สัปดาห์หน้า ก็จะถึงเส้นตายช่อง 3 ที่เราคุ้นเคยกันมาเป็น 40 ปี อาจจะประสบภาวะ “จอดำ” แล้ว ตามมติ กสทช.ที่ออกมาก่อนหน้านี้
หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ และคิดว่าช่อง 3 จะถูกปิดสถานี ก็ขออธิบายไว้คร่าวๆ ตรงนี้ว่า ปัจจุบันโทรทัศน์ในประเทศไทยถือว่ามีสองระบบ คือ Analog และ Digital (ยังไม่นับดาวเทียมและเคเบิลทีวีก่อนตอนนี้) Analog คือทีวีแบบเดิม ดูกับเสาหนวดกุ้ง อาศัยโทรทัศน์จูนสัญญาณ ภาพออกมาก็เป็นระบบเก่าสัดส่วนแบบทีวีจอแคบ 4 : 3 ระบบเสียงได้อย่างมากก็ Stereo ส่วนระบบ Digital นั้นก็คล้ายๆ ระบบคอมพิวเตอร์ คือส่งสัญญาณแบบ Digital 1 กับ 0 แล้วตัวรับ ซึ่งมีอยู่ในโทรทัศน์รุ่นใหม่ๆ หรือกล่องถอดรหัสที่เขาจะแจกคูปองส่วนลดกันเร็วๆ นี้ ต้องไปถอดรหัสเป็นภาพและเสียง ส่งภาพระบบจอกว้าง 16:9 ตามสัดส่วนทีวีรุ่นปัจจุบัน ที่เป็น LCD Plusma หรือ LED สัญญาณภาพมีตั้งแต่ความละเอียดสูงถึงระดับ HD 1080p และ SD 480p พร้อมเสียง Dolby digital ก็ยังได้ หากจะส่งมา
มีการประมูลออกอากาศแบบ Digital กันไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีผู้ประกอบการเข้ามาในวงการอีก 7 ราย ช่องทีวีในระบบดิจิตอลมีเพิ่มขึ้นมารวม 20 กว่าช่อง
ส่วนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ก็จะเป็นอีกระบบหนึ่ง ที่ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมบ้าง สายเคเบิลบ้าง (ยังมีอยู่กับบ้านที่ติด UBC รุ่นเก่า) โดยเป็นสัญญาณ Digital เหมือนกัน แต่เป็นอีกระบบที่เข้ารหัสมา จะรับได้เฉพาะกล่องสัญญาณที่ตรงกันเท่านั้น ซึ่งเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมพวกนี้ก็จะมีการเอา “ช่องฟรีทีวี” มาทวนสัญญาณใหม่ แล้วส่งมาทางดาวเทียมหรือเคเบิลเหล่านี้ด้วย
ประกาศ กสทช.ก็มีผลตรงนี้แหละว่า หลังจากวันที่ 28 นี้เป็นต้นไป ช่อง 3 Analog จะพ้นจากความเป็นโทรทัศน์ประเภท Must carry หรือที่ให้รับชมได้เป็นการทั่วไปแล้ว ผลของมันจะทำให้เคเบิลทีวีต่างๆ และโทรทัศน์ดาวเทียม ไม่สามารถนำช่อง 3 พ่วงเข้าเป็นช่อง “แถมฟรี” ไปในสัญญาณของกล่องหรือเคเบิลได้อีกตามประกาศ กสทช.ซึ่งหากฝ่าฝืน มีโทษปรับวันละ 20,000 บาทหรือหากฝ่าฝืนต่อไปถึงยึดใบอนุญาต
ช่องอื่นนั้นไม่มีปัญหา เพราะออกอากาศแบบคู่ขนานไปแล้วในระบบ Digital ส่วนช่อง 3 นั้นถึงประมูลระบบ Digital มาได้ แต่ก็ไม่นำรายการจากช่อง 3 เดิมไปออก ใช้วิธีตั้งนิติบุคคลใหม่ จัดทำรายการเป็นช่องใหม่แทน และออกอากาศช่อง 3 เดิมแบบ Analog ต่อไป
ปัญหาเรื่องช่อง 3 จอดับ ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่ระบบ TV Digital แต่เนื่องจากในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ไม่มีใครเขาใช้เสาหนวดกุ้ง หรือเสาติดหลังคาบ้านดูโทรทัศน์กันแล้ว ด้วยคุณภาพของสัญญาณที่ต่ำ คนส่วนใหญ่จะดูทีวีผ่านระบบดาวเทียมหรือเคเบิลกัน
