สำหรับคนไทยผู้จงรักภักดีทั้งแผ่นดิน คงจะรู้สึกว่าช่วงเวลาสองสัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน นับแต่การเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระองค์ผู้เป็นพ่อของแผ่นดิน
ในช่วงเวลานับแต่วันที่ 15 ตุลาคมจนถึงตอนนี้ ทางสำนักพระราชวังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
และการกราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทก็จะเริ่มอนุญาตเปิดโอกาสสำหรับประชาชนทั่วไปในวันที่ 29 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป
การแต่งกายเพื่อเข้าถวายบังคมพระบรมศพก็จะต้องเป็นไปอย่างเคร่งครัดตามแบบที่สำนักพระราชวังกำหนดไว้ รายละเอียดมีว่าอย่างไรสำหรับพสกนิกรหญิงและชายก็สามารถติดตามหาอ่านศึกษากันได้ไม่ยากนัก
อย่างไรก็ดี มีเรื่องที่พึงจะต้องกล่าวถึงสักหน่อย จากภาพที่เห็นและจากรายงานที่มีผู้รายงานกันผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กในช่วงนี้ ซึ่งสมควรที่จะต้องกล่าวถึงหรือชี้ให้เห็นกันบ้าง
เพื่อให้เกิดภาพที่น่าดู มีบรรยากาศที่เหมาะสม แก่การถวายความอาลัยอย่างสมพระเกียรติแก่พ่อของแผ่นดินที่จะดำเนินต่อไปตลอดช่วงเวลาแห่งการถวายสักการะ และถวายบังคมพระบรมศพที่จะเริ่มมีขึ้นถัดจากสัปดาห์นี้
เหตุเพราะในช่วงที่ผ่านมา หลังจากช่วงวันแรกๆ ที่ประชาชนผู้จงรักภักดีต่างร่วมเดินทางไปเพื่อหวังถวายสักการะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็พบว่าหลังจากนั้น นอกเหนือจากภาพของการแสดงความเศร้าโศกเสียใจหรือแสดงความอาลัยแล้ว ก็ยังมีภาพและเรื่องราวที่อาจจะไม่ค่อยงามตาแทรกซ้อนแปลกปลอมเข้ามา จนกระทั่งมีการท้วงติงกันอย่างหนาหู ทั้งที่ผู้ผ่านไปเห็นเอง หรือรายงานกันตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก
เชื่อแน่ว่าทุกคนที่ไปต่อแถวกันที่พระบรมมหาราชวังจรดท้องสนามหลวงนี้ ล้วนแต่เป็นผู้จงรักภักดีและมีความประสงค์จะไปแสดงความอาลัยต่อพ่อของแผ่นดินทั้งสิ้น เจตนาดีอันนี้ไม่มีใครเถียงหรือตั้งข้อกังขา
แต่ “การแสดงออก” ของบางคนนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องติติงกันจริงๆ เพราะเป็นภาพที่ไม่น่าดูหรือไม่เหมาะควรเอาเสียเลย
เช่นภาพปรากฏออกมาว่าหลายคนที่ไปร่วมงานนั้น ถ่ายภาพแนว “เซลฟี่” กันออกมาอย่างจงใจ คล้ายว่าเมื่อมาถวายความอาลัยแล้ว ก็ขอเช็กอินให้เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมได้รู้ได้เห็นกันเสียหน่อยว่า นี่ฉันมาแล้วนะ
ถ้าเซลฟี่กันพอได้รู้ได้เห็น ถ่ายแต่ตัวของผู้นั้นเองภาพสองภาพ ก็คงไม่เป็นไรเท่าไร แต่ก็ปรากฏว่ามีบางรายเอาพระบรมฉายาลักษณ์มาใช้เป็นเหมือน “อุปกรณ์” ประกอบฉากด้วย เช่น เอาพระบรมฉายาลักษณ์วางไว้บนพื้นถนนแล้วถ่ายภาพตัวเองก้มลงกราบ ซึ่งภาพออกมาในสายตาคนอื่นก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไร
หรือล่าสุดที่มีการแชร์กัน ก็ปรากฏว่ามีการเล่นแต่งตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เป็นแบทแมนและซูเปอร์แมนใส่ชุดดำ มาถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวังกันแล้ว ซึ่งอันหลังนี้ออกจะดู “สนุก” ไปกันใหญ่
ก็ยังคงเชื่ออย่างที่กล่าวไปแหละครับว่า ทุกคนที่ไปนั้นมีใจจะไปถวายสักการะแสดงความอาลัยกันทั้งสิ้น ไม่มีเจตนาแฝงเป็นอื่นหรือจงใจจะลบหลู่ดูหมิ่นอะไร
