เวลานั่งอ่านข่าวในแต่ละวันเราก็มักจะเจอกับข่าวแปลกๆ สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือแม้แต่ข่าวที่เราอาจจะไม่คิดว่ามันจะมี บางข่าวก็เป็นข่าวที่เราอาจจะไม่แปลกใจที่ได้เห็น เพราะมันอาจจะเกิดขึ้นหรือมีมานานแล้วแค่เพียงมันไม่ได้เป้นข่าวเหมือนในยุคนี้เท่านั้น เดี๋ยวนี้โลกออนไลน์ทุกคนสามารถที่จะอัพอะไรขึ้นไปก็ได้จะแชร์อะไรก็ได้ ข่าวการรับน้องด้วยท่าเต้นกล้วยทับที่ดูไม่เหมาะสมก็เช่นกัน
ที่ผ่านมาข่าวการรับน้องแบบไม่เหมาะสมก็มีมาอยู่เรื่อยๆ รวมไปถึงการรับน้องแบบใช้ความรุนแรง ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ตัวผมเองก็เคยเป็นทั้งรุ่นน้องให้รุ่นพี่จัดการ และเคยเป็นรุ่นพี่ที่เป็นคนจัดกิจกรรมรับน้อง แหมก็เพิ่งจบมาไม่กี่ปีเองนี่น่า
เป้าหมายหลักของการรับน้องคืออะไร ผมว่ารุ่นพี่ที่เตรียมการรับน้องคงต้องถามตัวเองก่อนว่าเป้าหมายของงานรับน้องคืออะไร เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ผมจัดงานรับน้อง เป้าหมายคือการทำความรู้จักกัน สร้างสายสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อคอยช่วยเหลือกันทั้งช่วงเรียนอยู่ หรือตอนจบออกไปแล้ว
ผมว่าหลักคิดถึงความเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์ หรือหลักสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด การเคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่น รุ่นน้องมีสิทธิที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ถึงไม่ไปร่วมกิจกรรมรับน้อง ก็ยังมีกิจกรรมอื่นให้เข้าร่วมได้อีกมากมาย
สำหรับรุ่นพี่ต้องรู้และเข้าใจตระหนักว่า การละเมิดสิทธิของผู้อื่น การบีบบังคับข่มขู่ใช้กำลังหรือใช้ความรุนแรง เสี่ยงต่อการทำความผิดตามกฎหมายได้หลายกรณี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกฎหมายอาญามีบทลงโทษทั้งจำทั้งปรับ แปลว่าอาจติดคุก เช่น การกระทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บเสียชีวิตโดยเจตนาหรือแม้กระทั่งโดยไม่เจตนา รวมทั้งรุ่นน้องปีหนึ่งอาจอยู่ในภาวะผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 18 ปี ฯลฯ
การตั้งโจทย์ กิจกรรมรับน้องอย่างสร้างสรรค์ควรเป็นอะไร ผมว่ารุ่นพี่ต้องตอบโจทย์นี้ให้ชัด กิจกรรมที่อาจเสี่ยงอันตรายหรืออุบัติเหตุ การควบคุมไม่ไห้มีการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ควบคุมดูแลไม่ได้
กิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี นอกจากการได้พบปะกัน พูดคุยกัน แนะนำตัว อาจจะมีเล่นเกมกันเล็กน้อยเอาแต่พองาม อาจชวนกันไปคลุกฝุ่นบ้าง ชีวิตคนเราจะราบเรียบตลอดทางมันก็คงจะไม่ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อสาธารณประโยชน์ได้อีกมากมาย
ที่สำคัญหากคุณเป็นรุ่นพี่ สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการวางตัวให้น่าเคารพบ้าง ถึงแม้ว่ารุ่นน้องที่คุณดูแลอาจจะเป็นสาวสวยก็ตาม การวางตัวนั้นสำคัญสุด การให้เกียรติรุ่นน้องเพราะเขาก้เป็นคนมีหัวใจเหมือนเรา ไม่ใช่จะใช้ความเป็นรุ่นพี่กดหัวรุนน้องไปซะทุกอย่าง สั่งๆ ด่าๆ ผมว่าไม่ใช่วิธีที่ดีเอาซะเลย
ผมกลับไปชอบวิธีรับน้องแบบชาวธรรมศาสตร์ที่เรียกวันรับน้องแบบเก๋ๆว่า วันพบเพื่อนใหม่มากกว่า เพราะเป็นการแสดงถึงภราดรภาพความเป็นมิตรแล้ว ยังแสดงถึงความเท่าเทียมกันของคน โดยไม่มีการมาแบ่งว่าใครอยู่เหนือกว่าใครแม้จะเข้ามาเรียนก่อน และเป็นรุ่นพี่ก็ตาม
การรับน้องรถไฟของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ถือเป็นกิจกรรมรับน้องที่น่ารักดี รุ่นน้องที่ต้องจากพ่อแม่ครอบครัว บางครเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตต้องไปอยู่ไกลบ้าน คงกังวลว้าเหว่ การที่รุ่นพี่มารับรุ่นน้องแล้วพากันขึ้นรถไฟเพื่อไปเรียนต่อเป็นกำลังใจให้ความอบอุ่นรุ่นน้อง