เมื่อ กสทช.สั่งห้ามเคเบิลทีวี เอาช่อง 3 เดิมๆ ไปรวมส่งขึ้นดาวเทียม ช่อง 3 ก็เดือดร้อนเพราะเท่ากับผู้ชมจะหายไปเกินครึ่งแน่ๆ ปัญหาว่าทำไมช่อง 3 ไม่ยอมออกอากาศคู่ขนานแบบช่องอื่น ช่อง 3 ก็อ้างว่า ช่อง 3 ในโทรทัศน์สองระบบ เป็นคนละบริษัท คนละนิติบุคคลกัน แต่อันนี้ไม่ต้องคนในวงการ เราๆ ท่านๆ ก็ดูออกว่าผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นก็เป็นชุดเดียวกลุ่มดียวกันนั่นแหละ เป็นเรื่องทางเทคนิค
นี่คือเหลี่ยมคูทางกฎหมาย และเทคนิควิธีที่ทั้งสองฝ่าย คือ กสทช. และช่อง 3 เล่นแง่กัน ส่วนบรรดาแฟนๆ ช่อง 3 ก็รอลุ้นกันไปว่าอาทิตย์หน้าจะได้ดูช่อง 3 กันต่อไปหรือไม่ อย่างไร จุดเด่นของช่อง 3 คือมีรายการระดับแม่เหล็กอยู่เยอะ ผลประโยชน์จากวงการโฆษณาก็มาก ทั้งรายการข่าวสรยุทธที่เป็นเหมือนช่องบังคับสำหรับร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือเต็นท์ขายข้าวแกงตอนเช้าๆ ไปดูได้ที่ไหนก็จะเปิดแต่สรยุทธ นอกจากนั้นก็อย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว ว่าทั้งละคร หรือกระทั่งการประกวดร้องเพลง The Voice ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก
แต่เอาเข้าจริง แม้ในที่สุดจะคลี่คลายด้วยดี ช่อง 3 ยอมปรับตัวเข้าสู่ระบบ Digital เต็มรูปแบบ ก็ใช่ว่าวงการทีวีดิจิตอลจะเฟื่องฟูง่ายๆ เพราะแม้ในทางเทคนิค เขาจะบอกว่า ทีวีดิจิตอลดูอย่างไรก็ชัด เพราะส่งสัญญาณมาเป็นระบบ Digital ที่ไม่เสียคุณภาพ แต่ถ้าใครซื้อกล่องมาทดลองจริงๆ จะพบว่า มันก็รับจริงไม่ได้ทุกช่อง และขึ้นกับเสาอากาศ กับสัญญาณที่ผ่านบ้านท่านอยู่เหมือนระบบ Analog นั่นแหละ คือถ้าสัญญาณมาไม่ดี ภาพก็จะกระตุก แต่เป็นโมเสก เสียงหยุดค้าง เหมือนเวลาที่ดู DVD จากแผ่นที่เสีย อ่านข้อมูลได้ไม่ครบนั่นแหละครับ
กับตอนนี้โลกอาจจะเปลี่ยนไปไกลกว่าการเยื้อแย่งต่อสู้เรื่องระบบทีวีกันแล้ว เพราะความต้องการของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปมากแล้วในยุค Internet
รูปแบบการรับชมโทรทัศน์อาจจะกำลังเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ Internet TV ราคาแทบไม่ต่างจาก TV ระบบธรรมดาเลย หรือบางคนก็ใช้ทีวีธรรมดานั่นแหละ แล้วซื้อพวก Android box มาติด แทบจะเปลี่ยนโทรทัศน์เป็นคอมพิวเตอร์ได้เลย อยากดูรายการไหนเมื่อไรก็ดูได้ เลือกชมได้จาก Youtube และ Application อื่นๆ ไม่ต้องผูกติดกับตารางเวลาของทางสถานีอีกต่อไป โดยเฉพาะรายการอย่างละคร หรือแม้แต่ประกวดร้องเพลง The Voice อาจจะไม่ทันดูสดๆ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็มีให้ดูจนครบ ผ่าน Youtube นี่แหละ ไม่มีโฆษณาคั่นด้วย
จะเสียเปรียบหน่อย ก็ตรงรายการบางอย่างนั้นต้องดูสดเท่านั้น เช่น ข่าว หรือถ่ายทอดกีฬา แต่ถ้าเอาเข้าจริง โทรทัศน์ที่มีระบบ Smart TV หรือ Android ก็มี Application ให้ดูทีวีแบบฟรีทีวีสดๆ ได้เหมือนกัน หลายคนก็ใช้วิธีนั้น เรียกว่าไม่เสียโอกาสอะไรเลย
