ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้สูญเสียและเหยื่อ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ กทม. เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคมที่ผ่านมาด้วยครับ อันที่จริง ช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น ผมก็อยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ และไม่ทราบว่ามีเหตุเกิดขึ้นเลย จนกระทั่งมีน้องคนหนึ่งต่างสำนักได้ทักเข้ามาถามในเหตุที่เกิด ผมจึงสอบถามกลับไปยังที่กอง บก. ด้วยความมึนงง เพราะผู้คน นักท่องเที่ยว ยังคงเดินจับจ่ายใช้สอยกันปกติ แต่ทว่าไม่นานนักจึงทราบ มี “โศกนาฏกรรม” เกิดขึ้นจริงๆ ... ในขณะเดียวกันเวลาผ่านไปไม่นานนักผู้คนที่ทราบข่าวก็ทยอยออกจากศูนย์การค้าจนลดน้อยลง คงเหลือแต่ชาวต่างชาติที่ยังคงนั่งทานข้าวอย่างปกติ
ผมออกมาตรงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ราวสองทุ่มกว่าๆ ได้ ผู้คนแออัดอย่างมาก ที่ทางเดินเชื่อมลอยฟ้าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ลด์ได้ถูกปิดประตูเหลือช่องให้เดินออกจากทางห้างเข้าสู่สถานีเพียงด้านเดียว ส่วนสามแยกเฉลิมเผ่าหน้าห้างสรรพสินค้า ตำรวจได้ปิดเส้นทางการจราจรทั้ง ๒ ฝั่ง โดยบังคับให้รถเลี้ยวเข้าถนนอังรีดูนังต์เท่านั้น หลายศูนย์การค้าอาทิ สยามสแควร์วัน เริ่มปิดทำการ ส่วนบนสถานีนี้ผมสังเกตว่ามีชาวต่างชาติ จำนวนที่น่าจะเท่าๆ กับคนไทยยืนต่อแถวรอซื้อตั๋วจนแน่นขนัด
ภาพเหตุการณ์และความเป็นจริงปรากฏว่า นี่คือการวินาศกรรมอย่างชัดแจ้ง ผมได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองว่า "พังแล้ว เศรษฐกิจบ้านเรา" จากเดิมที่ทรุดหนักเพราะขาดกำลังซื้อทั้งในประเทศและการส่งออก แต่การท่องเที่ยวก็ยังพอบรรเทาวิกฤติของรัฐ .... แต่นี่กลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของใครก็ไม่รู้ ที่เจาะจงเลือก ๑ ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย
แน่นอนว่า หลายชาติต่างเตือนภัยพลเมืองของตนเองในการเข้ามายังเมืองหลวงของประเทศ ในหลายระดับตั้งแต่ให้รับรู้ว่ามีเหตุ ให้ดูแลตัวเอง ไม่ให้ไปในจุดที่เสี่ยง จนไปถึงเตือนให้ทบทวนการเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ
หลังเหตุการณ์หลายคนที่ไปย่านสยามสแควร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเล่าให้ผมฟัง บอกหลายห้างนี่แทบร้างกันเลยทีเดียว คนไม่กล้ามาเที่ยว ก็คาดว่ายังคง “ผวา” อยู่ ยิ่งมีเหตุระเบิดป่วนเมืองซ้ำ ๒ บริเวณท่าเรือสะพานตากสิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แต่ก็ทำให้คนกรุง ไปไหนก็ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เหลียวซ้าย แลขวา จากเดิมที่มองแต่จอบนโทรศัพท์มือถือ ก็ต้องมาสังเกตสิ่งต้องสงสัยรอบกายให้มากขึ้น
ส่วนต่างชาติจำนวนประชากรนักท่องเที่ยวในละแวก ข้าวสาร บางลำพู ถนนพระอาทิตย์ ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนอาจจะบอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินเช่นนั้น นี่อาจจะเป็นเพราะช่วงโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวจึงไม่มาก แต่ก็ต้องยอมรับความจริงกันว่า มันกระทบจริงๆ นะ ต่อจากนี้ก็คงได้เห็นกันมากขึ้น ทั้งกรุ๊ปทัวร์ โดยเฉพาะชาวจีน ที่ยังแหยงๆ ไม่กล้าเข้ามายังประเทศไทย
สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นจากรัฐบาลก็คือมาตรการตั้งด่านตรวจค้นกันทั่วประเทศ แน่นอนว่า ในมุมหนึ่งก็เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดและเครือข่าย แต่อีกด้านก็คงหวังสร้างภาพให้เกิดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยให้แก่ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว หรืออย่างที่ กรุงเทพมหานคร เข้ามาเคลียร์พื้นที่ทำความสะอาดบริเวณจุดเกิดเหตุ แล้วเปิดให้บริการสักการะศาลพระพรหมได้ภายในไม่กี่วัน จนดูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นก็เพื่อสร้างภาพทางจิตวิทยาให้ดูเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ... แม้ว่าจะถูกการตั้งข้อสงสัยในหมู่ปุถุชนออนไลน์ว่า พี่จะรีบไปไหน หลักฐานตำรวจเขาเก็บเสร็จหมดแล้วหรือ? ...
