กรณีตำรวจจับตำรวจเป็นเรื่องราวที่มีสีสันเงื่อนปมเกี่ยวข้องครบองค์ประกอบวัตถุดิบอันโอชะของขบวนการขยายผล เอาแค่ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนหลังจากที่มีข่าวศาลอนุมัติหมายจับและข่าวผู้กำกับหนุ่มเสียชีวิตกะทันหันก็เริ่มปรากฏมีคลิปวิเคราะห์ มีการโพสต์ข้อความในเฟซ และการปล่อยเนื้อหาที่อ้างว่าเป็นจดหมายที่ผู้กำกับหนุ่มเขียนก่อนเสียชีวิตเผยแพร่สู่สาธารณะ
IO /จิตวิทยาข่าวสารแบบรู้แล้วเหยียบไว้ที่กำลังเริ่มปฏิบัติจะชักจูงให้คนรับสารคล้อยตาม เชื่อตามทฤษฎีที่ฝ่ายตนสร้างจากต้นธารของเรื่องที่อึมครึมมาก่อนเป็นปฐม เรื่องราวของบ่อนพระรามเก้าแอบอ้างเบื้องสูงเป็นลักษณะของเรื่องลึกลับมาก่อนล่วงหน้าแล้ว...ใครเอะอะอะไรแค่เอานิ้วชี้แตะปาก จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ...ยิ่งมาถึงชั้นนี้มีเหตุปลดออก ให้ข่าวตอนแรกจะทำงานใหญ่ ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายจับ มีการตาย ฯลฯ ....เป็นการต่อยอดความลึกลับซับซ้อนจากต้นธารให้ขยายไปอีก
เนื้อหาที่ปรากฏเป็นคนละเรื่อง-คนละธีมกับที่รัฐบาลและฝ่ายตำรวจนำเสนอและมีการเผยแพร่ไปไวด้วยเพราะเรื่องแบบนี้สอดรับกับวิถีชาวบ้าน เพราะอะไรที่ดูเหมือนลึกลับคนเขายิ่งอยากรู้กัน
มันเป็นชุดเรื่องราวคนละเรื่องสวนทางกับชุดข่าวสารของรัฐบาลไปคนละทางอย่างชัดเจน
ผมไม่รู้ว่าจดหมายก่อนตายของผู้กำกับที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ขณะนี้เป็นของจริงหรือไม่ ถ้าหากเป็นของปลอมขึ้นมาหลอกลวงคนถือว่าคนทำเก่งที่ยกประเด็นสิ่งละอันพันละน้อยจากเรื่องใหญ่สุดมาถึงเรื่องเล็กสุดโน้มน้าวความเชื่อของผู้อ่าน(ประชาชน)ให้คล้อยตามไปกลายเป็นคณะตำรวจที่ถูกจับถูกกลั่นแกล้งที่แท้เป็นฝ่ายจงรักภักดีแล้วก็มีเหตุขัดแย้งระหว่างข้าราชการลามไปถึงเรื่องที่ใหญ่กว่า ถ้าเป็นการปลอมขึ้นจริงนี่เป็นปฏิบัติการจิตวิทยาข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจมาก
สังคมไทยเป็นสังคมกระซิบ ไม่ค่อยพูดเรื่องจริงกันในวงเปิดเผยมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ระดับชุมชนถึงระดับรัฐบาล ธรรมชาติของสังคมไทยให้น้ำหนักกับการกระซิบ “รู้แล้วเหยียบไว้นะ” มากกว่าถ้อยแถลงทางการหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์หรือจอทีวี ดังนั้นเรื่องราวประเภทพงศาวดารกระซิบมันไปเร็วครับ ยิ่งเป็นเรื่องพัวพันลากเอาสถาบันเจ้าๆ นายๆ เข้ามาเกี่ยวด้วยยิ่งไปเร็ว
ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลได้กระทำมาตลอดหลายวันมีส่วนให้ข่าวกระซิบไปเร็วขึ้น การโกหกนิดหน่อยคิดว่าไม่มีอะไรมากที่แท้อาจจะส่งผลร้ายมากกว่าที่คาด เพราะสังคมคลางแคลงกับชุดข้อมูลฝ่ายตน หันไปเชื่อชุดข้อมูลของอีกฝ่าย(ซึ่งที่แท้ก็ยกเมฆปั้นน้ำเสียยิ่งกว่า) ก็ได้
