xs
xsm
sm
md
lg

“อาคาร 2 ดอนเมือง” ดีงามราคาแพง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: กิตตินันท์ นาคทอง


24 ธันวาคม 2558 ท่าอากาศยานดอนเมืองเปิดให้บริการ “อาคารผู้โดยสาร 2” (Terminal 2) เพื่อรองรับเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศเท่านั้น จากเดิมที่ทั้งเที่ยวบินในประเทศ และเที่ยวบินระหว่างประเทศจะอยู่รวมกันในอาคารผู้โดยสาร 1 แต่นับจากนี้จะแยกส่วนโดยเที่ยวบินระหว่างประเทศยังอยู่ในอาคารผู้โดยสาร 1 ตามเดิม

โดยส่วนตัวเคยใช้บริการอาคารผู้โดยสาร 2 มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม 2559 แต่เป็นเที่ยวบินขากลับจากขอนแก่นลงมาที่กรุงเทพฯ ถ้าถามถึงความรู้สึกก็เห็นว่าระยะเวลาจากสะพานเทียบเครื่องบินไปยังจุดรับกระเป๋าเดินทางในอาคาร 2 นั้นสั้นลงเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องจะลงจอดที่อาคารเทียบเครื่องบินจุดไหนมากกว่า

ในตอนนั้นแผนกผู้โดยสารขาเข้า อาคาร 2 เริ่มเข้าที่เข้าทางเล็กน้อย สภาพดูใหม่และไฟส่องสว่างสีขาว สว่างกว่าอาคารผู้โดยสาร 1 ที่เป็นไฟส่องสว่างสีเหลือง มีจุดนัดพบเป็นสัดส่วน จุดเรียกรถแท็กซี่ รวมทั้งยังสามารถต่อรถประจำทาง 2 สาย ได้แก่ สาย A1 ไปสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต และสาย A2 ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้อีกด้วย

แต่นี่ยังไม่ได้เดินสำรวจเป็นจริงเป็นจัง เพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ต้องรีบกลับบ้าน เกรงว่ารถไฟฟ้าบีทีเอส เที่ยวสุดท้ายจะหมดลงตอนเที่ยงคืน ขืนมัวแต่เถลไถลเดี๋ยวจะตกรถไฟฟ้าพอดี แต่นับว่ายังดีที่รถประจำทางสาย A1 ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์ด้วยความรวดเร็ว จึงไปถึงบีทีเอสหมอชิตในเวลาเพียงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

แม้ว่าช่วงนี้จะไม่มีโอกาสได้ออกเดินทางต่างจังหวัดด้วยเครื่องบิน แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปส่งเพื่อนกลับเชียงใหม่ ในช่วงรอเพื่อนขึ้นเครื่องในเที่ยวบินขาออก จึงชวนกันไปเดินเล่นอาคารผู้โดยสาร 2 ไปในตัว

เมื่อมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ผ่านอาคารผู้โดยสาร 1 ก็ต้องเจอกับความไร้ระเบียบของรถยนต์ที่ส่งผู้โดยสารหน้าอาคาร 1 ลามไปถึงอาคาร 2 มีทั้งรถทัวร์ที่ขนลูกทัวร์ (เดี๋ยวนี้คนที่มาเที่ยวเมืองไทยมีแต่ทัวร์จีน ทัวร์ศูนย์เหรียญกันทั้งนั้นแหละ) รถแท็กซี่ และรถส่วนตัวจอดจ่ายเงินค่าโดยสาร ขนสัมภาระลงมาจากรถกันให้วุ่นวาย







เข้าไปในอาคาร จะพบกับห้องโถงขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์เช็กอินสายการบินต่างๆ โดยส่วนท้ายของเคาน์เตอร์จะมีหน้าจอ ใครที่โหลดกระเป๋าต้องคอยดูหน้าจอว่า สัมภาระที่ฝากใต้ท้องเครื่องผ่านหรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็จะถูกดีดออกมาแล้วจะถูกเรียกให้มาตรวจสอบ แต่ถ้าผ่าน สัมภาระก็จะลงไปยังด้านล่างเพื่อรอโหลดขึ้นเครื่องต่อไป