แต่อาจจะเพราะความคึกคะนองหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง หรืออาจจะเป็นนิสัยของผู้คนในยุคโซเชียลบ้าง ที่ทำอะไรจะต้องแชร์ให้เพื่อนรู้ จะถ่ายจะแชร์รูปแนวเดิมๆ ก็กลัวจะซ้ำไปหมด ก็เลยอาจจะต้องมีการพลิกแพลง จัดฉาก หามุมอะไรให้ภาพของตัวเองออกมาแปลกตาไปบ้าง ซึ่งก็เลยเผลอทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูไม่เหมาะสมเมื่อย้อนไปพิจารณาถึงกาลเทศะว่านี่คือการไปร่วมพิธีใดงานใด
นอกจากนี้ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ถือโอกาสว่ามีผู้มาแสดงความอาลัยกันมาก ก็ถือโอกาสเอาของที่ระลึกหรือสิ่งของต่างๆ นานามาเดินเร่ขาย อันนี้ก็อาจจะมองว่าเป็นการทำมาหากินที่สุจริตไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ออกจะเลยเถิดไปหน่อย หากคิดว่าผู้คนที่มากันล้นหลามที่มองเห็นเป็น “กลุ่มลูกค้า” นั้นเขามีเจตนาดั้งเดิมเพื่อแสดงความอาลัยและจงรักภักดี ไม่ใช่การมาเดินเที่ยวเล่นจะได้ต้องซื้ออะไรไปเป็นของที่ระลึก
หรือที่มีข่าวฮือฮาไปจนรัฐบาลต้องออกมาติติงกัน ก็ด้วยมีกลุ่มนักศึกษาหนุ่มสาวไปจัดกิจกรรม “กอดฟรี” ซึ่งเป็นแนวคิดแบบฝรั่ง ที่ออกจะผิดรูปแบบธรรมเนียมของงานที่จะต้องคงความศักดิ์สิทธิ์และต้องสำรวม
จึงต้องขอย้ำเตือนกันตรงนี้นิดหนึ่งว่า นี่คืองานพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ ที่จัดในเขตพระราชฐาน ดังนั้น ก็มีกาลเทศะที่จะต้องรักษาไว้ให้เหมาะสมด้วย
นอกจากนี้อีกเรื่องที่เริ่มมีการติติงกัน ก็ได้แก่เรื่องการรับของแจกทั้งหลายในงาน เนื่องจากมีจิตอาสามากมายไปแจกข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม หรือสิ่งของจำเป็น เช่น ยาอม ยาดม ยาหม่อง ซึ่งการนี้ก็มีคนบางกลุ่มถือโอกาสคล้ายว่ามีของแจกฟรี ก็ต้องไปรับไว้กักตุน ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ใช้เองหรือเอาไปขายต่อ แต่ก็หอบกันไปเป็นถุงใหญ่เกินกว่าการใช้สอยอย่างธรรมดา และน่าจะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของผู้นำไปแจกจ่าย
หรือบ้างก็ไปเวียนกันรับแจกอาหาร แต่ก็รับไปชิมแค่ครึ่งกล่องหรือบางทีก็คำสองคำก็ทิ้งแล้วเวียนไปรับกล่องใหม่ห่อใหม่ ซึ่งนอกจากเป็นการสิ้นปลืองทรัพยากรโดยไม่สมควรและเป็นการสร้างขยะที่รวมๆ กันก็วันละหลายสิบตันแล้ว ยังเป็นการไม่เคารพเกรงใจต่อความเอื้อเฟื้อหรือจิตอาสาของผู้ที่นำอาหารดังกล่าวมาแจกจ่าย ทั้งอาหารหรือข้าวของหลายรายการก็เป็นของพระราชทานหรือของประทานจากเจ้านายหลายพระองค์ที่ทรงมีพระกรุณาต่อประชาชนผู้มาร่วมสักการะพระบรมศพด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ประพฤติไม่เหมาะไม่ควรแก่กาลเทศะในการร่วมงานนี้ก็เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้น แต่ถึงเป็นคนส่วนน้อยแต่มีภาพปรากฏออกมาตามสื่อตามโซเชียลมีเดีย ก็เป็นภาพที่ไม่น่าดูที่ทำให้ภาพใหญ่กว่าของพสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดีที่ตั้งใจไปสักการะหรือถวายความอาลัยด้วยความตั้งใจนั้น ต้องมีตำหนิไปด้วย
จึงอาจจะต้องมีการตักเตือนกันอย่างจริงจังโดยทางภาครัฐ หรือไม่ก็ประชาชนกันเองนี่แหละที่จะต้องคอยบอกคอยเตือนกันเพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาอย่างเรียบร้อยสวยงามสมพระเกียรติต่อไป.
