ต้นสัปดาห์นี้มีการเปิดตัวสำนักข่าวออนไลน์แห่งใหม่ แต่เป็น “หน้าเก่า” ของวงการ
คือสำนักข่าวออนไลน์ The Standard โดยทีมงานของคุณโหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ อดีตผู้ก่อตั้งนิตยสารขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง A Day และบริษัท เดย์ โพเอทส์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับดีลขายหุ้น ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วทั้งวงการนักลงทุน และวงการคนทำสื่อ
มีการลากไส้ความไม่ชอบมาพากลของ “ดีล” มูลค่า 308 ล้านบาทออกมาสาวหมดทุกขดลำไส้
จนคุณวงศ์ทนงต้องตัดสินใจ “ล้มดีล” และลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทเก่าที่ปั้นมากับมือกว่ายี่สิบปี มาตั้งตัวกันใหม่กับ บก.คู่ใจที่ร่วมก่อตั้ง A Day ด้วยกันมา
พร้อมกับ “ทิ้ง” สำนักข่าวออนไลน์ที่อยู่ใต้ปีกของบริษัทเก่าคือ The Momentum ไว้ และยกทีมงานใหม่ มาเปิดสำนักข่าวใหม่ ในชื่อ “The Standard”
โดยหวังว่าจะเป็นการสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้วงการสื่อออนไลน์
ทีมงานเดิมที่เคยทำให้ The Momentum และคอลัมนิสต์ทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ยกมาจากที่เดิมเกือบหมดเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อ “ตรวจรายชื่อ” คอลัมนิสต์ของ The Standard ก็พบว่ามีความน่าสนใจในแง่ที่สามารถรวบรวมคนดังๆ และคอลัมนิสต์ที่มีชื่อเสียงคร่ำหวอดในวงการมารวมตัวกันได้มากมายจริงๆ
แต่ปัญหาก็เกิด เมื่อมีการ “เปิดตัว” คอลัมนิสต์หน้าใหม่ แต่เป็น “คนดังระดับประเทศ” จนเรียกเสียงฮือฮาไปทั่ววงการ
นั่นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยทาง The Standard เปิดตัวคอลัมนิสต์ไว้ว่า นายอภิสิทธิ์จะมาเปิดเผย “แง่มุมอื่นๆ” ที่คนยังไม่รู้ และไม่เกี่ยวกับการเมือง คือเรื่องฟุตบอลและเพลงร็อกที่เป็นงานอดิเรกที่อดีตนายกฯ ผู้นี้ชื่นชอบ
แต่การเปิดตัวคอลัมนิสต์ระดับซูปเปอร์เซเลบนี้ ก็ “เรียกแขก” ให้แก่สำนักข่าวหน้าเก่าแต่เปิดใหม่นี้อย่างที่คาดไม่ถึง
เริ่มตั้งแต่ชาวเน็ต “ฝ่ายแดง” ที่เกลียดชังในตัวนายอภิสิทธิ์ ก็เริ่มปั้นกระแสแสดงความไม่พอใจ ที่ The Standard เอาอดีตนายกฯ ที่เขากล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารหมู่คนเสื้อแดงร่วมร้อยศพในช่วงปี 2553 มาเป็นคอลัมนิสต์
“การโจมตี” ของชาวเน็ตเสื้อแดง เริ่มจากการเข้าไปกด “ให้ดาว” หรือการรีวิวเพจ The Standard บน Facebook โดยกระหน่ำกันให้คะแนนระดับ 1 ดาว
จนดึงค่าเฉลี่ยคะแนนรีวิวของสำนักข่าวเปิดใหม่ลงจนเหลือราวๆ 2 ดาวหน่อยๆ ซึ่งถือว่าน้อย และน่าจะบั่นทอนกำลังใจและไม่เป็น “มงคลฤกษ์” เท่าไรในวันเปิดตัว