หลังจากเพื่อนเช็กอินเสร็จแล้ว ก็ชวนเพื่อนเดินเล่นฆ่าเวลา พบว่าเมื่อขึ้นไปชั้น 4 ที่ดูเหมือนเยอะก็คือร้านค้า ร้านอาหาร เริ่มจากเอสแอนด์พี แมคโดนัลด์ ฯลฯ และเริ่มมีธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดสาขาบนอาคารผู้โดยสาร 2 แล้ว และธนาคารกสิกรไทยก็จะเปิดตามมา แต่ตู้เอทีเอ็มธนาคารชั้นนำจะอยู่แถวบันไดเลื่อนท้ายอาคาร



เดินขึ้นไปอีกหน่อยจะพบกับที่พักชั่วคราวที่ชื่อว่า ”SLEEP BOX” เป็นห้องพักคล้ายโรงแรมภายในสนามบิน ที่เป็นข่าวฮือฮาไปก่อนหน้านี้ เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา สนนราคาชั่วคราว 3 ชั่วโมง 1,000 บาท จากนั้นชั่วโมงถัดไปคิดค่าบริการ 200 บาทต่อชั่วโมง หากค้างคืนตั้งแต่เวลา 21.00 น. ถึง 06.00 น. ของวันรุ่งขึ้นคิด 1,800 บาท

เคยได้ยินความเห็นทำนองว่า ราคา SLEEP BOX ขนาดนี้ ไปพักที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามอย่างโรงแรมอมารี ดอนเมือง ยังถูกกว่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ทั้งสองแห่งมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน อย่าง SLEEP BOX จะดีตรงที่อยู่ภายในสนามบิน เดินลงไปเพียงไม่กี่สิบก้าวก็ถึงเคาน์เตอร์เช็กอินแล้ว แต่ความเป็นส่วนตัวจะน้อยกว่า

ส่วนโรงแรมอมารี ดอนเมือง ราคาปกติจะแพงมาก ประมาณ 3-5 พันบาท ถูกลงมาหน่อยคือการจองล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ผ่านเว็บไซต์อโกดา (AGODA) จะได้ราคาที่ถูกกว่าพอๆ กับ SLEEP BOX แต่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ถึงกระนั้นเวลาเช็กเอาท์ก็ต้องเผื่อเวลาเดินเท้า แม้จะอยู่ห่างกันเพียงแค่ข้ามสะพานลอยเชื่อมไปอีกฝั่งก็ตาม

ขึ้นอยู่กับความชอบของนักเดินทางว่าจะเลือกแบบไหน แต่ห้องพักชั่วคราวในสนามบินยังคงเป็นเรื่องใหม่ ที่ผู้ได้รับสัมปทานต้องทดลองตลาดสักระยะ ทราบมาว่าก่อนหน้านี้ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) จะทำเป็นโรงแรมแคปซูลแบบญี่ปุ่น แต่ผู้ได้รับสัมปทานเห็นว่า คนไทยยังไม่คุ้นเคยกับห้องพักที่มีห้องน้ำรวม เลยต้องทำแบบมีห้องน้ำในตัว



ใกล้กับ SLEEP BOX จะเป็นศูนย์รวมร้านฟาสฟู้ด “DISH IS FOOD” รูปแบบคล้ายกับ FOOD STOP บริเวณ Concourse A (ฝั่งผู้โดยสารขาออกในประเทศ) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทั้งเบอร์เกอร์ คิง, ร้านกาแฟอิตาลี, เดอะพิซซ่า คัมปานี, ไก่ทอดบอนชอน, ไอศกรีมแดรี่ควีน ฯลฯ ซึ่งราคาก็สูงกว่าสาขาในศูนย์การค้าทั่วไปพอสมควร





ตรงข้ามกันจะเป็นศูนย์อาหารที่ชื่อว่า “MAGIC FOOD DISTRICT” ด้วยความที่เพื่อนหิวข้าว จึงคิดว่าจะพามากินข้าวที่นี่ ปรากฏว่าบริเวณซอกหลืบที่เป็นร้านแบบศูนย์อาหาร มีร้านเปิดให้บริการอยู่ 7-8 ร้าน พบว่าราคาอาหารเริ่มต้นที่ 80-90 บาท จนถึงราคาเป็นร้อยบาททั้งนั้น อย่างเช่นก๋วยเตี๋ยวเนื้อชามนึงตก 80 บาท เห็นแล้วรู้สึกตกใจมาก

เลยบอกกับเพื่อนว่า เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวในร้านที่ถูกกว่านี้ แล้วยัง “ถูกที่สุดในดอนเมือง”



