น เมื่อเทียบกับที่อื่นซึ่งเป็นโรงแรมราคาประหยัด ก่อนส่งต่อให้ทายาทรุ่นที่ 3 “ชาย (ชาติชาย) โฆษะวิสุทธิ์”
เมื่อจังหวัดขอนแก่นเป็นเมืองเศรษฐกิจ การศึกษา และการแพทย์ในภาคอีสาน ช่วงเศรษฐกิจกำลังบูม จึงได้เห็นกลุ่มดุสิตธานี ก่อตั้งโรงแรมเจริญธานีในปี 2536 กลุ่มบริษัทราชา กรุ๊ป ก่อตั้งโรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด ในปี 2539
จากที่เป็นโรงแรม 17 ชั้น กลุ่มโฆษะจึงได้ขยับขยายก่อสร้าง โครงการโฆษะ แกรนด์ ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าสูง 5 ชั้น และโรงแรมพร้อมอาคารสำนักงานสูง 28 ชั้น ถือว่าสูงที่สุดในจังหวัดขอนแก่น เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2537
แม้ศูนย์การค้าจะเปิดให้บริการในปี 2540 แต่อาคารสูง 28 ชั้น จำต้องหยุดก่อสร้าง หลังรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลดค่าเงินบาท และเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ธนาคารหยุดปล่อยเงินกู้กะทันหัน
ผลก็คือ กลุ่มโฆษะต้องหาเงินใช้หนี้ค่าก่อสร้างจนหมด และปล่อยให้อาคารร้างยาวนานกว่า 20 ปี สุดท้าย อิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกลุ่มมิตรผล ก็ปิดดีลอาคารนี้สำเร็จ โดยจะก่อสร้างเป็น “อาคารขอนแก่น อินโนเวชัน เซ็นเตอร์”
ถือว่าผ่านวิกฤตเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสที่สุดในยุคนั้นไปได้ ต่างจากหลายธุรกิจในยุคนั้นที่ล้มหายตายจาก หรือถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับกลุ่มทุนอื่น โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากต่างชาติ
ปัจจุบัน โรงแรมโฆษะมีห้องพักทั้งหมด 195 ห้อง และห้องประชุมสัมมนาทั้งหมด 9 ห้อง กลุ่มลูกค้ามีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากฝั่ง สปป.ลาว รวมทั้งกลุ่มลูกค้าส่วนราชการ ใช้บริการห้องประชุมสัมมนา
เนื่องจากเปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี แม้สภาพภายนอกจะดูเก่าแก่ก็ตาม แต่ห้องพักยังคงทำความสะอาดและบำรุงรักษาอยู่เสมอ โดยเฉพาะเตียงนอน แม้จะเคยเข้าพักเมื่อกว่า 10 ปีก่อน แต่พอเข้าพักครั้งล่าสุดยังคงนุ่มและหลับสบาย
จึงไม่แปลกใจว่าทำไมยังคงมีลูกค้าเข้าพักที่นี่อยู่ตลอด ทั้งๆ ที่ในจังหวัดขอนแก่นมีโรงแรมเปิดใหม่เกิดขึ้นมากมาย และบางแห่งรีโนเวตให้ทันสมัยขึ้น อาจเป็นเพราะการบริหารงานด้วยความใส่ใจของผู้บริหารและทีมงานกระมัง
มาถึงการเดินทางครั้งล่าสุด ตั้งใจแน่วแน่ว่าอยากชิมไก่ย่างโฆษะ ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินขอนแก่นในช่วงค่ำ ปัญหาก็คือ ไม่ได้จองรถตู้มารับที่สนามบิน เนื่องจากไม่ทราบมาก่อน โชคดีที่มีเพื่อนขับรถมารับจึงไปถึงในเวลาไม่นานนัก
หลังเช็กอิน เก็บสัมภาระขึ้นห้องเสร็จ จึงลงมาด้านล่าง ปรากฎว่าห้องอาหารปิดหมดแล้ว เหลือแต่คอฟฟี่ช้อป กับสวนอาหารใต้ต้นมะพร้าวที่เป็นลานเบียร์อยู่ด้านนอก เราจึงเลือกทานตรงนั้นแทน
หนึ่งในเมนูที่เราสั่งก็คือ “ไก่ย่างโฆษะ” จานละ 199 บาท สั่งคู่กับข้าวเหนียวและส้มตำไทย ไม่นานนักไก่ย่างก็มาถึง ลักษณะเป็นไก่ย่างเต็มตัว โรยหน้าด้วยกระเทียม พร้อมน้ำจิ้มแจ่ว
สัมผัสแรกที่ได้เอาส้อมจิ้มไก่ พบว่าไก่มีความนุ่ม จิ้มง่าย เคี้ยวง่าย ต่างจากไก่ย่างที่อื่น ซึ่งบางแห่งแม้แต่ไก่เนื้อยังแข็งจนต้องใช้แรงมือและแรงฟันในการเคี้ยว และเนื่องจากเนื้อไก่หมักเป็นอย่างดี ทำให้รสชาติไม่จืดชืด โดยเฉพาะเนื้อส่วนอก
ถือเป็นไก่ย่างที่ลงตัว เมื่อเทียบกับไก่ย่างชื่อดังบางยี่ห้อที่แม้ส่วนหนังไก่จะอร่อย แต่ส่วนเนื้อกลับมีความกระด้าง โดยเฉพาะเนื้อส่วนอกจืดชืดที่สุด ต้องจิ้มด้วยน้ำจิ้มไก่ถึงจะทานได้
