เป็นหมันไปอีกแคมเปญแล้ว สำหรับความพยายามเคลื่อนไหว “วางบิล” ครั้งใหม่ของบรรดาชาวเสื้อแดง
จากที่ตอนแรกนัดกันดิบดีว่า วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกานี้ จะนัดกันใส่เสื้อแดงทั้งแผ่นดิน เพื่อให้กำลังใจ “แม่ปู” นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากคดีทุจริตจำนำข้าว
บ้างก็ว่าจะเรี่ยไรเงินกันเพื่อช่วยจ่ายค่าเสียหายทางแพ่งให้ หากศาลท่านพิพากษาว่าจะต้องรับผิดชอบจริงตามที่กระทรวงการคลังเรียกร้อง
จนนักร้องชื่อดังคนหนึ่งมาประกาศว่าจะช่วยลงขันด้วย เล่นเอาถูกพ่อแท้ๆ ประกาศตัดพ่อตัดลูกกันไป
สร้างข่าวฮือฮากันขึ้นมาจนกระทั่งมีประชาชนส่วนหนึ่งออกมาประกาศต้านว่า ในวันอาทิตย์ที่พวกเสื้อแดงนัดกันนั้น ใครไม่เห็นด้วย ให้ใส่เสื้อสีอื่น
ปลุกกระแสกันเกือบขึ้นแล้ว แต่ถูกทางฝ่ายความมั่นคงออกมา “กระแอม” ปราม
เท่านั้นเอง แกนนำก็ช่วยกันโบ้ยใหญ่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ใครนัดใครเผยแพร่ก็ไม่ทราบ สงสัยเป็นมือที่สาม ที่หวังจะล่อให้เสื้อแดงติดกับเสียอย่างนั้นไป
เรียกว่าทำให้บรรดาแดงบางส่วนที่อารมณ์ค้าง โกรธฝ่ายแกนนำกันเป็นแถวๆ ว่าทำไมแค่นี้ต้องขัดศรัทธาแฟนๆ ด้วย ซึ่งอันที่จริงก็ยังจับมือใครดม หรือยังไม่มีความชัดเจนว่า ประเด็นเรื่องการใส่เสื้อแดงให้กำลังใจนี้ เป็นไอเดียของใคร ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็เป็นไปได้ทุกทางนั่นแหละ คือ แกนนำแดงเองที่คิดแผนขึ้นมาแล้วตอนหลังเห็นท่าไม่ดีเปลี่ยนใจเลยรีบกลับลำ แดงอิสระรักทักษิณคิดขึ้นมาเอง หรือแม้แต่ฝ่ายที่อยากเห็นเสื้อแดงแตกคอกันเซ็ตกันขึ้นมาเพราะเดาท่าทีแกนนำได้ ก็เป็นไปได้
แต่ไม่ว่าจะโดยใครคิด หรือด้วยเหตุผลอะไร แต่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรอยร้าวของแดงแกนนำกับฝ่ายแดงอิสระ แต่เป็นแดงอิสระที่ยังคงชื่นชมหรือเชียร์ทักษิณและครอบครัว
สำหรับแกนนำเสื้อแดงฝ่ายแกนนำที่มุ่งรักษาผลประโยชน์ของ “นายใหญ่” นั้น ก็เป็นธรรมดาที่การขยับตัวนั้นต้องเป็นไปโดยรอบคอบ
เพราะจุดมุ่งหมายนอกจากการกลับเข้าสู่อำนาจรัฐ หรือพา “นาย” กลับบ้านแล้ว จุดหมายรองเฉพาะหน้า คือต้องไม่เปิดแผลเพิ่ม หรือทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้ “เจ็บ” ไปมากกว่านี้
การปลุกระดมขึ้นมาใส่เสื้อแดงในวันอาทิตย์นี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากแค่แสดงสัญลักษณ์จุดยืนหรือเพื่อเช็ก “จำนวนคน” ซึ่งเอาเข้าจริง หากปล่อยให้ทำกันไปให้สุด อาจจะได้เห็นความจริงว่า จำนวนคนที่มาใส่เสื้อแดงในวันนั้นอาจจะไม่เยอะอย่างที่คิดก็ได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องเสียหน้าและบั่นทอนกำลังใจกันเองเสียมากกว่า
ที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่า การใส่เสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ในวันดังกล่าว เป็นการ “เชียร์” ยิ่งลักษณ์อย่างตรงไปตรงมา
ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการแสดงการเรียกร้องทางการเมืองในประเด็นอื่น เช่นเรื่องประชาธิปไตยหรือสิทธิทางการเมืองอะไรเลย ซึ่งเท่ากับเป็นการกรองเอา “แดงก้าวหน้า” หรือพวกที่เป็นเสื้อแดงเพราะเชื่อว่าเป็นเสื้อแดงคือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือเป็นเสื้อแดงเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้ง หรือต่อต้านทหารออกไปได้