พาเพื่อนเดินไปยังอาคาร 1 ซึ่งทางเดินเชื่อมติดกัน ปรากฏว่าสภาพโทรมกว่าที่คิด หลายสายการบินที่ย้ายไปให้บริการที่อาคาร 2 ก็ยังคงร่องรอยของการปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ แต่ที่ยังคึกคักกว่าเดิมคือ “กลุ่มทัวร์จีน” ที่เข้าคิวเช็กอินผ่านแถว 1 และ 2 ของสายการบินแอร์เอเชียอย่างคึกคัก และเสียงดังขโมงโฉงเฉง แต่ร้านค้าในนั้นกลับดูเงียบเหงาลง

ที่สำคัญ บริเวณชั้น 4 ของอาคารผู้โดยสาร 1 ยังเป็นแหล่งชมเครื่องบินที่ดูเหมือนเป็นพื้นที่รกร้างเหมือนเดิม ผู้โดยสารหลายคนใช้สถานที่บริเวณนี้นั่งชมเครื่องบิน พักผ่อน และชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ซึ่งยังคงมีปลั๊กไฟหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ในอนาคตถ้า ทอท. ปรับปรุงเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจก็น่าจะดีกว่านี้

เราเดินขึ้นไปยังทางเชื่อมไปยังอาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง วิธีลงไปชั้นล่างจะมีอยู่ 2 ทาง คือ ลงบันไดด้านซ้ายมือไปอีก 2 ชั้น จะพบกับธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ จากนั้นเดินเลาะอาคารไปทางทิศเหนือ อีกวิธีคือ เดินผ่านสำนักงานสายการบินแอร์เอเชีย จะพบห้องโถงขนาดใหญ่ ให้ลงลิฟท์ไปที่ชั้น 1 แล้วเดินออกมานอกอาคาร เลี้ยวขวา



จะพบกับศูนย์อาหาร “MAGIC FOOD POINT” ที่เปิดให้บริการสำหรับพนักงานสายการบิน และลูกค้าทั่วไป (คล้ายๆ กับโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัย) เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าถึง 3-4 ทุ่ม ที่นี่ราคาอาหารเหมือนกับในเมืองทุกอย่าง ราคาเริ่มต้นที่ 40 - 50 บาท น้ำดื่มแช่เย็นขวดละ 10 บาท ถือได้ว่าเหมาะสมกับค่าครองชีพในบ้านเรา



เราสั่งข้าวมันไก่ย่างมารับประทานพร้อมกับเพื่อน สนนราคาจานละ 50 บาท แต่ข้าวและไก่ย่างให้เยอะเหมือนกับร้านข้างทางทั่วไป ถ้าจะสั่งแบบพิเศษ ข้าวเยอะ ไก่ย่างเป็นชิ้นใหญ่ๆ เริ่มต้นแค่ร้อยกว่าบาท เลยคุยกันว่า “เป็นไงบ้าง มาที่นี่กินได้สองจาน ถ้าที่นู่นจานเดียวก็ไม่อิ่มหรอก”



ที่ผ่านมาศูนย์อาหารลึกลับเช่นนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับบุคคลภายนอกเท่าไหร่ แต่เมื่อมีคนไปโพสต์กระทู้พันทิป และมีรายการทีวีบางรายการไปถ่ายทำ ทำให้ศูนย์อาหารแห่งนี้กลายเป็นแหล่งฝากท้องของนักเดินทาง เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากอาคารผู้โดยสาร 1 ที่ก่อนหน้านี้ผู้โดยสารในประเทศ และระหว่างประเทศใช้ร่วมกัน

มาถึงวันนี้ ราคาน่าคบเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ “กลุ่มทัวร์จีน”



กิตติศัพท์ของศูนย์อาหารที่ราคาถูกที่สุดในดอนเมือง ทำให้ไกด์บางคนพาลูกทัวร์กลุ่มใหญ่นับสิบชีวิตเข้ามาฝากท้องในศูนย์อาหารแห่งนี้จำนวนมาก จนคึกคักด้วยเสียงดังขโมงโฉงเฉง ร้านค้าต่างๆ ที่ได้รับอานิสงส์ จึงต้องปรับตัวด้วยการเขียนภาษาจีนกำกับบนเมนูอาหาร และสนทนากับลูกค้าด้วยภาษาจีน

