ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ดรามารับน้องสถาบันการศึกษาในเชียงใหม่ 58 เจอวิจารณ์กระหึ่มเมืองทั่วหน้า แทบทุกมหาวิทยาลัยฯ ทั้งกระทู้ลิขสิทธิ์รับน้องขึ้นดอย-พลุบึ้มสยอง-ภาพน้องใหม่นอนคว่ำหน้ากลางพื้นเปียกเฉอะแฉะ
วันนี้ (7 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในห้วงบรรยากาศการรับน้องใหม่ของสถาบันการศึกษาปีนี้ดูเหมือนว่า มหาวิทยาลัยต่างๆ ในเชียงใหม่จะถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางอีกครั้ง หลังรองศาสตราจารย์ ดร.ประพันธ์ ธรรมไชย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เป็นประธานจัดงานประเพณีรับน้องขึ้นดอย นำนักศึกษาใหม่เดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ และทำพิธีรับเข็มตราพระราชลัญจกรของนักศึกษาใหม่ เมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่เคยจัดต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา
หลังจากนั้นได้มีติวเตอร์คนหนึ่งในเชียงใหม่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในทำนองว่า “การรับน้องขึ้นดอย มีเพียงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เท่านั้น ที่เป็น Original” กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันความกว้างขวางเพียงข้ามคืน มีการแชร์ต่อ-ตั้งกระทู้กันอย่างหลากหลาย ก่อนที่เจ้าตัวจะลบโพสต์ในค่ำวันรุ่งขึ้น (4 ส.ค.) พร้อมกับลบข้อความที่เคยโพสต์ไว้ก่อนหน้านี้
แต่ก็ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องไม่จบ!
ขณะที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ต่างออกมายืนยันว่า “ดอยสุเทพ” ไม่ใช่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่เป็นของทุกคนในประเทศไทย เป็นที่เคารพสักการะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง การเดินขึ้นดอยสุเทพจะต้องอนุรักษ์ความเป็นล้านนา การนำนักศึกษาใหม่เดินขึ้นดอยสุเทพถือเป็นสิ่งดีงามและทุกคนควรช่วยกันอนุรักษ์ประเพณีนี้ไว้
ขณะที่การรับน้องของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่มีมากว่า 10 ปีแล้ว เพื่อให้นักศึกษาใหม่ขึ้นไปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดเชียงใหม่ และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง
ส่วนมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ติดทำเนียบถูกวิพากษ์วิจารณ์ประเพณีรับน้องใหม่เป็นประจำทุกปี ล่าสุดเพิ่งเสร็จสิ้นช่วงเวลา “รับน้อง 7 วัน” ไปเมื่อเที่ยงคืนเศษที่ผ่านมา (1-7 ส.ค.) ที่ผ่านมานั้น
นอกจากจะเกิดเหตุนักศึกษารุ่นพี่ ปี 2 ที่ประกอบพลุ-ประทัดยักษ์ พลาดแล้วระเบิดขึ้นจนทำให้ต้องเสียมือซ้าย-เท้าซ้าย ในช่วงเวลาที่มีการรับน้องใหม่กันอยู่ ทำให้ถูกมองว่าเป็นการทำพลุ-ประทัดยักษ์มาใช้ในกิจกรรมรับน้อง (http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000088389)
ล่าสุดน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เขียนกระทู้ “รับน้องป่าเถื่อนแบบนี้ ยังมีอยู่อีกหรือ?” โพสต์ในเว็บไซต์ชื่อดัง บอกเล่าเรื่องราวการรับน้องที่เกิดขึ้นใน ม.จ.จาน ว่าไม่ได้มีเพียงการรับน้อง 7 วันเท่านั้น แต่ยังมีประเพณี “เข้าโดม” อีก 3 ครั้ง และแต่ละคณะ แต่ละสาขา ก็ยังมีการรับน้องต่อเนื่องทั้งปี รวมทั้งน้องใหม่ ต้องเดินแถวเรียนเป็นกลุ่ม ห้ามนั่งมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์เข้ามหาวิทยาลัย ฯลฯ จนมีการแสดงความคิดเห็นทั้งทางบวกและลบกันอย่างกว้างขวาง
ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา หรือเทคโนตีนดอย สถาบันการศึกษาชื่อดังอีกแห่งของเชียงใหม่ ก็ถูกกล่าวถึงในแฟนเพจเฟซบุ๊ก “โหดสัส V2” โดยโพสต์ภาพการรับน้องโหด เป็นภาพนักศึกษาในชุดลำลอง นอนคว่ำหน้าเอามือไขว้หลังอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะล้อมเป็นวงรอบนักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ ทำให้ดูเหมือนเป็นการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ที่มีการใช้ความรุนแรงโหดร้ายป่าเถื่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และนายนที สัมปุรณะพันธ์ หัวหน้าสาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ร่วมกันยืนยันว่าภาพที่มีการเผยแพร่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำกิจกรรมระหว่างนักศึกษารุ่นพี่กับนักศึกษาที่เพิ่งสอบเข้าชั้นปีที่ 1 ของสาขาวิชาสถาปัตยกรรม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่มีการรับน้องโดยใช้ความรุนแรงป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างที่มีการเข้าใจกัน ผ่านการเผยแพร่ภาพดังกล่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และยืนยันด้วยว่า การจัดกิจกรรมรับน้องไม่มีการใช้ความรุนแรงอย่างที่เข้าใจ การจัดกิจกรรมในวันนั้นและทุกกิจกรรมของนักศึกษามีการควบคุมดูแลสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ไม่ให้มีการกระทำที่เกินเลย ขาดความเหมาะสม และต้องอยู่ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการแสดงของนักศึกษารุ่นพี่ปี 2 ที่นัดแนะกันไว้แล้วเพื่อสร้างสถานการณ์เร้าอารมณ์รุ่นน้องปี 1 ที่ยืนอยู่ในระหว่างการซ้อมร้องเพลง แต่ภาพที่มีการเผยแพร่กลับมีการให้รายละเอียดไม่ครบถ้วน และคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เลือกเอาเฉพาะภาพที่ผู้โพสต์ต้องการสื่อเท่านั้น