xs
xsm
sm
md
lg

เตือนตั้ง “สติ” รับกระแส “ตุ๊กตาลูกเทพ” ระวังถูกหลอก ยันคนเลี้ยงไม่มีปัญหาทางจิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กรมสุขภาพจิตยันคนเลี้ยง “ตุ๊กตาลูกเทพ” ไม่มีความผิดปกติทางจิต ชี้ ฮิตเพราะกระแสสังคมและความเชื่อส่วนตัว ยอมรับเป็นการเสริมกำลังใจให้ผู้เลี้ยงได้ เตือนระวังถูกมิจฉาชีพหลอกลวง แนะตั้งสติให้มาก ยึดหลักศาสนา ขยันเลี้ยงชีพ ไม่ก่อหนี้สิน

วันนี้ (25 ม.ค.) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีมีการเปิดธุรกิจให้บริการต่าง ๆ เพิ่มเติมให้กับ “ตุ๊กตาลูกเทพ” มากขึ้น ทั้งร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านเสริมสวย ที่พัก ร้านอาหาร การรับจ้างดูแล กระทั่งการจำหน่ายตั๋วที่นั่งของสายการบิน และรถโดยสาร ให้กับตุ๊กตาลูกเทพ ว่า พื้นฐานจิตใจของคนไทยส่วนมากมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ ทุกคนล้วนมีความเชื่อในเรื่องลี้ลับกันทั้งสิ้น ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนสมัยก่อนที่เลี้ยงกุมารทอง ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตุ๊กตาลูกเทพ ก็คือ การประยุกต์ ไสยศาสตร์ให้มาหลอมรวมกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ส่วนหนึ่งมาจากกระแสของสังคม และอีกส่วนก็มาจากความเชื่อส่วนตัว ซึ่งอาจมีบ้างที่เลี้ยงเพื่อต้องการที่พึ่งทางใจ

ตามหลักทางจิตวิทยาสามารถอธิบายได้ว่า เราทุกคนยังต้องการแสวงหาในสิ่งที่จิตใจยังขาดอยู่ บางคนมีความไม่สบายใจอะไรบางอย่าง หรือบางคนนั้นรู้สึกว่าขาดอะไรสักอย่างในชีวิต จึงต้องการบางสิ่งบางอย่างมายึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งตรงนี้อยากแนะนำให้ยึดเหนี่ยวศาสนาเป็นที่พึ่งจะดีกว่าเพราะมีที่มาที่ไปชัดเจนและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพก็อยากขอแนะนำว่า การที่เราจะรับพรจากสิ่งใดนั้น ต้องเกิดจากการคิดดี ทำดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้ความหวังเกิดผลสำเร็จ ได้อย่างแท้จริงแน่นอน” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ถ้ามองว่าเป็นความเชื่อ เหล่านี้ก็คือการเสริมสร้างกำลังใจประเภทหนึ่ง คือ ความศรัทธาในรูปแบบหนึ่ง แต่ความศรัทธาเหล่านี้ต้องอยู่บนหลักของความจริงด้วย ด้วยการทำงานอย่างมุ่งมั่น วางแผนอย่างดี ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จึงจะเกิดผล อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง เป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์จากการตลาด ที่เห็นได้ตั้งแต่การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือ ดารา มาเป็นผู้นำหรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนอื่น ๆ ผนวกกับการนำความเชื่อ ความศรัทธาของคนในเรื่องลี้ลับ โชคลาภ เข้ามาดึงดูดความสนใจ ตลอดจนการอาศัยโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่ถูกส่งต่อไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง เมื่อเห็นบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ จึงกลายเป็นกระแสฮิตได้ไม่ยากนัก แต่คาดว่า กระแสนี้น่าจะค่อยๆ เงียบลงไป ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่น ๆ มากระตุ้นอีก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสฮิตที่เกิดขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพ เข้ามาหลอกลวง หวังผลประโยชน์ได้เสมอ จึงขอให้ระวังให้มาก สิ่งที่สามารถทำได้ ก็คือ การมีสติ อย่ารีบตอบสนอง โดยไม่ยั้งคิด ซึ่ง สติ จะช่วยให้เราไม่ประมาท ยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ ไม่คิด พูด ทำ อย่างหุนหันพลันแล่น จะได้ไม่ถูกหลอกลวง เสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งนี้ คนไทยเป็นศาสนิกที่ดี ขอให้ยึดหลักศาสนาไว้ ถ้าอยากเป็นสุขก็ต้องขยันทำมาหาเลี้ยงชีพ ไม่ก่อหนี้ยืมสิน ใช้จ่ายให้พอดี ไม่สุรุ่ยสุร่าย เป็นต้น” นพ.ยงยุทธ กล่าว

