ในช่วงเวลาอันโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศไทย ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กว่าสองสัปดาห์แล้ว ประชาชนจำนวนมากสวมชุดดำไปถวายบังคมพระบรมศพกันเนืองแน่น
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันแรกของการอนุญาตให้ประชาชนบุคคลทั่วไปได้มีโอกาสเข้าไปกราบถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยิ่งเดินทางหลั่งไหลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันหยุด
การจะเข้าไปกราบพระบรมศพนั้นมีขั้นตอนอย่างไร แต่งตัวให้เหมาะสมสุภาพถูกกาลเทศะอย่างไรทุกคนน่าจะพอทราบข้อมูลกันแล้วผ่านทางสื่อต่างๆ ไหนๆ ก็พูดเกริ่นเรื่องการแต่งกายแล้ว สำหรับท่านที่ไม่ใส่ชุดดำหรือสวมสีอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรเข้าไปในพื้นที่ท้องสนามหลวง เพราะอาจมีการเข้าใจผิดหรือเป็นการยั่วยุให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีสาวสวมชุดแดงเดินเข้าไปบริเวณสนามหลวง เกือบจะมีเรื่องกับประชาชนที่แต่งชุดดำที่นั่น
นักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่ไปทำงานจิตอาสาบริการแจกน้ำ แจกอาหาร แจกพัด ยาหม่องยาดม และช่วยกันเก็บขยะ เป็นภาพดีงามน่าประทับใจ แต่ขยะจำนวนมากที่เก็บกันไม่หวาดไหว เป็นภาพด้านลบ จากข้อมูลตอนนี้ขยะที่สนามหลวงเยอะถึง 70 ตันต่อวันเลยทีเดียว
สภาวการณ์แบบนี้ไม่ใช่เกิดในวันสองวัน แต่ยังจะดำรงอยู่ต่อเนื่องเป็นเดือนเป็นปี หากไม่บริหารจัดการให้ดี ไม่หาทางแก้ไขให้เหมาะสม จะเกิดปัญหาขยะล้นเกิน ทำความสะอาดบริเวณสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวังไม่ทัน เป็นเรื่องไม่สมควรแน่
คนเยอะ ขยะก็เยอะตาม การทำอาหาร แจกน้ำ ยาอม ยาดม เพื่อบริการดูแลประชาชนจำนวนมาก ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด มาจากที่ไกลๆ คนแจกย่อมได้รับความสุขจากการแบ่งปัน ทำบุญให้ทาน ผู้รับก็มีความสุขได้อิ่มท้องหายหิวสะดวกไม่ต้องลำบากไปซื้อหา
แต่คงดีกว่านี้มาก ถ้าทุกคนคิดพึ่งตนเอง เตรียมอาหารน้ำดื่มติดตัวมาเอง เตรียมถุงมาเก็บเศษขยะของตัวเองกลับไปทิ้งที่บ้านหรือถังขยะนอกเมือง ก็จะเป็นการลดภาระของส่วนรวมไปได้มาก
ในขณะเดียวกันคนที่นำอาหารน้ำหรือข้าวของอื่นๆ ไปแจก ถ้าเป็นไปได้ก็ควรใส่ในห่อบรรจุภาชนะที่ทำจากธรรมชาติ เช่น ห่อใบตอง ใส่ในกระทงใบตอง หรือกล่องที่ทำจากธรรมชาติ จานชามกระดาษก็ช่วยได้ และควรกะปริมาณอาหารที่นำไปแจกพอประมาณพออิ่ม ไม่ควรให้เกิดการเหลือทิ้งมากมาย การทำบุญทำทานเอื้อเฟื้อแจกจ่ายเป็นเรื่องดี แต่การสร้างขยะที่ไม่ย่อยสลายปริมาณมากๆ ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เรื่องดีต่อส่วนรวมแน่
สำหรับประชาชนที่ได้รับแจก ก็ควรรับพออิ่มพอกินพอใช้ ไม่ใช่เดินไปรับของแจกทุกเต๊นท์ซะจนกินไม่หมด กินทิ้งกินขว้าง จนเสียของ ก็ไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ฐานคิดแบบพอเพียงเลย ยิ่งกว่านั้นการรับของแจกจากทุกเต๊นท์เพื่อกักตุนเอากลับบ้านหรือเอาไปขาย แสดงความ เห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว ไม่ละอาย แบบนี้ก็ไม่ไหว
ผมชักจะคิดว่า คนไทยห่างไกลจากการคิดพึ่งตนเอง จัดการกับตนเองโดยไม่ผลักภาระให้ส่วนรวมที่จริงนี่เป็นจิตสำนึกสำคัญ หรือจะเพราะคนไทยเคยชินกับการรับแจก การได้ของฟรี การได้รับอะไรง่ายๆ ไม่ต้องลงเรี่ยวลงแรง จึงไม่เห็นคุณค่า ที่ผ่านมา รัฐบาลก็แจก นักการเมืองก็แจก การแจกได้สร้างนิสัยเคยตัวให้คนไทยไปแล้ว การแจกปลาให้ชาวบ้านย่อมต่างจากการให้เครื่องมือหาปลาแก่ชาวบ้านแน่นอน
พี่น้องจิตอาสามากมายที่เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือแต่ละจุด ผมเคารพในน้ำใจทุกๆคนครับ แต่ก็มีคนแฝงตัวเข้ามาเพื่อหากินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการส่งข้อความในโลกโซเชียลว่า มอเตอร์ไซค์ที่เป็นอาสาสมัคร ติดป้ายรับส่งฟรี แต่เมื่อไปส่งถึงที่หมายกลับมีการขอให้ผู้โดยสารช่วยเหลือเรื่องค่าน้ำมัน ซึ่งไม่ควร
ผมว่าความซื่อตรงเป็นเรื่องสำคัญ บอกว่าฟรีก็ต้องฟรี ถ้าเป็นประเภทรับจ้างก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่ารับจ้าง น่าเห็นใจชาวบ้านที่มาจากต่างจังหวัด หรือคนที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เผลอๆอาศัยรถไฟฟรีเข้ามาในกทม. ต่อรถฟรีหลายต่อกว่าจะมาถึงสนามหลวงได้
การใช้เสียงบริเวณท้องสนามหลวง การเรียกคนให้มารับของแจกด้วยเสียงตะโกน หรือใช้เสียงดังโหวกเหวกราวกับตลาดนัด ไม่ใช่เรื่องดีนัก บริเวณนี้เป็นเขตพระราชวังกำลังมีพระราชพิธี ควรสำรวมการใช้เสียง
พูดมาถึงตรงนี้แล้วสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะขอแนะนำคือคนที่จะไปกราบถวายบังคมในพระบรมมหาราชวัง ควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไป ศึกษาเส้นทางการรเดินทางให้ดีครับ เลี่ยงการนำรถส่วนตัวไปเข้าไป คนแก่ผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว อย่าลืมพกยาจำเป็นติดตัวไปด้วย ส่วนน้องๆเด็กเล็กๆ คุณพ่อคุณแม่ควรติดป้ายชื่อ เบอร์โทรคุณพ่อคุณแม่ไว้ที่ตัวน้องๆครับ เพื่อป้องกันการพลัดหลง
ผมเชื่อว่าทุกคนอยากไปกราบถวายบังคมพระบรมศพ อยากมีส่วนร่วม อยากช่วยเหลือผู้อื่น ยามนี้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ความพอเพียงสำคัญ ต้องปฏิบัติจริง สำนึกดีต่อส่วนรวมต้องช่วยกันสร้างครับ
