ข่าวปนคน คนปนข่าว
เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ “จิตวิทยาขั้นเทพ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถล่มทลายเพียงชั่วข้ามคืน .. กับการที่“3 สาวมือหั่นศพ”ได้รับ “สิทธิผู้ต้องหา” และการปรนนิบัติพัดวี “เป็นพิเศษ” เกินหน้าเกินตาเพื่อนผู้ต้องหาหลายๆ คดีอุกฉกรรจ์ แถมพี่ตำรวจยังชักภาพลั้ลลาเป็นที่ระลึกกับ“เซเลบฯโลกออนไลน์”ก่อนหลุดออกมาว่อนโซเชียล จนถูกตั้งชื่อภาพว่า “เมื่อแก๊งหั่นศพปะทะแก๊งหูดำ”..ก็เห็นอ้างว่า เป็นปฏิบัติการจิตวิทยา ทำให้ผู้ต้องหาผ่อนคลาย แต่กับ “ผู้ต้องหาชาย” ที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นจะมีภาพแบบนี้ออกมา .. ที่วิพากษ์รุนแรงไม่แพ้กัน ก็การห้อยโหนกระแสของเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่หัวถึงปลายแถว มีนายตำรวจระดับ ผู้บัญชาการ สตม. บินตรงไปรับกลุ่มผู้ต้องหาถึง จ.เชียงราย ก่อนนำขึ้นเครื่องมา “เข้าฉาก” ร่วมกับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก่อนจะต่อเครื่องไปฝากขังที่ จ.ขอนแก่น พื้นที่ก่อเหตุ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องไปเสียเวลาที่ กทม. ให้เมื่อยตุ้มเลย
ไม่เท่านั้นใน “บันทึกการจับกุม” ที่ปรากฏชื่อนายตำรวจใหญ่น้อยร่วมร้อยชีวิต ถูกเปรียบเจ็บแสบว่า ลักษณะไม่ต่างจาก “ผ้าป่าสามัคคี” ก็กลายเป็นประเด็นทำให้ สตช. ถูกวิพากษ์วิจารณ์เละเทะ จนสมญานาม“สำนักงานตลกแห่งชาติ”ที่เคยได้รับเมื่อครั้ง “บิ๊กนครบาล” มาสอนเด็กช่างทำ“ท่าซารางเฮโย”ออกสื่อตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง .. ก็มันน่าตลกจริงๆ ที่ตำรวจร่วมร้อยชีวิต มาลงชื่อเอาหน้าว่ามีส่วนในการจับกุม “อีเปรี้ยวแอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีสมาชิกอยู่แค่ 3 สาว ซ้ำร้ายไม่ได้เป็นการฝีมือไล่ล่าจับกุมที่ควรจะเป็นผลงานเอาหน้าเอาตาอะไรเลย ก็ “แก๊งอีเปรี้ยว” ซมซานไปมอบตัวกับตำรวจพม่า ก่อนที่จะส่งตัวมาให้ตำรวจไทยตามกระบวนการ โดยที่ตำรวจไทยไม่ได้โชว์ฟอร์มอะไรให้น่าเยินยอเลย ..
พอเรื่องราวทำท่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่ สตช. โดย พล.ต.อ.กวี สภานันท์ ที่ปรึกษา (สบ 10) ถึงกับต้องมีคำสั่งกำชับให้ตำรวจทุกนาย ห้ามถ่ายภาพ - ห้ามโพสต์อะไรเกี่ยวกับ “แก๊งอีเปรี้ยว” อีก .. แต่ก็คงไม่ทันกิน เสียงเรียกร้อง“ปฏิรูปตำรวจ”กระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงคลี่คลายคดีได้ในสัปดาห์เดียวของ สภ.เขาสวนกวาง แท้ๆ ดันมีพฤติกรรมของพี่ๆ ตำรวจ (บางคน) มาเอาล่อเอาเถิด ฆ่าตัวตายทางอ้อมชัดๆ แบบนี้ปฏิรูปคงไม่ไหว เซตซีโร่ ไปเลยดีกว่ามั้ง
ข่าว “3 สาวมือหั่นศพ” ทำข่าวอื่นจืดไป ข่าวการเมืองที่ว่าแน่ๆ ยังต้องหลบหมด กลบข่าวเศรษฐกิจแย่ ระเบิดตูมตาม ทหารขนระเบิดไปขาย เสียสนิท .. 4 คำถาม“นายกฯ ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หายไปกับสายลม ภาวการณ์ช่างถูกใจ “ผู้มีอำนาจ” ยิ่งนัก เวลามีข่าวประเภทอื่นๆ มาชิง “พื้นที่สื่อ” แบบนี้ .. ที่ยังเอะอะมะเทิ่งอยู่ คงเป็นปมที่ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เคาะมติให้แก้ไขบทเฉพาะกาล มาตรา 70 โดยกำหนดให้ “กกต. ชุดปัจจุบัน” พ้นวาระ เมื่อประกาศใช้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว .. เป็นการ “เซตซีโร่ กกต.” อย่างที่คาดกันไว้ก่อนหน้านี้ ทำเอา สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. คนดัง ที่แม้ตัวเองจะลูกผีลูกคน คุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องหมดสภาพค่อนข้างชัวร์อยู่แล้ว แต่ก็อดปรึ๊ดแตก แทน “กกต. คุณสมบัติครบ” ไม่ได้ ในอารมณ์โดนหักหลังเล็กๆ ทั้งที่ กกต. ชุดนี้ก็มีคุณูปการ ปูพรมให้ คสช. เข้ายึดอำนาจไม่แพ้ กปปส. ของ “ลุงกำนัน” เหมือนกัน