หากรัฐบาลแก้ลำไม่ทันอาจจะเพลี่ยงพล้ำตกเป็นฝ่ายตั้งรับในสมรภูมิข่าวสารในไม่ช้านอกเสียจากเร่งทำประเด็นอึมครึมให้กระจ่างชัดเจนโดยเร็วป้องกันการแอบอ้างสวมตอแล้วลากไปสู่เรื่องใหม่ที่สร้างขึ้น
ก็พยายามจะเข้าใจตำรวจนะครับ...ตำรวจอาจจะคิดในแง่ของการปกป้องพระเกียรติยศฯ ที่ถูกแอบอ้างหรือคิดว่าอยากจะทำเรื่องนี้แบบเงียบๆ เพราะล้วนเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ดังนั้นเรื่องราวที่ค่อยๆ ปล่อยออกมาให้ประชาชน/สาธารณะรับทราบจึงเริ่มจากออกข่าวลวง คุมตัวสอบสวนแต่ไม่ออกข่าวจนกระทั่งมีเหตุการณ์ตายขึ้นมาจนกระทั่งเมื่อมีหมายศาลก็ต้องเป็นเรื่องสาธารณะไป
นับจากเช้าวันที่ 23 พ.ย.เริ่มมีการให้ข่าวเต็มตัวเช่นเปิดเผยภาพถ่าย การให้ข่าวโดยใช้แหล่งข่าวอธิบายเพิ่มเติมจากคำแถลงของโฆษก และการชี้ประเด็นข้อหากระทำผิดฯลฯ แต่ก็ยังไม่พอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าวันที่ 23 ส่วนใหญ่ยังเป็นความลับชวนสงสัยอยู่ดี
ตำรวจพยายามจะนำเสนอว่าต้องการรักษาพระเกียรติยศที่มีการแอบอ้างไปหาประโยชน์และผู้ต้องหาเหล่านี้ก็ทำผิดจริงมีทรัพย์สินเงินทองในครอบครองเป็นพันหมื่นล้าน แต่ก็นั่นล่ะครับหากเรื่องราวที่คนยังฉงนสงสัยเป็นเงื่อนปมอยู่ไม่ได้รับการคลี่คลาย ยกตัวอย่างเช่น ผู้กำกับหนุ่มตายที่ไหน หลังจากนั้นมีวิธีปฏิบัติอย่างไรไปจนถึงการตัดสินใจเผาโดยเร็ว ฯลฯ ข้อสงสัยที่ไม่ได้คลี่คลายเหล่านี้ก็จะยังเป็นดาบที่ย้อนกลับไปฟาดฟันทำลายความน่าเชื่อถือของชุดข้อมูลของฝ่ายรัฐบาลและให้น้ำหนักเชื่อถือข้อมูลของฝ่ายตรงกันข้ามอยู่ดี
โดยส่วนตัวของผมนะครับ...ผมไม่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดของบรรดาอดีตแกนนำแดงหรืออดีตคอมมิวนิสต์เก่าที่พยายามโหมกระแสข่าวสารเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูงมาตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว ฟังคลิปหรืออ่านจากเพจที่พยายามวิเคราะห์ลากโยงเหตุตำรวจจับตำรวจให้เป็นการเมืองระดับสูงมันก็แค่ความพยายามเชื่อมโยง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อข้อมูลที่ฝ่ายรัฐนำเสนอออกมาทั้งหมด 100% นะครับ
สารภาพก็ได้ว่าตอนนี้ยังมีสภาพมึนกับข้อมูลขาดๆ วิ่นๆ ทั้งเท็จและจริงปนเปกันไปหมด แม้จะมีอาชีพเป็นนักข่าวแต่ก็ไม่ได้ทำข่าวสายตำรวจไม่ได้ใกล้ชิดแวดวงสีกากีมีแหล่งข่าวที่พอยืนยันให้น้ำหนักอะไรได้
ผมก็เหมือนกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี่แหละ...เจอทางโน้นดอกมาทางนี้ดอกสวนกันเห็นๆ ฝ่ายหนึ่งยังบอกไม่หมด อีกฝ่ายบอกมาอีกคนละเรื่องเดียวกัน...ก็งงสิครับ @@!$
ประชาชนนั้นเป็นเหยื่อของสงครามข่าวสารและจิตวิทยาการข่าวมาแทบทุกยุคสมัย สังคมไหนที่ขาดความสว่างอึมครึมไม่ชัดเจนมักจะเป็นเป้าโจมตีของ IO จากทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายรัฐหรือฝ่ายต่อต้านรัฐ.