เสื้อแดงกลุ่มนี้ไม่สนใจว่ายิ่งลักษณ์ ทักษิณ หรือตระกูลชินวัตรจะเป็นจะตายอะไรไม่ สำหรับ “แดงก้าวหน้า” พวกนี้มองเพียงว่าพวกชินวัตรนั้นแค่จะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์จากประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งเขาไม่ได้แคร์อะไร จะถูกดำเนินคดีอะไรก็ว่ากันไป เขาสนใจแต่ประเด็นประชาธิปไตยเท่านั้น
ดังนั้นการให้คนกลุ่มนี้ลุกขึ้นมาหยิบเสื้อแดงในตู้มาปัดฝุ่นใส่ใหม่ เพื่อให้กำลังใจอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึง “ไม่ขาย” สำหรับคนกลุ่มนี้
ส่วนเสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งแม้จะเชียร์ยิ่งลักษณ์ เชียร์ทักษิณ แต่ถ้าน้ำเลี้ยงไม่มีก็เชียร์ไม่ไหว
ดังนั้นเอาเข้าจริงเรื่องการใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์ที่ 1 นี้ก็อาจจะเป็นแค่เรื่องตลกเงียบเหงาที่ไม่ต้องไปให้ราคามากนักก็ได้
แต่กระนั้น ฝ่ายแกนนำแดงที่ขึ้นตรงกับทางพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร ก็ปล่อยให้การใส่เสื้อแดงแสดงสัญลักษณ์นี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
เพราะการถูกเพ่งเล็งโดยฝ่ายความมั่นคงที่รอบนี้เอาจริงแน่ๆ ไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไร ที่จะเอาตัวเข้ามาล่อเป้า เพราะแค่นี้ก็น่วมกันเต็มทนแล้ว
นอกจากความสุ่มเสี่ยงแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ถ้าหวังว่าจะใส่เสื้อแดงกันทั้งแผ่นดินเพื่อ “กดดัน” ศาลและกระบวนยุติธรรม ก็อย่างที่กล่าวไปว่า ด้วยจำนวน ด้วยประเด็นนั้นไม่น่าจะปลุกขึ้น
และดีไม่ดี ยังอาจจะเป็นการแสดงว่าฝ่ายจำเลยนั้น “ไม่สำนึก” ในการกระทำด้วย แทนที่ศาลจะเห็นใจพอจะผ่อนปรนหรือบรรเทาโทษให้บ้าง ก็อาจจะลงเต็มๆ ไม้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
จึงได้เห็นว่า เพราะการเอาจริงและเข้มงวดของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ทำให้เสื้อแดงต้องลงหลุมไปแกล้งตายกันอีกคราว
และการแกล้งตายกันนานๆ ว่าจะลุกขึ้นๆ ก็ต้องลงหลุมไปใหม่นี้ ก็สร้าง “แผลกดทับ” ขึ้นมาได้ ซึ่งแผลกดทับนี้ ก็ได้แก่การที่ฝ่ายเสื้อแดงที่เป็นรากหญ้า หรือเสื้อแดงประชาชนธรรมดาที่ไม่ใช่แกนนำนั้น ต้องกดพฤติกรรมและกิจกรรมทางการเมืองของตัวเองเอาไว้
ประกอบกับการขาดน้ำเลี้ยงเป็นเวลานานๆ หรือถึงฝ่ายที่ไม่ได้น้ำเลี้ยง (เช่นแดงก้าวหน้าหรือแดงอิสระ) เองก็ถูกกดการเคลื่อนไหวไว้ด้วยท่าทีแบบ “ขลาดๆ กลัวๆ” ของบรรดาแดงแกนนำ
เกิดเป็นแผลร้าวลึก และอาจจะเกิดสภาวะ “เลือดเป็นพิษ” คือคนเสื้อแดงแนวร่วมปฏิเสธแกนนำ ปฏิเสธเสื้อแดง ออกไปตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวประเด็นของตัวเองกันเอง หรือไม่ก็ได้รู้เช่นเห็นชาติบรรดาแกนนำที่ไม่คัดขับเคลื่อนประเด็นอะไรไปไกลกว่าความอยู่รอดของ “นายใหญ่” และครอบครัวเลย
ทำไปทำมา จากที่ “แกล้งตาย” เพื่อรอวันคืนชีพจากหลุม แต่ถ้าไม่ได้ลุกขึ้นมานานๆ ประกอบกับเกิดแผลกดทับจากความแตกแยกอึดอัดของแนวร่วมแล้ว ก็อาจจะได้ “ตายจริง” หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ไปอีกสักปีสองปีก็ได้.