วันนี้ (25 ม.ค.) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีมีการเปิดธุรกิจให้บริการต่าง ๆ เพิ่มเติมให้กับ “ตุ๊กตาลูกเทพ” มากขึ้น ทั้งร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านเสริมสวย ที่พัก ร้านอาหาร การรับจ้างดูแล กระทั่งการจำหน่ายตั๋วที่นั่งของสายการบิน และรถโดยสาร ให้กับตุ๊กตาลูกเทพ ว่า พื้นฐานจิตใจของคนไทยส่วนมากมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์ ทุกคนล้วนมีความเชื่อในเรื่องลี้ลับกันทั้งสิ้น ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนสมัยก่อนที่เลี้ยงกุมารทอง ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตุ๊กตาลูกเทพ ก็คือ การประยุกต์ ไสยศาสตร์ให้มาหลอมรวมกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ส่วนหนึ่งมาจากกระแสของสังคม และอีกส่วนก็มาจากความเชื่อส่วนตัว ซึ่งอาจมีบ้างที่เลี้ยงเพื่อต้องการที่พึ่งทางใจ

ตามหลักทางจิตวิทยาสามารถอธิบายได้ว่า เราทุกคนยังต้องการแสวงหาในสิ่งที่จิตใจยังขาดอยู่ บางคนมีความไม่สบายใจอะไรบางอย่าง หรือบางคนนั้นรู้สึกว่าขาดอะไรสักอย่างในชีวิต จึงต้องการบางสิ่งบางอย่างมายึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งตรงนี้อยากแนะนำให้ยึดเหนี่ยวศาสนาเป็นที่พึ่งจะดีกว่าเพราะมีที่มาที่ไปชัดเจนและเชื่อถือได้ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพก็อยากขอแนะนำว่า การที่เราจะรับพรจากสิ่งใดนั้น ต้องเกิดจากการคิดดี ทำดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้ความหวังเกิดผลสำเร็จ ได้อย่างแท้จริงแน่นอน” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ถ้ามองว่าเป็นความเชื่อ เหล่านี้ก็คือการเสริมสร้างกำลังใจประเภทหนึ่ง คือ ความศรัทธาในรูปแบบหนึ่ง แต่ความศรัทธาเหล่านี้ต้องอยู่บนหลักของความจริงด้วย ด้วยการทำงานอย่างมุ่งมั่น วางแผนอย่างดี ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จึงจะเกิดผล อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง เป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์จากการตลาด ที่เห็นได้ตั้งแต่การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือ ดารา มาเป็นผู้นำหรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนอื่น ๆ ผนวกกับการนำความเชื่อ ความศรัทธาของคนในเรื่องลี้ลับ โชคลาภ เข้ามาดึงดูดความสนใจ ตลอดจนการอาศัยโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่ถูกส่งต่อไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง เมื่อเห็นบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ จึงกลายเป็นกระแสฮิตได้ไม่ยากนัก แต่คาดว่า กระแสนี้น่าจะค่อย ๆ เงียบลงไป ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นๆ มากระตุ้นอีก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสฮิตที่เกิดขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพ เข้ามาหลอกลวง หวังผลประโยชน์ได้เสมอ จึงขอให้ระวังให้มาก สิ่งที่สามารถทำได้ ก็คือ การมีสติ อย่ารีบตอบสนอง โดยไม่ยั้งคิด ซึ่ง สติ จะช่วยให้เราไม่ประมาท ยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ ไม่คิด พูด ทำ อย่างหุนหันพลันแล่น จะได้ไม่ถูกหลอกลวง เสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งนี้ คนไทยเป็นศาสนิกที่ดี ขอให้ยึดหลักศาสนาไว้ ถ้าอยากเป็นสุขก็ต้องขยันทำมาหาเลี้ยงชีพ ไม่ก่อหนี้ยืมสิน ใช้จ่ายให้พอดี ไม่สุรุ่ยสุร่าย เป็นต้น” นพ.ยงยุทธ กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น