ช่วงปีที่ผ่านมาเราเห็นคนบางคนไปไหนมาไหนก็อุ้มตุ๊กตาไปด้วย เท่าที่เห็นตุ๊กตานั้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง บางตัวที่ผมสั้นก็ดูเป็นทอมบอยมากกว่าเด็กผู้ชาย หรือจริงๆ อาจมีตุ๊กตาเด็กผู้ชายด้วย แต่ผมยังไม่เห็น ใครรู้ช่วยบอกหน่อย
ตุ๊กตาเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อชีวิตและลมหายใจ
มีคนอธิบายในเวลาต่อมาว่าเป็น “ลูกเทพ” เป็นความเชื่อว่า การเลี้ยงลูกเทพจะช่วยให้มีโชควาสนา และประสพความสำเร็จในชีวิต ลูกเทพไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดาที่ใครไปซื้อตุ๊กตาในห้างหรือตามร้านค้าและเอามาเป็นลูกเทพได้ แต่ต้องผ่านพิธีกรรมปลุกเสกเบิกเนตรเสียก่อน
มีการอ้างว่า ตุ๊กตาลูกเทพตัวแรกเกิดจากที่หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นร่างทรงพระแม่อุมาเทวีปลุกเสกขึ้นมา โดยการนั่งสมาธิอธิษฐานจนเกิดดวงจิตแล้วฝังลงไปในตุ๊กตา จนกลายเป็นกระแสความเชื่อขึ้นโดยเฉพาะเมื่อมีดาราดังๆ หลายคนหันมาเลี้ยงลูกเทพ
กระทั่งเกิดเป็นธุรกิจ “ลูกเทพ”
ไม่รู้ประชดประชันหรือเอาจริง แต่ผมเห็นคนโพสต์ว่า รับจ้างดูแลลูกเทพพร้อมสอนวิชาการให้ และร้านบุฟเฟ่ต์บางแห่งกำลังหารือกันว่าควรจะนับหัวลูกเทพด้วยไหมเพราะมีการตักอาหารให้ลูกเทพด้วย
ล่าสุดมีข่าวว่าสายการบินไทยสมายล์จะเปิดขายตั๋วพร้อมเสิร์ฟอาหารให้ลูกเทพ แต่ระหว่างเดินทางต้องคาดเข็มขัดเหมือนคนทั่วไป
เมื่อคลิกเข้าไปดูในโลกโซเชียลจะเห็นเว็บไซต์และเพจที่ขายตุ๊กตาลูกเทพที่อ้างว่าผ่านการปลุกเสกแล้ว ตัวละหลายพันบาทถึงหลายหมื่นบาท ทั้งๆ ที่ดูแล้วต้นทุนน่าจะตัวละร้อยสองร้อยบาทเท่านั้นเอง
ดูเหมือนว่าคนที่ประกอบอาชีพนี้น่าจะมีรายได้งามพอสมควร
ราคาจะแพงหรือไม่แพงนั่นก็ช่างเถอะ เพราะเป็นความพอใจของคนซื้อกับคนขาย ก็เหมือนกับพระผงพระเหรียญที่มีการซื้อขายกันในทางการตลาด ไม่ได้วัดราคากันที่ต้นทุน แต่วัดกันที่ความเชื่อความศรัทธา
เห็นเหมือนกันว่ามีการถกเถียงกันเรื่องนี้พอสมควร คนที่ไม่เชื่อก็หาว่า คนที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพนั้นงมงาย คนที่เชื่อก็มักจะตอบโต้ทำนองว่า จะเชื่อแล้วมันหนักหัวอะไรใครด้วย ซึ่งฟังแล้วก็จริงนั่นแหละ
เพราะความเชื่อเรื่องเทพในโลกนี้ไม่สามารถอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้อยู่แล้ว ต่างกับหลักการทางศาสนาที่มุ่งเน้นให้คนทำความดีได้ดี มากกว่าเชื่อในโชคลาภวาสนา
แต่เดิมเทพที่คนไทยเชื่อส่วนใหญ่นั้นมาจากอินเดีย เช่นพระศิวะ พระพรหม พระวิษณุ มีเรื่องเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มาที่ไปของเทพแต่ละองค์
พระศิวะเป็นเทพที่จะคอยขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ห่างไกล และทำให้เกิดความดีงามเป็นศิริมงคลเกิดขึ้น ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระศิวะก็จะประทานพรให้ผู้นั้นได้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์
พระพรหมเป็นผู้ลิขิต ชะตาชีวิตของบุคคลต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย เรียกว่า “พรหมลิขิต” และผู้ใดที่บูชาพระพรหมอยู่เป็นนิจ พระองค์จะประทานพรให้สมหวัง
พระวิษณุมีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย และสมดุล
ความเชื่อเรื่องเทพทั้งสามเป็นความเชื่อที่มีวิวัฒนาการและความเป็นมา เป็นเทพนำเข้าไม่ใช่เทพสายพันธุ์ไทย
แต่นั่นแหละยุคนี้เครืองมือสื่อสารทำให้โลกร่นระยะเวลาลง “ลูกเทพ” เป็นเทพไทยประดิษฐ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ปีมานี้ ก็ดีเหมือนกันคนไทยจะได้มีเทพเป็นของตัวเองและเกิดร่วมสมัยกับเรา ยุคนี้ขนาดทรงผีเสื้อสมุทรและทรงผีอีแพงก็เกิดขึ้นแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่า “ลูกเทพ” จะจำหลักมั่นอยู่ในสังคมไทยได้นานเหมือนเทพองค์อื่นไหม
ถ้าถามว่าผมคิดอย่างไรและเชื่อไหม บอกตรงๆว่าผมไม่เชื่อ ส่วนใครจะเชื่อก็เชิญอุ้ม “ลูกเทพ” ออกมาตามสบายครับ
แต่จากกระแสที่เกิดขึ้นคิดว่าอย่างน้อยความเชื่อนี้น่าจะสร้างเศรษฐีได้อีกหลายคน ไม่รู้เหมือนกันว่ากรมสรรพากรจะเก็บภาษีลูกเทพไหม
ส่วนความเชื่อความงมงายมันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนอยู่แล้ว