แต่ที่ยังต้องปรับปรุงก็คือเรื่องความสะอาด เพราะระยะหลังๆ สภาพศูนย์อาหารแห่งนี้เริ่มเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา อีกทั้งระหว่างสั่งอาหารกับทางร้าน มองร้านถัดออกไปเล็กน้อย เห็นแมลงสาบตัวเล็กๆ เดินอยู่บนชั้นวางอยู่ตัวหนึ่ง แต่โชคดีที่ไม่ไปลงในจานข้าวที่สั่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้กิน

เมื่อวันก่อนมีกระทู้ในพันทิปออกมาโพสต์ทำนองว่า สินค้าที่จำหน่ายในท่าอากาศยานภูเก็ตราคาแพงมหาโหด อย่างเช่น นมยูเอชทีกล่องละ 50 บาท ช็อกโกแลตถุงเล็ก 90 บาท ถุงใหญ่ 150 บาท ฯลฯ ทำให้มีคนตั้งคำถามไปถึงท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็มีเรื่องร้องเรียนว่าอาหารในสนามบินราคาแพงเช่นกัน



นิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ก็ออกมาชี้แจงว่า สัญญาเช่าพื้นที่ร้านค้าของ ทอท. กับผู้ประกอบการมี 2 ส่วน คือ สัญญาใหม่ ซึ่งจะมีเงื่อนไขระบุให้สามารถขายในราคาที่สูงไม่เกิน 20% ของราคาขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำได้ ส่วนสัญญาเก่า จะไม่มีเงื่อนไขกำหนดไม่สามารถใช้สัญญาบังคับได้

ดังนั้น ทอท. ต้องใช้วิธีขอความร่วมมือ ซึ่งราคาขายจะต้องอยู่ในระดับที่ผู้ประกอบการต้องอยู่ได้ด้วย

โดยตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้เริ่มปรับลดราคาลงแล้วเช่น น้ำดื่ม ขนาด 500 ซีซี เหลือ 10 บาท ซึ่งบอร์ดได้หารือและเห็นว่าควรมีพื้นที่สำหรับอาหารราคาพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันมีแต่จะต้องทำป้ายบอกให้ชัดเจนมากขึ้น ในระยะยาวเมื่อสัญญาเก่าหมดการต่อสัญญาใหม่จะมีเงื่อนไขเรื่องไม่เกิน 20% กำหนดไว้ด้วย

นอกจากนี้ ในส่วนของอาคารผู้โดยสาร 1 ที่ยังเหลือเพียงแค่ผู้โดยสารระหว่างประเทศ เป็นผู้ประกอบการเดิมที่ ทอท. ขอให้เข้ามาช่วงหลังน้ำท่วมสนามบินเมื่อปี 2554 แต่จะทยอยหมดสัญญาใน 1-2 ปีนี้ หลังจากนั้นหากมีการต่อสัญญา จะสามารถเปลี่ยนมาใช้สัญญาใหม่ทั้งหมดได้

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ปัญหาอาหาร และสินค้าราคาแพงในท่าอากาศยานดอนเมือง จะแก้ปัญหาให้ดีขึ้นแค่ไหน เพราะเอาแค่ศูนย์อาหารที่เปิดใหม่ในอาคารผู้โดยสาร 2 ก๋วยเตี๋ยวชามละ 80 บาท คงต้องคิดแล้วคิดอีก

สิ่งหนึ่งที่พอทำได้คือ “ถ้าราคามันไม่สมเหตุสมผล ก็ไม่ควรจะไปอุดหนุนมัน” ไม่ต้องให้มันมาเอาเปรียบสูบเงินในกระเป๋าสตางค์เราได้อีก.


ป.ล. มีคนบอกผมมาว่า ในช่วงที่เปิดอาคารผู้โดยสาร 2 มันจะมีศูนย์อาหารเปิดเพิ่มอีกแห่งหนึ่ง ชื่อว่า “MAGIC FOOD PARK” อยู่บริเวณชั้น 2 อาคารจอดรถ 7 ชั้นที่อยู่ถัดออกไป ราคาคล้ายกับ MAGIC FOOD POINT อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมืองทุกอย่าง แถมยังกว้างขวางกว่า คนมาใช้บริการน้อยกว่าด้วย สงสัยคงได้ที่หลบกลุ่มทัวร์จีนตรงนั้นแล้วล่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น