เริ่มต้นกิจกรรมนี้กันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงโดยปกติ จะเหมารถไฟ ชั้น 3 ทั้งขบวน(ทั้งหมดหลายขบวน) โดยแบ่งตู้รถไฟ กันตามคณะและจำนวนของ รุ่นพี่และรุ่นน้อง ในคณะนั้นๆ รุ่นพี่ ของแต่ละคณะ ก็จะเตรียมกิจกรรมและเกมส์ต่างๆ มีการสอนร้องเพลงประจำแต่ละคณะ ให้รุ่นน้องได้ทำกิจกรรมสนุกสนานบนรถไฟ เกือบตลอดทั้งคืน ที่รถไฟ วิ่งมุ่งหน้าไปยัง เชียงใหม่
จะเห็นได้ว่าการรับน้องมีทั้งที่ดีและไม่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกันที่ว่าทำไม การรับน้องดีๆจึงไม่สามารถทำได้ในบางมหาวิทยาลัย ทำได้กับบางมหาวิทยาลัยหรือบางโรงเรียนเท่านั้น การรับน้องแบบสร้าสรรค์ไม่ควรเป็นเรื่องยากอะไร บางครั้งอาจจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆกันก่อนก็น่าจะได้ เช่นการรวมกลุ่มกันพูดคุยแลกเปลี่ยน การจัดค่ายอาสา การปลูกป่า การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ออกไปช่วยชาวบ้านตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่การร้องเพลงการเต้นอย่างเหมาะสมสนุกสนานร่วมกัน แต่ในที่นี่คือร้องเต้นแบบสร้างสรรค์ไม่ทะลึ่งลามกติดเรทอย่างกล้วยทับนะครับ
เปิดภาคเรียนเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ทุกปี มีข่าวการรับน้องโหด หลายครั้งเกิดโศกนาฏกรรม รุ่นน้องบาดเจ็บเสียชีวิต หรือมีคลิปการรับน้องที่ไม่เหมาะสมว่อนอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีการวิพากษ์วิจารณ์การรรับน้อง การแสดงความคิดเห็น และมีกลุ่มคัดค้านกลุ่มโซตัส ต่อต้านการรับน้องโหดในหลายมหาวิทยาลัย
เกิดเรื่องที ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ออกมาพูดที ผมว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ทุกปี ควรมีมาตรการที่ป้องกันชัดเจนทั้งในกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย และนโยบายของมหาวิทยาลัย โดยให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้กิจกรรมรับน้องเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์
การรับน้องควรเป็นกิจกรรมที่มีค่า ทำให้พี่น้องร่วมสถาบัน ร่วมคณะสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ใช่ทำไว้ให้ไปตีกัน ไปใช้ความรุนแรง หรือล่วงเกินคุกคามทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตาย หรือไปเบียดเบียนหาเรื่องใคร
ที่ผ่านมาข่าวการรับน้องแบบไม่เหมาะสมก็มีมาอยู่เรื่อยๆ รวมไปถึงการรับน้องแบบใช้ความรุนแรง ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ตัวผมเองก็เคยเป็นทั้งรุ่นน้องให้รุ่นพี่จัดการ และเคยเป็นรุ่นพี่ที่เป็นคนจัดกิจกรรมรับน้อง แหมก็เพิ่งจบมาไม่กี่ปีเองนี่น่า
เป้าหมายหลักของการรับน้องคืออะไร ผมว่ารุ่นพี่ที่เตรียมการรับน้องคงต้องถามตัวเองก่อนว่าเป้าหมายของงานรับน้องคืออะไร เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ผมจัดงานรับน้อง เป้าหมายคือการทำความรู้จักกัน สร้างสายสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อคอยช่วยเหลือกันทั้งช่วงเรียนอยู่ หรือตอนจบออกไปแล้ว
ผมว่าหลักคิดถึงความเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์ หรือหลักสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด การเคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่น รุ่นน้องมีสิทธิที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ถึงไม่ไปร่วมกิจกรรมรับน้อง ก็ยังมีกิจกรรมอื่นให้เข้าร่วมได้อีกมากมาย
สำหรับรุ่นพี่ต้องรู้และเข้าใจตระหนักว่า การละเมิดสิทธิของผู้อื่น การบีบบังคับข่มขู่ใช้กำลังหรือใช้ความรุนแรง เสี่ยงต่อการทำความผิดตามกฎหมายได้หลายกรณี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกฎหมายอาญามีบทลงโทษทั้งจำทั้งปรับ แปลว่าอาจติดคุก เช่น การกระทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บเสียชีวิตโดยเจตนาหรือแม้กระทั่งโดยไม่เจตนา รวมทั้งรุ่นน้องปีหนึ่งอาจอยู่ในภาวะผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 18 ปี ฯลฯ