แต่ที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้น คือการที่มี “มือมืด” ฉวยโอกาสเปิดตัว “เพจข่าว” ขึ้นมาควบคู่แบบแทบจะไล่หลังกันติดๆ ด้วยชื่อเพจ The Double Standard ที่มีความหมายว่า “สองมาตรฐาน”
The Double Standard ลงมือ “จิกกัด” และล้อเลียน The Standard แทบทุกเม็ด ด้วยข่าวหรือคอลัมน์ที่หยิบเอาจากเพจต้นฉบับมาแดกดันแบบคู่ขนาน และปล่อยโพสต์ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
ซึ่งคุณภาพของ “งานเสียดสี” ที่เห็นนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา อ่านดูก็รู้เลยว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเพจนี้จะต้องเป็น “มืออาชีพ” ในวงการสื่อที่แอบอยู่ในมุมมืด และน่าจะเป็นเครือข่ายของพวก “เสื้อแดง” หรือชาว “ลิเบอรัล” ที่มีอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจ เหมือนกับพวกเพจการ์ตูนล้ออย่าง “มานีมีแชร์” หรือ “ไข่แมว” ซึ่งไม่ใช่แค่การล้อเลียนเอาขำๆ แต่เป็นการทำงานแบบมืออาชีพ มีการกะเวลา “ปล่อยของ” ออกมาประกบไล่ต้นฉบับแบบจงใจและมีกลยุทธ์
ที่น่าเจ็บปวดอย่างยิ่งสำหรับ “ตัวจริง” คือ ข่าวหรือบทความจากเพจ “ตัวปลอม” ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากชาวเน็ต ซึ่งมีทั้งที่เป็นฝ่าย “แดง” ซึ่งโจมตีเรื่องอภิสิทธิ์อยู่แล้ว และบรรดาฝ่ายคนที่ “หมั่นไส้” ในตัวคุณวงศ์ทนงและทีมงาน The Standard อยู่แล้วเป็นทุน
ยอดการกดไลค์และกดแชร์ข่าวแต่ละข่าวของ The Double Standard นั้น “มากกว่า” ข่าวต้นฉบับจาก The Standard แบบไม่เห็นฝุ่น ประมาณหลักสิบต่อหลักร้อย หลักร้อยต่อหลักพันในทุกโพสต์
ส่วนยอดการกดไลค์เพจซึ่งเป็นเหมือนกับเรตติ้งหรือมูลค่าของเพจแต่ละเพจบนระบบ Facebook นั้น The Double Standard ก็เรียกคนไปได้แล้วเกือบสองหมื่น ไล่ตัวต้นฉบับที่มียอดผู้กดไลค์อยู่ที่ราวๆ สามหมื่นแบบเกือบๆ จะทันกัน
เรียกได้ว่า ใครพูดถึง The Standard ก็ต้องพูดถึง The Double Standard คู่ขนานกันไปด้วยแบบเป็นเงาตามตัว ซึ่งคงจะทำให้ฝ่าย The Standard คงจะขำไม่ออกกันไปทั้งสำนัก กับการถูกเงาลึกลับของนักเขียนผี คอลัมนิสต์ปีศาจ ตามบี้ติดหายใจรดต้นคอขนาดนี้
ทั้งการ “ไล่กดดาวเดียว” และเปิดเพจ The Double Standard อาจจะถือว่าเป็นการ “รับน้อง” จากฝ่ายชาวเน็ต “เสื้อแดง”
แต่นอกเหนือจากนั้น The Standard ยังถูกโจมตีจากฝ่ายชาวเน็ตฝ่ายที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพวก “เสื้อแดง” ด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ก็มาจากรายชื่อของ “คอลัมนิสต์” ที่ประกาศออกมาอีกนั่นแหละ ว่า บรรดานักเขียนชื่อดังที่มาร่วมหัวจมท้ายกับ The Standard นั้น ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่เป็นคนที่มีสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายเสื้อแดง หรือชาว “ลิเบอรัล” ที่เป็นแนวร่วมกัน