IO /จิตวิทยาข่าวสารแบบรู้แล้วเหยียบไว้ที่กำลังเริ่มปฏิบัติจะชักจูงให้คนรับสารคล้อยตาม เชื่อตามทฤษฎีที่ฝ่ายตนสร้างจากต้นธารของเรื่องที่อึมครึมมาก่อนเป็นปฐม เรื่องราวของบ่อนพระรามเก้าแอบอ้างเบื้องสูงเป็นลักษณะของเรื่องลึกลับมาก่อนล่วงหน้าแล้ว...ใครเอะอะอะไรแค่เอานิ้วชี้แตะปาก จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ...ยิ่งมาถึงชั้นนี้มีเหตุปลดออก ให้ข่าวตอนแรกจะทำงานใหญ่ ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมายจับ มีการตาย ฯลฯ ....เป็นการต่อยอดความลึกลับซับซ้อนจากต้นธารให้ขยายไปอีก
เนื้อหาที่ปรากฏเป็นคนละเรื่อง-คนละธีมกับที่รัฐบาลและฝ่ายตำรวจนำเสนอและมีการเผยแพร่ไปไวด้วยเพราะเรื่องแบบนี้สอดรับกับวิถีชาวบ้าน เพราะอะไรที่ดูเหมือนลึกลับคนเขายิ่งอยากรู้กัน
มันเป็นชุดเรื่องราวคนละเรื่องสวนทางกับชุดข่าวสารของรัฐบาลไปคนละทางอย่างชัดเจน
ผมไม่รู้ว่าจดหมายก่อนตายของผู้กำกับที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ขณะนี้เป็นของจริงหรือไม่ ถ้าหากเป็นของปลอมขึ้นมาหลอกลวงคนถือว่าคนทำเก่งที่ยกประเด็นสิ่งละอันพันละน้อยจากเรื่องใหญ่สุดมาถึงเรื่องเล็กสุดโน้มน้าวความเชื่อของผู้อ่าน(ประชาชน)ให้คล้อยตามไปกลายเป็นคณะตำรวจที่ถูกจับถูกกลั่นแกล้งที่แท้เป็นฝ่ายจงรักภักดีแล้วก็มีเหตุขัดแย้งระหว่างข้าราชการลามไปถึงเรื่องที่ใหญ่กว่า ถ้าเป็นการปลอมขึ้นจริงนี่เป็นปฏิบัติการจิตวิทยาข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจมาก
สังคมไทยเป็นสังคมกระซิบ ไม่ค่อยพูดเรื่องจริงกันในวงเปิดเผยมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ระดับชุมชนถึงระดับรัฐบาล ธรรมชาติของสังคมไทยให้น้ำหนักกับการกระซิบ “รู้แล้วเหยียบไว้นะ” มากกว่าถ้อยแถลงทางการหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์หรือจอทีวี ดังนั้นเรื่องราวประเภทพงศาวดารกระซิบมันไปเร็วครับ ยิ่งเป็นเรื่องพัวพันลากเอาสถาบันเจ้าๆ นายๆ เข้ามาเกี่ยวด้วยยิ่งไปเร็ว
ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลได้กระทำมาตลอดหลายวันมีส่วนให้ข่าวกระซิบไปเร็วขึ้น การโกหกนิดหน่อยคิดว่าไม่มีอะไรมากที่แท้อาจจะส่งผลร้ายมากกว่าที่คาด เพราะสังคมคลางแคลงกับชุดข้อมูลฝ่ายตน หันไปเชื่อชุดข้อมูลของอีกฝ่าย(ซึ่งที่แท้ก็ยกเมฆปั้นน้ำเสียยิ่งกว่า) ก็ได้
หากรัฐบาลแก้ลำไม่ทันอาจจะเพลี่ยงพล้ำตกเป็นฝ่ายตั้งรับในสมรภูมิข่าวสารในไม่ช้านอกเสียจากเร่งทำประเด็นอึมครึมให้กระจ่างชัดเจนโดยเร็วป้องกันการแอบอ้างสวมตอแล้วลากไปสู่เรื่องใหม่ที่สร้างขึ้น