จากที่ตอนแรกนัดกันดิบดีว่า วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกานี้ จะนัดกันใส่เสื้อแดงทั้งแผ่นดิน เพื่อให้กำลังใจ “แม่ปู” นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากคดีทุจริตจำนำข้าว
บ้างก็ว่าจะเรี่ยไรเงินกันเพื่อช่วยจ่ายค่าเสียหายทางแพ่งให้ หากศาลท่านพิพากษาว่าจะต้องรับผิดชอบจริงตามที่กระทรวงการคลังเรียกร้อง
จนนักร้องชื่อดังคนหนึ่งมาประกาศว่าจะช่วยลงขันด้วย เล่นเอาถูกพ่อแท้ๆ ประกาศตัดพ่อตัดลูกกันไป
สร้างข่าวฮือฮากันขึ้นมาจนกระทั่งมีประชาชนส่วนหนึ่งออกมาประกาศต้านว่า ในวันอาทิตย์ที่พวกเสื้อแดงนัดกันนั้น ใครไม่เห็นด้วย ให้ใส่เสื้อสีอื่น
ปลุกกระแสกันเกือบขึ้นแล้ว แต่ถูกทางฝ่ายความมั่นคงออกมา “กระแอม” ปราม
เท่านั้นเอง แกนนำก็ช่วยกันโบ้ยใหญ่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ใครนัดใครเผยแพร่ก็ไม่ทราบ สงสัยเป็นมือที่สาม ที่หวังจะล่อให้เสื้อแดงติดกับเสียอย่างนั้นไป
เรียกว่าทำให้บรรดาแดงบางส่วนที่อารมณ์ค้าง โกรธฝ่ายแกนนำกันเป็นแถวๆ ว่าทำไมแค่นี้ต้องขัดศรัทธาแฟนๆ ด้วย ซึ่งอันที่จริงก็ยังจับมือใครดม หรือยังไม่มีความชัดเจนว่า ประเด็นเรื่องการใส่เสื้อแดงให้กำลังใจนี้ เป็นไอเดียของใคร ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็เป็นไปได้ทุกทางนั่นแหละ คือ แกนนำแดงเองที่คิดแผนขึ้นมาแล้วตอนหลังเห็นท่าไม่ดีเปลี่ยนใจเลยรีบกลับลำ แดงอิสระรักทักษิณคิดขึ้นมาเอง หรือแม้แต่ฝ่ายที่อยากเห็นเสื้อแดงแตกคอกันเซ็ตกันขึ้นมาเพราะเดาท่าทีแกนนำได้ ก็เป็นไปได้
แต่ไม่ว่าจะโดยใครคิด หรือด้วยเหตุผลอะไร แต่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรอยร้าวของแดงแกนนำกับฝ่ายแดงอิสระ แต่เป็นแดงอิสระที่ยังคงชื่นชมหรือเชียร์ทักษิณและครอบครัว
สำหรับแกนนำเสื้อแดงฝ่ายแกนนำที่มุ่งรักษาผลประโยชน์ของ “นายใหญ่” นั้น ก็เป็นธรรมดาที่การขยับตัวนั้นต้องเป็นไปโดยรอบคอบ
เพราะจุดมุ่งหมายนอกจากการกลับเข้าสู่อำนาจรัฐ หรือพา “นาย” กลับบ้านแล้ว จุดหมายรองเฉพาะหน้า คือต้องไม่เปิดแผลเพิ่ม หรือทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้ “เจ็บ” ไปมากกว่านี้
การปลุกระดมขึ้นมาใส่เสื้อแดงในวันอาทิตย์นี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากแค่แสดงสัญลักษณ์จุดยืนหรือเพื่อเช็ก “จำนวนคน” ซึ่งเอาเข้าจริง หากปล่อยให้ทำกันไปให้สุด อาจจะได้เห็นความจริงว่า จำนวนคนที่มาใส่เสื้อแดงในวันนั้นอาจจะไม่เยอะอย่างที่คิดก็ได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องเสียหน้าและบั่นทอนกำลังใจกันเองเสียมากกว่า
ที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่า การใส่เสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ในวันดังกล่าว เป็นการ “เชียร์” ยิ่งลักษณ์อย่างตรงไปตรงมา
ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการแสดงการเรียกร้องทางการเมืองในประเด็นอื่น เช่นเรื่องประชาธิปไตยหรือสิทธิทางการเมืองอะไรเลย ซึ่งเท่ากับเป็นการกรองเอา “แดงก้าวหน้า” หรือพวกที่เป็นเสื้อแดงเพราะเชื่อว่าเป็นเสื้อแดงคือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือเป็นเสื้อแดงเพื่อสนับสนุนการเลือกตั้ง หรือต่อต้านทหารออกไปได้