โทรทัศน์ที่บ้านผมเครื่องหนึ่งก็ไม่มีจูนเนอร์ใดๆ ไม่ว่าจะอนาลอกหรือดิจิตอลหรือกล่องดาวเทียม เรียกว่ารับได้แต่สัญญาณ Internet Wifi ก็ดูกันได้มาเป็นปีไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย
ผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันกำลังดูโทรทัศน์กันด้วยวิธีนี้ ส่วน TV Digital ที่เชื่อกันว่าจะเป็นอนาคตใหม่ ก็อาจจะไม่ได้ฉลุยโชติช่วงชัชวาลอย่างที่คิดก็ได้ เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวมีกระแสว่า ฟองสบู่ใกล้แตกแล้วเหมือนกัน เพราะผู้เล่นเพิ่มขึ้น แต่คนดูเท่าเดิมแถมเริ่มลงเพราะเดี๋ยวนี้คนไปหาความบันเทิงผ่านทางโทรศัพท์มือถือ Social Network และ Gadget ต่างๆ ใครมีเพื่อนในวงการคงทราบกันว่าหลายช่องเริ่มขอลดคน ให้คนออกโดยสมัครใจ หรือผู้บริหารบางช่องก็เริ่มรู้สึกว่า เลือดไหลออกมากกว่าไหลเข้า เป็นอย่างนี้ยืนระยะไม่ได้ จึงมองกันว่า ถ้าช่อง 3 เช้ามาสู่ตลาด Digital เต็มตัว สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ช่อง 3 ก็ไม่อยากทิ้งที่มั่นตัวเองที่แทบไม่เหลือตัวแข่งแล้วเหมือนกัน
อาทิตย์หน้า ต่อให้ช่อง 3 เดิมๆ อาจจะจอดับไป ผู้ชมทางบ้านและแฟนๆ รายการอาจจะตื่นเต้น โวยวายกันบ้างสัก 3 วัน 5 วัน แต่เดี๋ยวเขาก็จะไปต่อกันได้เอง เช่น อาจจะเริ่มหากันว่า มี App ไหนที่จะดูละครได้ครบทุกเรื่อง หรือดูรายการข่าวสรยุทธ หรือดู The Voice สดๆ ได้บ้าง.
หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ และคิดว่าช่อง 3 จะถูกปิดสถานี ก็ขออธิบายไว้คร่าวๆ ตรงนี้ว่า ปัจจุบันโทรทัศน์ในประเทศไทยถือว่ามีสองระบบ คือ Analog และ Digital (ยังไม่นับดาวเทียมและเคเบิลทีวีก่อนตอนนี้) Analog คือทีวีแบบเดิม ดูกับเสาหนวดกุ้ง อาศัยโทรทัศน์จูนสัญญาณ ภาพออกมาก็เป็นระบบเก่าสัดส่วนแบบทีวีจอแคบ 4 : 3 ระบบเสียงได้อย่างมากก็ Stereo ส่วนระบบ Digital นั้นก็คล้ายๆ ระบบคอมพิวเตอร์ คือส่งสัญญาณแบบ Digital 1 กับ 0 แล้วตัวรับ ซึ่งมีอยู่ในโทรทัศน์รุ่นใหม่ๆ หรือกล่องถอดรหัสที่เขาจะแจกคูปองส่วนลดกันเร็วๆ นี้ ต้องไปถอดรหัสเป็นภาพและเสียง ส่งภาพระบบจอกว้าง 16:9 ตามสัดส่วนทีวีรุ่นปัจจุบัน ที่เป็น LCD Plusma หรือ LED สัญญาณภาพมีตั้งแต่ความละเอียดสูงถึงระดับ HD 1080p และ SD 480p พร้อมเสียง Dolby digital ก็ยังได้ หากจะส่งมา
มีการประมูลออกอากาศแบบ Digital กันไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีผู้ประกอบการเข้ามาในวงการอีก 7 ราย ช่องทีวีในระบบดิจิตอลมีเพิ่มขึ้นมารวม 20 กว่าช่อง
ส่วนทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวี ก็จะเป็นอีกระบบหนึ่ง ที่ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมบ้าง สายเคเบิลบ้าง (ยังมีอยู่กับบ้านที่ติด UBC รุ่นเก่า) โดยเป็นสัญญาณ Digital เหมือนกัน แต่เป็นอีกระบบที่เข้ารหัสมา จะรับได้เฉพาะกล่องสัญญาณที่ตรงกันเท่านั้น ซึ่งเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมพวกนี้ก็จะมีการเอา “ช่องฟรีทีวี” มาทวนสัญญาณใหม่ แล้วส่งมาทางดาวเทียมหรือเคเบิลเหล่านี้ด้วย
ประกาศ กสทช.ก็มีผลตรงนี้แหละว่า หลังจากวันที่ 28 นี้เป็นต้นไป ช่อง 3 Analog จะพ้นจากความเป็นโทรทัศน์ประเภท Must carry หรือที่ให้รับชมได้เป็นการทั่วไปแล้ว ผลของมันจะทำให้เคเบิลทีวีต่างๆ และโทรทัศน์ดาวเทียม ไม่สามารถนำช่อง 3 พ่วงเข้าเป็นช่อง “แถมฟรี” ไปในสัญญาณของกล่องหรือเคเบิลได้อีกตามประกาศ กสทช.ซึ่งหากฝ่าฝืน มีโทษปรับวันละ 20,000 บาทหรือหากฝ่าฝืนต่อไปถึงยึดใบอนุญาต
ช่องอื่นนั้นไม่มีปัญหา เพราะออกอากาศแบบคู่ขนานไปแล้วในระบบ Digital ส่วนช่อง 3 นั้นถึงประมูลระบบ Digital มาได้ แต่ก็ไม่นำรายการจากช่อง 3 เดิมไปออก ใช้วิธีตั้งนิติบุคคลใหม่ จัดทำรายการเป็นช่องใหม่แทน และออกอากาศช่อง 3 เดิมแบบ Analog ต่อไป
ปัญหาเรื่องช่อง 3 จอดับ ประเด็นหลักไม่ได้อยู่ที่ระบบ TV Digital แต่เนื่องจากในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ไม่มีใครเขาใช้เสาหนวดกุ้ง หรือเสาติดหลังคาบ้านดูโทรทัศน์กันแล้ว ด้วยคุณภาพของสัญญาณที่ต่ำ คนส่วนใหญ่จะดูทีวีผ่านระบบดาวเทียมหรือเคเบิลกัน
เมื่อ กสทช.สั่งห้ามเคเบิลทีวี เอาช่อง 3 เดิมๆ ไปรวมส่งขึ้นดาวเทียม ช่อง 3 ก็เดือดร้อนเพราะเท่ากับผู้ชมจะหายไปเกินครึ่งแน่ๆ ปัญหาว่าทำไมช่อง 3 ไม่ยอมออกอากาศคู่ขนานแบบช่องอื่น ช่อง 3 ก็อ้างว่า ช่อง 3 ในโทรทัศน์สองระบบ เป็นคนละบริษัท คนละนิติบุคคลกัน แต่อันนี้ไม่ต้องคนในวงการ เราๆ ท่านๆ ก็ดูออกว่าผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นก็เป็นชุดเดียวกลุ่มดียวกันนั่นแหละ เป็นเรื่องทางเทคนิค
นี่คือเหลี่ยมคูทางกฎหมาย และเทคนิควิธีที่ทั้งสองฝ่าย คือ กสทช. และช่อง 3 เล่นแง่กัน ส่วนบรรดาแฟนๆ ช่อง 3 ก็รอลุ้นกันไปว่าอาทิตย์หน้าจะได้ดูช่อง 3 กันต่อไปหรือไม่ อย่างไร จุดเด่นของช่อง 3 คือมีรายการระดับแม่เหล็กอยู่เยอะ ผลประโยชน์จากวงการโฆษณาก็มาก ทั้งรายการข่าวสรยุทธที่เป็นเหมือนช่องบังคับสำหรับร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือเต็นท์ขายข้าวแกงตอนเช้าๆ ไปดูได้ที่ไหนก็จะเปิดแต่สรยุทธ นอกจากนั้นก็อย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว ว่าทั้งละคร หรือกระทั่งการประกวดร้องเพลง The Voice ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก
แต่เอาเข้าจริง แม้ในที่สุดจะคลี่คลายด้วยดี ช่อง 3 ยอมปรับตัวเข้าสู่ระบบ Digital เต็มรูปแบบ ก็ใช่ว่าวงการทีวีดิจิตอลจะเฟื่องฟูง่ายๆ เพราะแม้ในทางเทคนิค เขาจะบอกว่า ทีวีดิจิตอลดูอย่างไรก็ชัด เพราะส่งสัญญาณมาเป็นระบบ Digital ที่ไม่เสียคุณภาพ แต่ถ้าใครซื้อกล่องมาทดลองจริงๆ จะพบว่า มันก็รับจริงไม่ได้ทุกช่อง และขึ้นกับเสาอากาศ กับสัญญาณที่ผ่านบ้านท่านอยู่เหมือนระบบ Analog นั่นแหละ คือถ้าสัญญาณมาไม่ดี ภาพก็จะกระตุก แต่เป็นโมเสก เสียงหยุดค้าง เหมือนเวลาที่ดู DVD จากแผ่นที่เสีย อ่านข้อมูลได้ไม่ครบนั่นแหละครับ