สำหรับไก่พันธุ์ KKU1 (เคเคยู วัน) เป็นนวัตกรรมปรับปรุงพันธุ์ไก่ จาก ศูนย์เครือข่ายวิจัยและพัฒนาด้านการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ (ไก่พื้นเมือง) คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไก่ 4 สายพันธุ์ที่เคยพัฒนามาผสมกับไก่พันธุ์พื้นเมือง
คุณสมบัติเด่นก็คือ โตเร็ว เลี้ยงง่าย ไม่ต้องลงทุนสูง เนื้อที่ได้หนาแน่นแต่นุ่ม โคเลสเตอรอลต่ำ กรดยูริคต่ำกว่าไก่เนื้อทางการค้า เหมาะสำหรับทำไก่ย่างหรือไก่ทอด รสชาติอร่อยกว่าไก่เนื้อทั่วไป ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์รับประทานได้ แต่อย่าทานเยอะ
เพื่อนที่นั่งทานด้วยกันบอกว่า “อารมณ์เหมือนไก่เนื้อมากกว่าไก่บ้าน”
ต่อมา บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ในเขตจังหวัดขอนแก่น นำไก่สายพันธุ์ดังกล่าวไปเลี้ยง บ้านละ 400 ตัว เพื่อจำหน่ายทั้งในรูปแบบชำแหละและไข่ไก่
กระทั่งโรงแรมโฆษะตัดสินใจนำไก่พันธุ์ KKU1 เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารเมนูไก่ของโรงแรม อาทิ ไก่ย่าง ลาบไก่ สลัดไก่ ขาไก่ต้มซูเปอร์แซ่บ ฯลฯ ขณะเดียวกัน ยังมีร้านอาหารชั้นนำปรุงเมนู “ไก่ต้มริมโขง” โดยใช้ไก่พันธุ์ KKU1 อีกด้วย
เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ทำให้โรงแรมต้องปิดให้บริการ “คุณโจอี้” จึงตัดสินใจใช้ครัวร้านไก่ย่างขามแก่น ที่อยู่ด้านนอกโรงแรม ดัดแปลงเป็นร้าน “ครัวโฆษะ” จำหน่ายอาหารทั้งแบบซื้อกลับบ้าน (Take Home) และส่งถึงบ้าน (Delivery)
พร้อมทั้งนำเมนู “ไก่ย่างโฆษะ” จำหน่ายเป็นไก่ย่างแช่แข็งพร้อมรับประทาน แพ็คสูญญากาศอย่างดี เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นได้นาน 1 ปี มีบริการจัดส่งถึงกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ ในราคาชุด 4 ตัว 999 บาท
ภายหลังโรงแรมโฆษะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ครัวโฆษะยังคงผลิตและจำหน่ายไก่ย่างโฆษะแบบแช่แข็ง เป็นของฝากเมืองขอนแก่น (ยุคนิวนอร์มัล) ผ่านช่องทางทั้งล็อบบี้โรงแรม เฟซบุ๊ก และไลน์ของโรงแรม
เมื่อซื้อมาแล้ว ก่อนรับประทานให้นำไปอบในเตาอบฝาบน 10 นาที จะได้รสชาติกลมกล่อม หนังกรอบ หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร หรืออีกวิธีหนึ่งคือ นำเข้าไมโครเวฟ
อีกด้านหนึ่ง ไก่ย่างโฆษะยังมีขายปลีกที่ “อะโกร เอาท์เล็ต” (Agro Outlet) ถนนศรีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถ้ามาจากประตูศรีฐานให้ตรงไปประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนถึงวงเวียนสำนักอธิการบดี เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มทุกวัน
โดยภายในร้านจะมีตู้แช่ ทั้งไก่ย่างสำเร็จรูป KKU1 ราคา 250 บาทต่อแพ็ค, ไก่ยูริคต่ำ ขอนแก่น พรีเมียม ชิค ในรูปแบบไก่สด น้ำหนักประมาณ 1.1-1.2 กิโลกรัม ราคา 120 บาทต่อแพ็ค และไก่สด KKU1 ฟรีซ ตัวละ 165 บาท
น่าเสียดายที่ผู้เขียนต้องไปจังหวัดอื่นต่อ ยังไม่กลับกรุงเทพฯ แต่ก็นึกในใจว่า ถ้าใครจะแวะซื้อก่อนขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ซึ่งประตูศรีฐาน ถนนศรีจันทร์ ก็เป็นทางผ่านไปสนามบินขอนแก่น น่าจะมีกระเป๋าเก็บความเย็นติดมาด้วยก็ดี
การปรับตัวของโรงแรมโฆษะ ผลักดันเมนู “ไก่ย่างโฆษะ” ครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของภาคธุรกิจ ที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเพื่อความอยู่รอด ในยามที่สถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่า เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอีกเมื่อใด
นอกจากจะสร้างรายได้แก่เกษตรกรชาวขอนแก่น และหล่อเลี้ยงกิจการโรงแรมยืนหยัดอยู่ได้แล้ว ยังเป็นเมนูสุขภาพทางเลือกใหม่ แม้ราคาสูงกว่าตามท้องตลาดทั่วไปแต่ก็เป็นการสนับสนุนงานวิจัย และเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคในระยะยาว