การเมืองยังไม่ขยับไปไกล โผ ครม.ยังไม่ออก มีการเล่นงอแงพ่อแง่แม่งอนกันตามประสา แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรพลิกโผ
ยกเว้นแต่ท่านดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ที่ออกมางอนแรงเกินเบอร์ไปหน่อย ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่ก็ได้ข่าวว่าทางแกนนำรัฐบาลก็ไม่ได้มาง้ออะไร
พักเรื่องการเมืองมาดูปัญหาชาวบ้านกันบ้าง เพราะมีผู้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ในยุคอำนาจเต็มมือของ คสช.นั้น อาจจะกระชับอำนาจด้านอื่นแข็งขัน
แต่สำหรับเรื่องอื่นๆ แล้ว ก็เหมือนกลไกราชการจะอ่อนปวกเปียก ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความรับผิดชอบมากขึ้นไปทุกทีๆ
เอาแค่ข่าวต่างๆ ในช่วงนี้ที่ปูดขึ้นมาฟ้องก็ได้
เช่นเรื่องของแก๊งมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ซอยอุดมสุข ปิดถนนตีกัน มีอาวุธครบ ยิงปืนกันสนั่นเมืองเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปจนมีผู้เสียชีวิต
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่า คนตายนั้นจะเกี่ยวข้องกับพวกอันธพาลวินมอเตอร์ไซค์หรือไม่ เพราะมีกล้องวงจรปิดอีกมุมจับภาพได้ว่าก่อนถูกยิง เขาก็ถือค้อนไปหวดกบาลชาวบ้านเหมือนกัน
แต่ปัญหาสำคัญที่สุด คือกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้มีความเกรงกลัวกฎหมายเลย ที่สามารถปิดซอยบนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นย่านที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น ยกพวกตีกันกลางวันแสกๆ ได้ขนาดนี้ โดยมีตำรวจไม่กี่นายพยายามระงับเหตุ แต่ก็ทำได้แค่ปรามๆ เพราะกำลังพลมีน้อย และทุกคนก็รักชีวิต ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิด
มันก็ช่วยไม่ได้ที่ประชาชนจะตั้งคำถามว่า แล้วกำลังพลที่เราเห็นเวลามีการชุมนุมนั้นหายไปไหนหมด ทางตำรวจมีกลไกหรือมาตรการระดมพลเพื่อเหตุฉุกเฉินเช่นนี้หรือไม่
ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่วินมอเตอร์ไซค์ตีกันเอง แต่เป็นการปิดเมืองปล้นหรือเหตุกราดยิงเหมือนในต่างประเทศ ตำรวจจะมาระงับเหตุได้ทันหรือไม่
แล้วการที่วินมอเตอร์ไซค์แถวนั้นเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองขนาดนี้ มีใครให้ท้ายหรือเป็นแบ็กอยู่หรือไม่
นี่คือสิ่งที่ประชาชนสงสัย
หรือกับข่าวสลดใจที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อลูกจ้าง อบต.คนหนึ่ง สุดทนแก๊งเด็กแวนซ์ที่ซิ่งมอเตอร์ไซค์เสียงดังกลางดึก รบกวนเวลานอน ทำให้ลูกของเขาที่ป่วยอยู่หวาดผวา นอนหลับไม่ได้
คุณพ่อจึงลากปืนไปยิงเด็กแวนซ์ตายคาที่ไปหนึ่งศพ ถูกจับดำเนินคดี ท่ามกลางการให้กำลังใจของประชาชนผู้เดือดร้อนที่เหลืออดเหลือทนกับเด็กแวนซ์พวกนี้มานานแล้ว และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มากวดขันสอดส่องระงับความเดือดร้อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
จนต้องมีคนลุกขึ้นมาเป็นศาลเตี้ย กลายเป็นฆาตกรตามกฎหมาย แต่ถูกใจชาวบ้าน
เรื่องมันวิปริตถึงขนาดที่ประชาชนจับปืนขึ้นมาฆ่ากันเอง และชาวบ้านชาวช่องก็เห็นอกเห็นใจ เป็นกองเชียร์มือปืนจำเป็น นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ความหละหลวมละเลยการบังคับใช้กฎหมาย จนคนหมดที่พึ่ง ต้องจัดการกันเองด้วยอาวุธของใครของมัน และประชาชนส่วนใหญ่ที่มองว่าเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว นี่เป็นสัญญาณอันตรายมากๆ
เพราะความปล่อยปละละเลยของฝ่ายเจ้าหน้าที่ จึงทำให้มีปัญหานี้เกิดขึ้น เรื่องนี้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบด้วย คือตำรวจในท้องที่ที่มีผู้ไปเพียรร้องเรียนเรื่องความเดือดร้อนจากแก๊งเด็กแวนซ์นี่แหละ ที่การละเว้นการทำหน้าที่ ไปกดดันจนทำให้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาฆ่ากันเองอย่างสลดหดหู่
ถัดมาก็เป็นเรื่องของ กทม.ที่ก็มีปัญหาเรื่องความชุ่ยและการปล่อยปละละเลยเช่นกัน เป็นข่าวกันมาสองสามวันซ้อน
ตั้งแต่ข่าวที่พนักงานบริษัทสาวเดินลงจากสถานีรถ MRT ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เหยียบลงไปบนฝาท่อที่ชำรุด จมลงไปในน้ำเน่ามิดหัว
โชคดีที่มีคนเห็นเหตุการณ์เยอะ ช่วยเหลือไว้และพาไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน
ก็รายงานข่าวเช่นกัน ว่าชาวบ้านแถวนั้นเห็นแล้วว่าฝาท่อทำท่าจะไม่ดี ได้แจ้งไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก นอกจากมาตรวจดูแล้วเอากรวยยางมาวาง
จนกระทั่งมีคนตกลงไปนั่นแหละ ถึงได้มาซ่อมกันได้ วันเดียวเสร็จ
ข่าวน่าสลดเกี่ยวกับความไม่รับผิดชอบ ปล่อยปละละเลยของข้าราชการไทย ล่าสุดส่งท้ายคือข่าวที่เครนก่อสร้างโรงแรมข้างโรงเรียนชื่อดัง อัสสัมชัญคอนแวนต์เกิดหักลงมาเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว แผ่นเหล็กตกลงมาทับกลุ่มนักเรียนหญิงของโรงเรียนได้รับบาดเจ็บนับสิบ มีสาหัสหนึ่งคน
เรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุเพราะเหตุสุดวิสัย หรือผู้รับเหมาทำงานชุ่ย ๆ เท่านั้น แต่เป็นเพราะความปล่อยปละละเลยของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ คือ กทม.อีกแล้วครับท่าน
เพราะก่อนหน้านี้ โครงการก่อสร้างที่ว่า ทำวัสดุอุปกรณ์หล่นใส่โรงเรียนดังกล่าวแล้ว 3-4 ครั้ง ทางโรงเรียนและวัดอัสสัมชัญได้ไปแจ้งให้ทางเขตมาดูแล และเรียกฝ่ายผู้ก่อสร้างมาเจรจาแล้ว แต่ทางเขตให้ความเห็นว่า เป็นแค่เรื่องวัสดุที่ตกหล่นลงมา เป็นความเสียหายทางแพ่ง ซึ่งทางบริษัทก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว “ถ้าไม่เสียชีวิตก็คงไม่มีปัญหาอะไร”
นี่ก็โชคดีที่ยังไม่มีใครเสียชีวิต แค่ลูกสาวของครอบครัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บกะโหลกร้าวไปก็เท่านั้น
มันน่าไหมล่ะ... ข้าราชการไทย
แม้ว่าตอนนี้ท่านผู้ว่าฯ อัศวิน ขวัญเมือง ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ออกมาทำขึงขัง สั่งเด้งผู้อำนวยการเขตบางรัก สั่งทางอาคารก่อสร้างว่าห้ามตอกแม้แต่ตะปูตัวเดียว
แต่ถ้าพวกท่านกระตือรือร้นกันแบบนี้ตั้งแต่ต้น เรื่องก็คงไม่ถึงขั้นต้องมีเด็กๆ เจ็บตัวปางตายเช่นนี้
ทุกเรื่องที่เล่ามาข้างต้นนี้ มีคีย์เวิร์ดเดียวกันตรงกัน คือ การปล่อยปละละเลย การไม่ปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายราชการ แม้ว่าประชาชนจะได้ร้องเรียนร้องทุกข์แล้วก็หาได้นำพา
ไหนๆ ก็ไหนๆ มีรัฐบาล “จากการเลือกตั้ง” มีสภาผู้แทนราษฎร มีฝ่ายค้าน มีตัวแทนของประชาชนแล้ว ก็หวังว่าจะมีการกระทุ้งขันน็อตเข้มงวดกับบรรดาข้าราชการเหล่านี้ ให้ทำงานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชนกันหน่อย.