ในช่วงเวลานับแต่วันที่ 15 ตุลาคมจนถึงตอนนี้ ทางสำนักพระราชวังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
และการกราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทก็จะเริ่มอนุญาตเปิดโอกาสสำหรับประชาชนทั่วไปในวันที่ 29 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป
การแต่งกายเพื่อเข้าถวายบังคมพระบรมศพก็จะต้องเป็นไปอย่างเคร่งครัดตามแบบที่สำนักพระราชวังกำหนดไว้ รายละเอียดมีว่าอย่างไรสำหรับพสกนิกรหญิงและชายก็สามารถติดตามหาอ่านศึกษากันได้ไม่ยากนัก
อย่างไรก็ดี มีเรื่องที่พึงจะต้องกล่าวถึงสักหน่อย จากภาพที่เห็นและจากรายงานที่มีผู้รายงานกันผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กในช่วงนี้ ซึ่งสมควรที่จะต้องกล่าวถึงหรือชี้ให้เห็นกันบ้าง
เพื่อให้เกิดภาพที่น่าดู มีบรรยากาศที่เหมาะสม แก่การถวายความอาลัยอย่างสมพระเกียรติแก่พ่อของแผ่นดินที่จะดำเนินต่อไปตลอดช่วงเวลาแห่งการถวายสักการะ และถวายบังคมพระบรมศพที่จะเริ่มมีขึ้นถัดจากสัปดาห์นี้
เหตุเพราะในช่วงที่ผ่านมา หลังจากช่วงวันแรกๆ ที่ประชาชนผู้จงรักภักดีต่างร่วมเดินทางไปเพื่อหวังถวายสักการะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็พบว่าหลังจากนั้น นอกเหนือจากภาพของการแสดงความเศร้าโศกเสียใจหรือแสดงความอาลัยแล้ว ก็ยังมีภาพและเรื่องราวที่อาจจะไม่ค่อยงามตาแทรกซ้อนแปลกปลอมเข้ามา จนกระทั่งมีการท้วงติงกันอย่างหนาหู ทั้งที่ผู้ผ่านไปเห็นเอง หรือรายงานกันตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก
เชื่อแน่ว่าทุกคนที่ไปต่อแถวกันที่พระบรมมหาราชวังจรดท้องสนามหลวงนี้ ล้วนแต่เป็นผู้จงรักภักดีและมีความประสงค์จะไปแสดงความอาลัยต่อพ่อของแผ่นดินทั้งสิ้น เจตนาดีอันนี้ไม่มีใครเถียงหรือตั้งข้อกังขา
แต่ “การแสดงออก” ของบางคนนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องติติงกันจริงๆ เพราะเป็นภาพที่ไม่น่าดูหรือไม่เหมาะควรเอาเสียเลย
เช่นภาพปรากฏออกมาว่าหลายคนที่ไปร่วมงานนั้น ถ่ายภาพแนว “เซลฟี่” กันออกมาอย่างจงใจ คล้ายว่าเมื่อมาถวายความอาลัยแล้ว ก็ขอเช็กอินให้เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมได้รู้ได้เห็นกันเสียหน่อยว่า นี่ฉันมาแล้วนะ
ถ้าเซลฟี่กันพอได้รู้ได้เห็น ถ่ายแต่ตัวของผู้นั้นเองภาพสองภาพ ก็คงไม่เป็นไรเท่าไร แต่ก็ปรากฏว่ามีบางรายเอาพระบรมฉายาลักษณ์มาใช้เป็นเหมือน “อุปกรณ์” ประกอบฉากด้วย เช่น เอาพระบรมฉายาลักษณ์วางไว้บนพื้นถนนแล้วถ่ายภาพตัวเองก้มลงกราบ ซึ่งภาพออกมาในสายตาคนอื่นก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไร
หรือล่าสุดที่มีการแชร์กัน ก็ปรากฏว่ามีการเล่นแต่งตัวเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เป็นแบทแมนและซูเปอร์แมนใส่ชุดดำ มาถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวังกันแล้ว ซึ่งอันหลังนี้ออกจะดู “สนุก” ไปกันใหญ่
ก็ยังคงเชื่ออย่างที่กล่าวไปแหละครับว่า ทุกคนที่ไปนั้นมีใจจะไปถวายสักการะแสดงความอาลัยกันทั้งสิ้น ไม่มีเจตนาแฝงเป็นอื่นหรือจงใจจะลบหลู่ดูหมิ่นอะไร