เช่นนักเขียนชื่อดัง “คำ ผกา” ที่ชัดเจนในตัวตนมาเป็นเวลานานว่าเป็นสีไหน “นิ้วกลม” นักเขียนขวัญใจคนหนุ่มสาว ที่ช่วงหลังๆ มีแนวคิดไปในทางเดียวกับฝ่าย “ประชาธิปไตย” เช่นการออกมาแสดงตัวเปิดเผยจุดยืนว่าเป็น “เพื่อน” กับกลุ่ม “ไผ่ ดาวดิน” และประชาธิปไตยใหม่ “วรพจน์ พันธุ์พงศ์” นักเขียน นักสัมภาษณ์ที่ใกล้ชิดอยู่ในเครือข่ายเดียวกับนักเขียนฝั่งแดง หรือนักวิชาการอย่างอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่มีท่าทีโน้มเอียงไปในทางฝ่ายนั้น
ทำให้ฝ่าย “ไม่เอาเสื้อแดง” ก็มองว่า The Standard เป็นสื่อที่ให้พื้นที่กับ “สีแดง” ได้โลดแล่นเผยแพร่ความคิดอีกเวทีหนึ่ง
รวมถึงสกู๊ปเปิดตัวเรื่องการ “ปรองดอง” ก็ยังไปสัมภาษณ์คนในเครือข่าย นปช. หรือคนดังในหมู่ “เสื้อแดง” มาเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ
สรุปว่า ในที่สุดแล้ว สื่อออนไลน์หน้าใหม่จึงถูก “รับน้อง” และ “สั่งสอน” จากสารพัดทาง จากคนทั้งสองสีและสองฝั่ง
นี่อาจจะเป็นชะตากรรมของสื่อที่พยายามทำให้เห็นว่าตัวเองนั้น “เป็นกลาง” หรือ “ไม่เลือกข้าง” ในสถานการณ์แห่งความขัดแย้งที่ผู้คนจะต้องแยกแยะความถูกผิดให้ชัดเจน ว่าตัวเองเห็นด้วยกับ “ฝ่ายไหน” ก็ควรไปให้สุดทาง
การพยายามไปยืนแอ็กอยู่ตรงกลางด้วยท่าทีใหญ่โต มีอุดมการณ์ ประกาศตัวว่าจะเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ จึงกลายเป็นเป้าล่อก้อนอิฐก้อนหินจากทุกทิศทุกทางด้วยประการฉะนี้.
คือสำนักข่าวออนไลน์ The Standard โดยทีมงานของคุณโหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ อดีตผู้ก่อตั้งนิตยสารขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง A Day และบริษัท เดย์ โพเอทส์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับดีลขายหุ้น ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วทั้งวงการนักลงทุน และวงการคนทำสื่อ
มีการลากไส้ความไม่ชอบมาพากลของ “ดีล” มูลค่า 308 ล้านบาทออกมาสาวหมดทุกขดลำไส้
จนคุณวงศ์ทนงต้องตัดสินใจ “ล้มดีล” และลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทเก่าที่ปั้นมากับมือกว่ายี่สิบปี มาตั้งตัวกันใหม่กับ บก.คู่ใจที่ร่วมก่อตั้ง A Day ด้วยกันมา
พร้อมกับ “ทิ้ง” สำนักข่าวออนไลน์ที่อยู่ใต้ปีกของบริษัทเก่าคือ The Momentum ไว้ และยกทีมงานใหม่ มาเปิดสำนักข่าวใหม่ ในชื่อ “The Standard”
โดยหวังว่าจะเป็นการสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้วงการสื่อออนไลน์
ทีมงานเดิมที่เคยทำให้ The Momentum และคอลัมนิสต์ทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ยกมาจากที่เดิมเกือบหมดเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อ “ตรวจรายชื่อ” คอลัมนิสต์ของ The Standard ก็พบว่ามีความน่าสนใจในแง่ที่สามารถรวบรวมคนดังๆ และคอลัมนิสต์ที่มีชื่อเสียงคร่ำหวอดในวงการมารวมตัวกันได้มากมายจริงๆ