การตั้งโจทย์ กิจกรรมรับน้องอย่างสร้างสรรค์ควรเป็นอะไร ผมว่ารุ่นพี่ต้องตอบโจทย์นี้ให้ชัด กิจกรรมที่อาจเสี่ยงอันตรายหรืออุบัติเหตุ การควบคุมไม่ไห้มีการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ควบคุมดูแลไม่ได้
กิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี นอกจากการได้พบปะกัน พูดคุยกัน แนะนำตัว อาจจะมีเล่นเกมกันเล็กน้อยเอาแต่พองาม อาจชวนกันไปคลุกฝุ่นบ้าง ชีวิตคนเราจะราบเรียบตลอดทางมันก็คงจะไม่ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อสาธารณประโยชน์ได้อีกมากมาย
ที่สำคัญหากคุณเป็นรุ่นพี่ สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการวางตัวให้น่าเคารพบ้าง ถึงแม้ว่ารุ่นน้องที่คุณดูแลอาจจะเป็นสาวสวยก็ตาม การวางตัวนั้นสำคัญสุด การให้เกียรติรุ่นน้องเพราะเขาก้เป็นคนมีหัวใจเหมือนเรา ไม่ใช่จะใช้ความเป็นรุ่นพี่กดหัวรุนน้องไปซะทุกอย่าง สั่งๆ ด่าๆ ผมว่าไม่ใช่วิธีที่ดีเอาซะเลย
ผมกลับไปชอบวิธีรับน้องแบบชาวธรรมศาสตร์ที่เรียกวันรับน้องแบบเก๋ๆว่า วันพบเพื่อนใหม่มากกว่า เพราะเป็นการแสดงถึงภราดรภาพความเป็นมิตรแล้ว ยังแสดงถึงความเท่าเทียมกันของคน โดยไม่มีการมาแบ่งว่าใครอยู่เหนือกว่าใครแม้จะเข้ามาเรียนก่อน และเป็นรุ่นพี่ก็ตาม
การรับน้องรถไฟของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ถือเป็นกิจกรรมรับน้องที่น่ารักดี รุ่นน้องที่ต้องจากพ่อแม่ครอบครัว บางครเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตต้องไปอยู่ไกลบ้าน คงกังวลว้าเหว่ การที่รุ่นพี่มารับรุ่นน้องแล้วพากันขึ้นรถไฟเพื่อไปเรียนต่อเป็นกำลังใจให้ความอบอุ่นรุ่นน้อง
เริ่มต้นกิจกรรมนี้กันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงโดยปกติ จะเหมารถไฟ ชั้น 3 ทั้งขบวน(ทั้งหมดหลายขบวน) โดยแบ่งตู้รถไฟ กันตามคณะและจำนวนของ รุ่นพี่และรุ่นน้อง ในคณะนั้นๆ รุ่นพี่ ของแต่ละคณะ ก็จะเตรียมกิจกรรมและเกมส์ต่างๆ มีการสอนร้องเพลงประจำแต่ละคณะ ให้รุ่นน้องได้ทำกิจกรรมสนุกสนานบนรถไฟ เกือบตลอดทั้งคืน ที่รถไฟ วิ่งมุ่งหน้าไปยัง เชียงใหม่
จะเห็นได้ว่าการรับน้องมีทั้งที่ดีและไม่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกันที่ว่าทำไม การรับน้องดีๆจึงไม่สามารถทำได้ในบางมหาวิทยาลัย ทำได้กับบางมหาวิทยาลัยหรือบางโรงเรียนเท่านั้น การรับน้องแบบสร้าสรรค์ไม่ควรเป็นเรื่องยากอะไร บางครั้งอาจจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆกันก่อนก็น่าจะได้ เช่นการรวมกลุ่มกันพูดคุยแลกเปลี่ยน การจัดค่ายอาสา การปลูกป่า การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ออกไปช่วยชาวบ้านตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่การร้องเพลงการเต้นอย่างเหมาะสมสนุกสนานร่วมกัน แต่ในที่นี่คือร้องเต้นแบบสร้างสรรค์ไม่ทะลึ่งลามกติดเรทอย่างกล้วยทับนะครับ
เปิดภาคเรียนเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ทุกปี มีข่าวการรับน้องโหด หลายครั้งเกิดโศกนาฏกรรม รุ่นน้องบาดเจ็บเสียชีวิต หรือมีคลิปการรับน้องที่ไม่เหมาะสมว่อนอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีการวิพากษ์วิจารณ์การรรับน้อง การแสดงความคิดเห็น และมีกลุ่มคัดค้านกลุ่มโซตัส ต่อต้านการรับน้องโหดในหลายมหาวิทยาลัย
เกิดเรื่องที ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ออกมาพูดที ผมว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ทุกปี ควรมีมาตรการที่ป้องกันชัดเจนทั้งในกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย และนโยบายของมหาวิทยาลัย โดยให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้กิจกรรมรับน้องเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์
การรับน้องควรเป็นกิจกรรมที่มีค่า ทำให้พี่น้องร่วมสถาบัน ร่วมคณะสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ใช่ทำไว้ให้ไปตีกัน ไปใช้ความรุนแรง หรือล่วงเกินคุกคามทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตาย หรือไปเบียดเบียนหาเรื่องใคร