ก็พยายามจะเข้าใจตำรวจนะครับ...ตำรวจอาจจะคิดในแง่ของการปกป้องพระเกียรติยศฯ ที่ถูกแอบอ้างหรือคิดว่าอยากจะทำเรื่องนี้แบบเงียบๆ เพราะล้วนเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ดังนั้นเรื่องราวที่ค่อยๆ ปล่อยออกมาให้ประชาชน/สาธารณะรับทราบจึงเริ่มจากออกข่าวลวง คุมตัวสอบสวนแต่ไม่ออกข่าวจนกระทั่งมีเหตุการณ์ตายขึ้นมาจนกระทั่งเมื่อมีหมายศาลก็ต้องเป็นเรื่องสาธารณะไป
นับจากเช้าวันที่ 23 พ.ย.เริ่มมีการให้ข่าวเต็มตัวเช่นเปิดเผยภาพถ่าย การให้ข่าวโดยใช้แหล่งข่าวอธิบายเพิ่มเติมจากคำแถลงของโฆษก และการชี้ประเด็นข้อหากระทำผิดฯลฯ แต่ก็ยังไม่พอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าวันที่ 23 ส่วนใหญ่ยังเป็นความลับชวนสงสัยอยู่ดี
ตำรวจพยายามจะนำเสนอว่าต้องการรักษาพระเกียรติยศที่มีการแอบอ้างไปหาประโยชน์และผู้ต้องหาเหล่านี้ก็ทำผิดจริงมีทรัพย์สินเงินทองในครอบครองเป็นพันหมื่นล้าน แต่ก็นั่นล่ะครับหากเรื่องราวที่คนยังฉงนสงสัยเป็นเงื่อนปมอยู่ไม่ได้รับการคลี่คลาย ยกตัวอย่างเช่น ผู้กำกับหนุ่มตายที่ไหน หลังจากนั้นมีวิธีปฏิบัติอย่างไรไปจนถึงการตัดสินใจเผาโดยเร็ว ฯลฯ ข้อสงสัยที่ไม่ได้คลี่คลายเหล่านี้ก็จะยังเป็นดาบที่ย้อนกลับไปฟาดฟันทำลายความน่าเชื่อถือของชุดข้อมูลของฝ่ายรัฐบาลและให้น้ำหนักเชื่อถือข้อมูลของฝ่ายตรงกันข้ามอยู่ดี
โดยส่วนตัวของผมนะครับ...ผมไม่เชื่อทฤษฎีสมคบคิดของบรรดาอดีตแกนนำแดงหรืออดีตคอมมิวนิสต์เก่าที่พยายามโหมกระแสข่าวสารเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูงมาตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว ฟังคลิปหรืออ่านจากเพจที่พยายามวิเคราะห์ลากโยงเหตุตำรวจจับตำรวจให้เป็นการเมืองระดับสูงมันก็แค่ความพยายามเชื่อมโยง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อข้อมูลที่ฝ่ายรัฐนำเสนอออกมาทั้งหมด 100% นะครับ
สารภาพก็ได้ว่าตอนนี้ยังมีสภาพมึนกับข้อมูลขาดๆ วิ่นๆ ทั้งเท็จและจริงปนเปกันไปหมด แม้จะมีอาชีพเป็นนักข่าวแต่ก็ไม่ได้ทำข่าวสายตำรวจไม่ได้ใกล้ชิดแวดวงสีกากีมีแหล่งข่าวที่พอยืนยันให้น้ำหนักอะไรได้
ผมก็เหมือนกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี่แหละ...เจอทางโน้นดอกมาทางนี้ดอกสวนกันเห็นๆ ฝ่ายหนึ่งยังบอกไม่หมด อีกฝ่ายบอกมาอีกคนละเรื่องเดียวกัน...ก็งงสิครับ @@!$
ประชาชนนั้นเป็นเหยื่อของสงครามข่าวสารและจิตวิทยาการข่าวมาแทบทุกยุคสมัย สังคมไหนที่ขาดความสว่างอึมครึมไม่ชัดเจนมักจะเป็นเป้าโจมตีของ IO จากทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายรัฐหรือฝ่ายต่อต้านรัฐ.