แต่ปัญหาก็เกิด เมื่อมีการ “เปิดตัว” คอลัมนิสต์หน้าใหม่ แต่เป็น “คนดังระดับประเทศ” จนเรียกเสียงฮือฮาไปทั่ววงการ
นั่นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยทาง The Standard เปิดตัวคอลัมนิสต์ไว้ว่า นายอภิสิทธิ์จะมาเปิดเผย “แง่มุมอื่นๆ” ที่คนยังไม่รู้ และไม่เกี่ยวกับการเมือง คือเรื่องฟุตบอลและเพลงร็อกที่เป็นงานอดิเรกที่อดีตนายกฯ ผู้นี้ชื่นชอบ
แต่การเปิดตัวคอลัมนิสต์ระดับซูปเปอร์เซเลบนี้ ก็ “เรียกแขก” ให้แก่สำนักข่าวหน้าเก่าแต่เปิดใหม่นี้อย่างที่คาดไม่ถึง
เริ่มตั้งแต่ชาวเน็ต “ฝ่ายแดง” ที่เกลียดชังในตัวนายอภิสิทธิ์ ก็เริ่มปั้นกระแสแสดงความไม่พอใจ ที่ The Standard เอาอดีตนายกฯ ที่เขากล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารหมู่คนเสื้อแดงร่วมร้อยศพในช่วงปี 2553 มาเป็นคอลัมนิสต์
“การโจมตี” ของชาวเน็ตเสื้อแดง เริ่มจากการเข้าไปกด “ให้ดาว” หรือการรีวิวเพจ The Standard บน Facebook โดยกระหน่ำกันให้คะแนนระดับ 1 ดาว
จนดึงค่าเฉลี่ยคะแนนรีวิวของสำนักข่าวเปิดใหม่ลงจนเหลือราวๆ 2 ดาวหน่อยๆ ซึ่งถือว่าน้อย และน่าจะบั่นทอนกำลังใจและไม่เป็น “มงคลฤกษ์” เท่าไรในวันเปิดตัว
แต่ที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้น คือการที่มี “มือมืด” ฉวยโอกาสเปิดตัว “เพจข่าว” ขึ้นมาควบคู่แบบแทบจะไล่หลังกันติดๆ ด้วยชื่อเพจ The Double Standard ที่มีความหมายว่า “สองมาตรฐาน”
The Double Standard ลงมือ “จิกกัด” และล้อเลียน The Standard แทบทุกเม็ด ด้วยข่าวหรือคอลัมน์ที่หยิบเอาจากเพจต้นฉบับมาแดกดันแบบคู่ขนาน และปล่อยโพสต์ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
ซึ่งคุณภาพของ “งานเสียดสี” ที่เห็นนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา อ่านดูก็รู้เลยว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเพจนี้จะต้องเป็น “มืออาชีพ” ในวงการสื่อที่แอบอยู่ในมุมมืด และน่าจะเป็นเครือข่ายของพวก “เสื้อแดง” หรือชาว “ลิเบอรัล” ที่มีอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจ เหมือนกับพวกเพจการ์ตูนล้ออย่าง “มานีมีแชร์” หรือ “ไข่แมว” ซึ่งไม่ใช่แค่การล้อเลียนเอาขำๆ แต่เป็นการทำงานแบบมืออาชีพ มีการกะเวลา “ปล่อยของ” ออกมาประกบไล่ต้นฉบับแบบจงใจและมีกลยุทธ์
ที่น่าเจ็บปวดอย่างยิ่งสำหรับ “ตัวจริง” คือ ข่าวหรือบทความจากเพจ “ตัวปลอม” ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากชาวเน็ต ซึ่งมีทั้งที่เป็นฝ่าย “แดง” ซึ่งโจมตีเรื่องอภิสิทธิ์อยู่แล้ว และบรรดาฝ่ายคนที่ “หมั่นไส้” ในตัวคุณวงศ์ทนงและทีมงาน The Standard อยู่แล้วเป็นทุน
ยอดการกดไลค์และกดแชร์ข่าวแต่ละข่าวของ The Double Standard นั้น “มากกว่า” ข่าวต้นฉบับจาก The Standard แบบไม่เห็นฝุ่น ประมาณหลักสิบต่อหลักร้อย หลักร้อยต่อหลักพันในทุกโพสต์