แต่อาจจะเพราะความคึกคะนองหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง หรืออาจจะเป็นนิสัยของผู้คนในยุคโซเชียลบ้าง ที่ทำอะไรจะต้องแชร์ให้เพื่อนรู้ จะถ่ายจะแชร์รูปแนวเดิมๆ ก็กลัวจะซ้ำไปหมด ก็เลยอาจจะต้องมีการพลิกแพลง จัดฉาก หามุมอะไรให้ภาพของตัวเองออกมาแปลกตาไปบ้าง ซึ่งก็เลยเผลอทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูไม่เหมาะสมเมื่อย้อนไปพิจารณาถึงกาลเทศะว่านี่คือการไปร่วมพิธีใดงานใด
นอกจากนี้ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ถือโอกาสว่ามีผู้มาแสดงความอาลัยกันมาก ก็ถือโอกาสเอาของที่ระลึกหรือสิ่งของต่างๆ นานามาเดินเร่ขาย อันนี้ก็อาจจะมองว่าเป็นการทำมาหากินที่สุจริตไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ออกจะเลยเถิดไปหน่อย หากคิดว่าผู้คนที่มากันล้นหลามที่มองเห็นเป็น “กลุ่มลูกค้า” นั้นเขามีเจตนาดั้งเดิมเพื่อแสดงความอาลัยและจงรักภักดี ไม่ใช่การมาเดินเที่ยวเล่นจะได้ต้องซื้ออะไรไปเป็นของที่ระลึก
หรือที่มีข่าวฮือฮาไปจนรัฐบาลต้องออกมาติติงกัน ก็ด้วยมีกลุ่มนักศึกษาหนุ่มสาวไปจัดกิจกรรม “กอดฟรี” ซึ่งเป็นแนวคิดแบบฝรั่ง ที่ออกจะผิดรูปแบบธรรมเนียมของงานที่จะต้องคงความศักดิ์สิทธิ์และต้องสำรวม
จึงต้องขอย้ำเตือนกันตรงนี้นิดหนึ่งว่า นี่คืองานพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ ที่จัดในเขตพระราชฐาน ดังนั้น ก็มีกาลเทศะที่จะต้องรักษาไว้ให้เหมาะสมด้วย
นอกจากนี้อีกเรื่องที่เริ่มมีการติติงกัน ก็ได้แก่เรื่องการรับของแจกทั้งหลายในงาน เนื่องจากมีจิตอาสามากมายไปแจกข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม หรือสิ่งของจำเป็น เช่น ยาอม ยาดม ยาหม่อง ซึ่งการนี้ก็มีคนบางกลุ่มถือโอกาสคล้ายว่ามีของแจกฟรี ก็ต้องไปรับไว้กักตุน ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ใช้เองหรือเอาไปขายต่อ แต่ก็หอบกันไปเป็นถุงใหญ่เกินกว่าการใช้สอยอย่างธรรมดา และน่าจะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของผู้นำไปแจกจ่าย
หรือบ้างก็ไปเวียนกันรับแจกอาหาร แต่ก็รับไปชิมแค่ครึ่งกล่องหรือบางทีก็คำสองคำก็ทิ้งแล้วเวียนไปรับกล่องใหม่ห่อใหม่ ซึ่งนอกจากเป็นการสิ้นปลืองทรัพยากรโดยไม่สมควรและเป็นการสร้างขยะที่รวมๆ กันก็วันละหลายสิบตันแล้ว ยังเป็นการไม่เคารพเกรงใจต่อความเอื้อเฟื้อหรือจิตอาสาของผู้ที่นำอาหารดังกล่าวมาแจกจ่าย ทั้งอาหารหรือข้าวของหลายรายการก็เป็นของพระราชทานหรือของประทานจากเจ้านายหลายพระองค์ที่ทรงมีพระกรุณาต่อประชาชนผู้มาร่วมสักการะพระบรมศพด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ประพฤติไม่เหมาะไม่ควรแก่กาลเทศะในการร่วมงานนี้ก็เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้น แต่ถึงเป็นคนส่วนน้อยแต่มีภาพปรากฏออกมาตามสื่อตามโซเชียลมีเดีย ก็เป็นภาพที่ไม่น่าดูที่ทำให้ภาพใหญ่กว่าของพสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดีที่ตั้งใจไปสักการะหรือถวายความอาลัยด้วยความตั้งใจนั้น ต้องมีตำหนิไปด้วย
จึงอาจจะต้องมีการตักเตือนกันอย่างจริงจังโดยทางภาครัฐ หรือไม่ก็ประชาชนกันเองนี่แหละที่จะต้องคอยบอกคอยเตือนกันเพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาอย่างเรียบร้อยสวยงามสมพระเกียรติต่อไป.