การจะโละ จะปลด กกต. อาจจะฟังขึ้นว่า เมื่อมีกติกาใหม่ ก็สมควรให้มีการสรรหาใหม่ หรือที่ผ่านมาก็มีคนยุให้ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ หรือคำสั่งมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. โละบรรดาองค์กร หรือหน่วยงานที่เป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญเก่าให้สิ้นซาก อย่าง กกต. นั้นเปลี่ยนไปอื้อ ทั้งอำนาจ คุณสมบัติ จำนวนที่เพิ่มเป็น 7 คน แต่ คสช. ก็ไม่ยักจะลงดาบตามแรงยุ พอกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กลับมีการอ้างว่าต้องปฏิรูป กกต. ใหม่ แล้วก็ไม่อยากให้เกิดปัญหาการทำงานแบบ “ปลาสองน้ำ” ว่าเข้าไปนู้น .. จนมีเสียงซุบซิบนินทา คสช. ว่า ตั้งธงให้ สนช. มาบั่นหัว กกต. ชุดเก่าทิ้งเสีย แล้วใช้ห้วงเวลาในการสรรหา กกต. ชุดใหม่ ที่ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เป็นหมากหนึ่งในการยืดอายุรัฐบาลทหาร ทอดเวลาจัดเลือกตั้งไปพลางๆ
ช่วงนี้สถานการณ์ “สื่อ” ค่อนข้างย่ำแย่ หลายสำนักทานกระแสไม่ไหว ก็ต้องปิดตัวลง .. สื่อหลัก - สื่อรอง - สื่อออนไลน์ ก็ยังถูกวิจารณ์จากโลกโซเชียลฯในหลายกรณี อย่าง “คดีอีเปรี้ยว” ก็โดนด่าไม่แพ้ “พี่ตำรวจ” เหมือนกัน หาว่าไปให้ความสำคัญกับคดีนี้จนทำให้“ฆาตกร”กลายเป็น “ซุปตาร์”ไปซะนี่ .. แต่คนที่วิจารณ์ ก็อาจจะหลงลืมสำรวจพฤติกรรมเสพสื่อของตัวเอง .. อะๆ สื่อหลัก - สื่อรอง สื่อที่มีอยู่ตอนนี้มันแย่ ก็ต้องนี่เลย THE STANDARD สำนักข่าวออนไลน์แห่งใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวานนี้ ภายใต้การบริหารงานของขวัญใจเด็กแนว “โหน่ง” วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ แห่ง อะเดย์ ร่วมกับ “นายทุนใหม่” อย่าง วินิจ เลิศรัตนชัย - ศุภฤกษ์ โรจน์วงศ์สุริยะ รายแรกคุ้นชื่อกันดีในวงการบันเทิง รายหลังก็เจ้าของน้ำตาลวังขนาย .. แม้จะวางโพซิชั่นของ THE STANDARD ให้เป็น “สื่อทางเลือกใหม่” แต่ด้วยเงาของ “เสี่ยวินิจ” ผู้ที่ทำให้ “เฟรชแอร์” บริษัทของตัวเองเติบโตเป็นบริษัทอีเวนต์ ชั้นนำในเวลาไม่กี่ปี ด้วย “คอนเนกชันทางการเมือง” ที่รู้กันในวงการว่า “เสี่ยวินิจ” ซี้กับ “เสี่ยเป็ด” เนวิน ชิดชอบ เจ้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขนาดไหน จนถูกเพ่งเล็งว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือของ “ค่ายเนวิน” หลุดความเป็นสื่อไม่มีสี ไม่เลือกข้าง ที่ประกาศไว้แล้วกลายเป็น “สื่อสีน้ำเงิน” ในไม่ช้า
ยังไม่ทันไรก็ดรามาเสียแล้ว เมื่อมีเสียงฮือฮาว่า“จารย์มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ มารับเป็น“คอลัมนิสต์ พาร์ตไทม์” ให้ THE STANDARD โดยจะเขียนแนวไลฟ์สไตล์ กีฬาฟุตบอล และดนตรี ซึ่งก็คงไม่ถูกจริตกับ “แฟนคลับหัวก้าวหน้า” ที่ออกมารื้อฟื้นฉายา “มาร์ค ร้อยศพ”กันยกใหญ่ จนเห็นว่าทางกอง บก. ต้องสั่งเบรก “คอลัมน์จารย์มาร์ค” ไปก่อน .. ตามติดมาด้วยสกู๊ปในวันเปิดหัว ที่ลากไส้ “ตระกูลการเมืองไทย” ยาวเหยียด เฮโลมาทั้ง ชินวัตร - เทียนทอง - คุณปลื้ม - ศิลปอาชา จนถูกตั้งข้อสังเกตใช้ “มาตรฐานเอียงกะเท่เร่” ไม่มีการเอ่ยถึงตระกูลการเมืองในอีกขั้ว แถมไม่แตะต้องผู้มีอำนาจยุคปัจจุบันอย่าง “รัฐบาลทหาร” แบบนี้มัน “อยู่เป็น” นี่หว่า.
ช.ชฎา