กับตอนนี้โลกอาจจะเปลี่ยนไปไกลกว่าการเยื้อแย่งต่อสู้เรื่องระบบทีวีกันแล้ว เพราะความต้องการของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปมากแล้วในยุค Internet
รูปแบบการรับชมโทรทัศน์อาจจะกำลังเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ Internet TV ราคาแทบไม่ต่างจาก TV ระบบธรรมดาเลย หรือบางคนก็ใช้ทีวีธรรมดานั่นแหละ แล้วซื้อพวก Android box มาติด แทบจะเปลี่ยนโทรทัศน์เป็นคอมพิวเตอร์ได้เลย อยากดูรายการไหนเมื่อไรก็ดูได้ เลือกชมได้จาก Youtube และ Application อื่นๆ ไม่ต้องผูกติดกับตารางเวลาของทางสถานีอีกต่อไป โดยเฉพาะรายการอย่างละคร หรือแม้แต่ประกวดร้องเพลง The Voice อาจจะไม่ทันดูสดๆ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็มีให้ดูจนครบ ผ่าน Youtube นี่แหละ ไม่มีโฆษณาคั่นด้วย
จะเสียเปรียบหน่อย ก็ตรงรายการบางอย่างนั้นต้องดูสดเท่านั้น เช่น ข่าว หรือถ่ายทอดกีฬา แต่ถ้าเอาเข้าจริง โทรทัศน์ที่มีระบบ Smart TV หรือ Android ก็มี Application ให้ดูทีวีแบบฟรีทีวีสดๆ ได้เหมือนกัน หลายคนก็ใช้วิธีนั้น เรียกว่าไม่เสียโอกาสอะไรเลย
โทรทัศน์ที่บ้านผมเครื่องหนึ่งก็ไม่มีจูนเนอร์ใดๆ ไม่ว่าจะอนาลอกหรือดิจิตอลหรือกล่องดาวเทียม เรียกว่ารับได้แต่สัญญาณ Internet Wifi ก็ดูกันได้มาเป็นปีไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย
ผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันกำลังดูโทรทัศน์กันด้วยวิธีนี้ ส่วน TV Digital ที่เชื่อกันว่าจะเป็นอนาคตใหม่ ก็อาจจะไม่ได้ฉลุยโชติช่วงชัชวาลอย่างที่คิดก็ได้ เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีข่าวมีกระแสว่า ฟองสบู่ใกล้แตกแล้วเหมือนกัน เพราะผู้เล่นเพิ่มขึ้น แต่คนดูเท่าเดิมแถมเริ่มลงเพราะเดี๋ยวนี้คนไปหาความบันเทิงผ่านทางโทรศัพท์มือถือ Social Network และ Gadget ต่างๆ ใครมีเพื่อนในวงการคงทราบกันว่าหลายช่องเริ่มขอลดคน ให้คนออกโดยสมัครใจ หรือผู้บริหารบางช่องก็เริ่มรู้สึกว่า เลือดไหลออกมากกว่าไหลเข้า เป็นอย่างนี้ยืนระยะไม่ได้ จึงมองกันว่า ถ้าช่อง 3 เช้ามาสู่ตลาด Digital เต็มตัว สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ช่อง 3 ก็ไม่อยากทิ้งที่มั่นตัวเองที่แทบไม่เหลือตัวแข่งแล้วเหมือนกัน
อาทิตย์หน้า ต่อให้ช่อง 3 เดิมๆ อาจจะจอดับไป ผู้ชมทางบ้านและแฟนๆ รายการอาจจะตื่นเต้น โวยวายกันบ้างสัก 3 วัน 5 วัน แต่เดี๋ยวเขาก็จะไปต่อกันได้เอง เช่น อาจจะเริ่มหากันว่า มี App ไหนที่จะดูละครได้ครบทุกเรื่อง หรือดูรายการข่าวสรยุทธ หรือดู The Voice สดๆ ได้บ้าง.