เสื้อแดงกลุ่มนี้ไม่สนใจว่ายิ่งลักษณ์ ทักษิณ หรือตระกูลชินวัตรจะเป็นจะตายอะไรไม่ สำหรับ “แดงก้าวหน้า” พวกนี้มองเพียงว่าพวกชินวัตรนั้นแค่จะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์จากประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งเขาไม่ได้แคร์อะไร จะถูกดำเนินคดีอะไรก็ว่ากันไป เขาสนใจแต่ประเด็นประชาธิปไตยเท่านั้น
ดังนั้นการให้คนกลุ่มนี้ลุกขึ้นมาหยิบเสื้อแดงในตู้มาปัดฝุ่นใส่ใหม่ เพื่อให้กำลังใจอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึง “ไม่ขาย” สำหรับคนกลุ่มนี้
ส่วนเสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งแม้จะเชียร์ยิ่งลักษณ์ เชียร์ทักษิณ แต่ถ้าน้ำเลี้ยงไม่มีก็เชียร์ไม่ไหว
ดังนั้นเอาเข้าจริงเรื่องการใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์ที่ 1 นี้ก็อาจจะเป็นแค่เรื่องตลกเงียบเหงาที่ไม่ต้องไปให้ราคามากนักก็ได้
แต่กระนั้น ฝ่ายแกนนำแดงที่ขึ้นตรงกับทางพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร ก็ปล่อยให้การใส่เสื้อแดงแสดงสัญลักษณ์นี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
เพราะการถูกเพ่งเล็งโดยฝ่ายความมั่นคงที่รอบนี้เอาจริงแน่ๆ ไม่ใช่เรื่องสนุกเท่าไร ที่จะเอาตัวเข้ามาล่อเป้า เพราะแค่นี้ก็น่วมกันเต็มทนแล้ว
นอกจากความสุ่มเสี่ยงแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ถ้าหวังว่าจะใส่เสื้อแดงกันทั้งแผ่นดินเพื่อ “กดดัน” ศาลและกระบวนยุติธรรม ก็อย่างที่กล่าวไปว่า ด้วยจำนวน ด้วยประเด็นนั้นไม่น่าจะปลุกขึ้น
และดีไม่ดี ยังอาจจะเป็นการแสดงว่าฝ่ายจำเลยนั้น “ไม่สำนึก” ในการกระทำด้วย แทนที่ศาลจะเห็นใจพอจะผ่อนปรนหรือบรรเทาโทษให้บ้าง ก็อาจจะลงเต็มๆ ไม้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
จึงได้เห็นว่า เพราะการเอาจริงและเข้มงวดของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ทำให้เสื้อแดงต้องลงหลุมไปแกล้งตายกันอีกคราว
และการแกล้งตายกันนานๆ ว่าจะลุกขึ้นๆ ก็ต้องลงหลุมไปใหม่นี้ ก็สร้าง “แผลกดทับ” ขึ้นมาได้ ซึ่งแผลกดทับนี้ ก็ได้แก่การที่ฝ่ายเสื้อแดงที่เป็นรากหญ้า หรือเสื้อแดงประชาชนธรรมดาที่ไม่ใช่แกนนำนั้น ต้องกดพฤติกรรมและกิจกรรมทางการเมืองของตัวเองเอาไว้
ประกอบกับการขาดน้ำเลี้ยงเป็นเวลานานๆ หรือถึงฝ่ายที่ไม่ได้น้ำเลี้ยง (เช่นแดงก้าวหน้าหรือแดงอิสระ) เองก็ถูกกดการเคลื่อนไหวไว้ด้วยท่าทีแบบ “ขลาดๆ กลัวๆ” ของบรรดาแดงแกนนำ
เกิดเป็นแผลร้าวลึก และอาจจะเกิดสภาวะ “เลือดเป็นพิษ” คือคนเสื้อแดงแนวร่วมปฏิเสธแกนนำ ปฏิเสธเสื้อแดง ออกไปตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวประเด็นของตัวเองกันเอง หรือไม่ก็ได้รู้เช่นเห็นชาติบรรดาแกนนำที่ไม่คัดขับเคลื่อนประเด็นอะไรไปไกลกว่าความอยู่รอดของ “นายใหญ่” และครอบครัวเลย
ทำไปทำมา จากที่ “แกล้งตาย” เพื่อรอวันคืนชีพจากหลุม แต่ถ้าไม่ได้ลุกขึ้นมานานๆ ประกอบกับเกิดแผลกดทับจากความแตกแยกอึดอัดของแนวร่วมแล้ว ก็อาจจะได้ “ตายจริง” หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ไปอีกสักปีสองปีก็ได้.