เอาล่ะครับ มันผ่านไปแล้ว
ทีนี้ เราในฐานะพลเมืองจะช่วยกันกู้การท่องเที่ยว หัวใจแห่งเศรษฐกิจ ณ เวลานี้ ได้อย่างไร เพราะหวังลำพังเพียงแค่ให้คนในชาติจับจ่ายใช้สอยนี่ก็ดูจะไม่ง่ายเต็มที สังเกตได้จากการค้าขายที่ชาวบ้านบ่นๆ กันเป็นแถบๆ จนบางคนถึงกับนำธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาท ที่เก็บสะสมเป็นที่ระลึกมาใช้กันเป็นเงินสดกันเลยทีเดียว ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งก็ไม่คึกคักเท่าที่ควร แม้จะจัดโปรโมชั่น จริงบ้าง หลอกบ้าง แต่ก็กระตุ้นไม่ค่อยจะได้ผล
บางคนก็ว่ามีความหวังบังเกิดหลังคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาคุมเศรษฐกิจเต็มตัว ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็คงอีกนานกว่าจะเห็นผล ... สำหรับผมความหวังเดียวที่ยังพอเหลือได้ก็คงจะเป็นการท่องเที่ยวของต่างชาติเนี่ยล่ะ
จริงอยู่ หลายคนบอกว่า การที่เราใช้ชีวิตแบบปกติ ก็ช่วยให้นักท่องเที่ยวเขาดูมั่นใจว่าปลอดภัย แต่นั่นก็แค่ในบ้านเราครับ เราต้องทำให้คนที่ไม่เคย หรือไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบ้านเรา เขารับทราบ และได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ด้วยวิธีง่ายๆ ผ่านทางการโพสต์ภาพ และข้อมูลย่อ ลงบนเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ทวิตเตอร์ หรือ อินสตาแกรม แล้วติดแท็กเป็นภาษาอังกฤษ เช่น #Thailand แล้วตามด้วยชื่อจังหวัด อำเภอ คุณลักษณะ เช่น วัด,โบราณสถาน #temple #thaitemple สวนสาธารณะ,อุทยานแห่งชาติ #park #thainuturalpark อาหารไทย #thaifood ของหวาน #thaidessert และอื่นๆ อีกมากมาย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ แต่ผมว่าเป็นโอกาสของคนทุกจังหวัดที่จะได้โชว์ของดีให้ต่างชาติเขาได้เห็น ผ่านทางสังคมออนไลน์ต่างๆ เผื่อเขาชอบ เขาก็จะตามสืบจากแท็กไปเสิร์ชหาข้อมูลต่อ
และที่สำคัญเราต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดีแก่นักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยด้วยกันและต่างชาติ เขาถามทางก็บอกด้วยความเป็นมิตร ให้คำแนะนำอย่างถูกต้องเท่าที่ทำได้ ไม่หลอกขายสินค้า บริการ ในราคาที่แพงกว่าคนไทย เพราะคิดว่าเป็นฝรั่ง ต่างชาติ มีเงินมากกว่า ,พวกหลอกขายสินค้า หรือพวกรถสาธารณะบางประเภทพาอ้อมแล้วคิดราคาเหมาจ่าย ไม่เป็นธรรมบ้าง อันนี้ต้องเตือนอย่างหนัก เดี๋ยวนี้บางคนแกล้งโง่ก็มี อย่าทำเป็นเล่นไป ทางที่ดีไม่ควรทำครับ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเองก็ควรใช้วิกฤตินี้มาเป็นโอกาสจัดการกับพวกฉ้อฉลเสียเลยก็คงจะดี
ถ้าจะให้ดีกว่านี้อีกหน่อย ก็คือใครมีกำลังทรัพย์ก็ช่วยกันจับจ่ายใช้สอย ชาวบ้าน ร้านค้า ขนาดกลางและย่อม ให้เขาได้พอจะมีเงินนำไปใช้จ่ายใช้หนี้กันบ้าง ก็คงจะกระตุ้นเศรษฐกิจกันได้ไม่น้อย
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ... ตำรวจจะต้องจับกุมผู้ก่อเหตุมาให้ได้ ความเชื่อมั่นทั้งหมดจากประเทศต่างๆ จะกลับมาอย่างเร็วพลันแน่ๆ ... แต่... พอฟังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อ ๒๓ ส.ค. ที่บอกว่า "ถ้าโชคดีก็จับได้" แล้ว ...
ผมนี่ก็ไม่รู้จะไปฝากความหวังกับใครดีล่ะครับ