ส่วนยอดการกดไลค์เพจซึ่งเป็นเหมือนกับเรตติ้งหรือมูลค่าของเพจแต่ละเพจบนระบบ Facebook นั้น The Double Standard ก็เรียกคนไปได้แล้วเกือบสองหมื่น ไล่ตัวต้นฉบับที่มียอดผู้กดไลค์อยู่ที่ราวๆ สามหมื่นแบบเกือบๆ จะทันกัน
เรียกได้ว่า ใครพูดถึง The Standard ก็ต้องพูดถึง The Double Standard คู่ขนานกันไปด้วยแบบเป็นเงาตามตัว ซึ่งคงจะทำให้ฝ่าย The Standard คงจะขำไม่ออกกันไปทั้งสำนัก กับการถูกเงาลึกลับของนักเขียนผี คอลัมนิสต์ปีศาจ ตามบี้ติดหายใจรดต้นคอขนาดนี้
ทั้งการ “ไล่กดดาวเดียว” และเปิดเพจ The Double Standard อาจจะถือว่าเป็นการ “รับน้อง” จากฝ่ายชาวเน็ต “เสื้อแดง”
แต่นอกเหนือจากนั้น The Standard ยังถูกโจมตีจากฝ่ายชาวเน็ตฝ่ายที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพวก “เสื้อแดง” ด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ก็มาจากรายชื่อของ “คอลัมนิสต์” ที่ประกาศออกมาอีกนั่นแหละ ว่า บรรดานักเขียนชื่อดังที่มาร่วมหัวจมท้ายกับ The Standard นั้น ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่เป็นคนที่มีสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายเสื้อแดง หรือชาว “ลิเบอรัล” ที่เป็นแนวร่วมกัน
เช่นนักเขียนชื่อดัง “คำ ผกา” ที่ชัดเจนในตัวตนมาเป็นเวลานานว่าเป็นสีไหน “นิ้วกลม” นักเขียนขวัญใจคนหนุ่มสาว ที่ช่วงหลังๆ มีแนวคิดไปในทางเดียวกับฝ่าย “ประชาธิปไตย” เช่นการออกมาแสดงตัวเปิดเผยจุดยืนว่าเป็น “เพื่อน” กับกลุ่ม “ไผ่ ดาวดิน” และประชาธิปไตยใหม่ “วรพจน์ พันธุ์พงศ์” นักเขียน นักสัมภาษณ์ที่ใกล้ชิดอยู่ในเครือข่ายเดียวกับนักเขียนฝั่งแดง หรือนักวิชาการอย่างอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่มีท่าทีโน้มเอียงไปในทางฝ่ายนั้น
ทำให้ฝ่าย “ไม่เอาเสื้อแดง” ก็มองว่า The Standard เป็นสื่อที่ให้พื้นที่กับ “สีแดง” ได้โลดแล่นเผยแพร่ความคิดอีกเวทีหนึ่ง
รวมถึงสกู๊ปเปิดตัวเรื่องการ “ปรองดอง” ก็ยังไปสัมภาษณ์คนในเครือข่าย นปช. หรือคนดังในหมู่ “เสื้อแดง” มาเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ
สรุปว่า ในที่สุดแล้ว สื่อออนไลน์หน้าใหม่จึงถูก “รับน้อง” และ “สั่งสอน” จากสารพัดทาง จากคนทั้งสองสีและสองฝั่ง
นี่อาจจะเป็นชะตากรรมของสื่อที่พยายามทำให้เห็นว่าตัวเองนั้น “เป็นกลาง” หรือ “ไม่เลือกข้าง” ในสถานการณ์แห่งความขัดแย้งที่ผู้คนจะต้องแยกแยะความถูกผิดให้ชัดเจน ว่าตัวเองเห็นด้วยกับ “ฝ่ายไหน” ก็ควรไปให้สุดทาง
การพยายามไปยืนแอ็กอยู่ตรงกลางด้วยท่าทีใหญ่โต มีอุดมการณ์ ประกาศตัวว่าจะเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ จึงกลายเป็นเป้าล่อก้อนอิฐก้อนหินจากทุกทิศทุกทางด้วยประการฉะนี้.