นับเป็นเวลายาวนานกว่า หกสิบวันแล้วที่เอเอสมีวีโดนคำสั่งให้ให้หยุดการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ และทีมงานทุกส่วนของสถานีได้รับผลกระทบ คงไม่ต้องลงรายละเอียด เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันอยู่แล้ว
หลังจากผ่านมรสุมมาหลายครั้ง คราวนี้ เอเอสทีวีก็เจอกับมรสุมครั้งใหม่ และครั้งนี้อาการน่าเป็นห่วงกว่าเดิมมากๆ เพราะคราวก่อนที่ว่าหนักๆ เราก็ยังออกอากาศได้ แต่คราวนี้ออกอากาศไม่ได้ จะทำการระดมทุน จะจัดงาน ก็ถูก คสช. เบรคอีก จะเอาของไปเดินขายก็โดนโจมตีมากมาย
ทำไรก็โดนโจมตีไปเสียหมด ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คสช. มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 108/2557 เรื่องการตักเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้าม โดยระบุว่าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 253 วันที่ 26 ก.ค.- 1 ส.ค. 2557 ตีพิมพ์ข้อความหลายเรื่องด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของ คสช. โดยในชั้นนี้เห็นสมควรตักเตือนผู้เขียนบทความ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวหากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. เป็นต้นมา และส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายด้วยนอกจากนี้ยังสั่งให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้นเป็นสมาชิกดำเนินการสอบ สวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพต่อบุคคลเหล่านั้น แล้วรายงานผลการดำเนินการให้ คสช. ทราบโดยเร็ว
ครับ คสช.ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า ข้อความไหน อะไรบ้างที่เป็นเท็จ ทั้งเอเอสทีวีผู้จัดการ และท่านผู้อ่านยังงงกันอยู่ว่าตรงไหน ต้องระบุให้ชัดเจนละครับ
เอเอสทีวีไม่ใช่สื่อที่มีทุนใหญ่ หรือการเมืองหนุนหลัง สายป่านเราไม่ยาวเท่าคนอื่น แต่เราไม่เคยท้อแท้ งานนี้จะว่าไปเราก็เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
เพราะวิกฤติครั้งนี้ทำให้เราได้รู้และเห็นน้ำใจของพี่น้องประชาชนมากมายที่อยากให้ช่องเราอยู่ต่อ แม้บางคนจะออกมาโจมตีเราว่าดราม่าบ้างละว่าสร้างภาพ อาศัยความสงสารของคนมาหารายได้
สิ่งที่เราทำคือการดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน สื่อแบบเราสำหรับบางคนเราควรจะปิดตัวลง เพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถหากินกับผลประโยชน์ชาติต่อไปได้
สื่ออย่างเราเพราะไม่มีทุนหนุนหลังเราถึงกล้าพูดกล้าวิจารณ์กว่าใครๆ นี่ละมั้งที่ทำให้คนบางคนหรือบางกลุ่มไม่ชอบใจเอาเสียเลย จนถึงตอนนี้เราไม่รู้ว่าเมื่อไรเอเอสทีวีจะได้ออกอากาศ วิกฤติคราวนี้จะจบยังไง แต่ผมก็มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ด้วยกัน เวลาแบบนี้สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะเป็นการให้กำลังใจกันเอง.ว่าพวกเราต้องสู้ๆ เราลำบาก็ลำบากด้วยกันถ้าสบายก็สบายด้วยกัน
ยามลำบากจึงพิสูจน์มิตรแท้ คงไม่มีพนักงานที่ไหนที่มีคุณป้าคุณอามาช่วยกันหุงข้าวทำอาหารให้ทานฟรี เหมือนอย่างพนนักงานเอเอสทีวี แถมอาหารอร่อยเสียด้วยซีครับ คิดอีกด้านก็น่าดีใจนะตรับ เอาอาหารมาให้แล้วยังเอาเงินมาบริจาค คุณป้าบางท่าน เอาเงินมาบริจาคให้เอเอสทีวีแล้ว เจอพนักงานเด็กอย่างพวกผม ยังยัดใส่มือเหมือนให้ลูกหลาน บอกให้เก็บไว้ใช้ด้วยความเป็นห่วง ก็ต้องขออนุญาตหยอดลงกล่องนะครับ องค์กรเราต้องเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าเรื่องอื่น เราต้องช่วยกันตามคำโบราณที่ว่าสามัคคี คือพลัง
หวังว่ารอบนี้เราจะผ่านมันไปได้อีกครั้งหนึ่ง และแน่นอนว่าต้องขอบคุณทุกๆความห่วงใย ทุกๆธารน้ำใจจากทุกคนที่อยากให้เอเอสทีวีอยู่ต่อไป
หลังจากผ่านมรสุมมาหลายครั้ง คราวนี้ เอเอสทีวีก็เจอกับมรสุมครั้งใหม่ และครั้งนี้อาการน่าเป็นห่วงกว่าเดิมมากๆ เพราะคราวก่อนที่ว่าหนักๆ เราก็ยังออกอากาศได้ แต่คราวนี้ออกอากาศไม่ได้ จะทำการระดมทุน จะจัดงาน ก็ถูก คสช. เบรคอีก จะเอาของไปเดินขายก็โดนโจมตีมากมาย
ทำไรก็โดนโจมตีไปเสียหมด ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คสช. มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 108/2557 เรื่องการตักเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้าม โดยระบุว่าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 253 วันที่ 26 ก.ค.- 1 ส.ค. 2557 ตีพิมพ์ข้อความหลายเรื่องด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของ คสช. โดยในชั้นนี้เห็นสมควรตักเตือนผู้เขียนบทความ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวหากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. เป็นต้นมา และส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายด้วยนอกจากนี้ยังสั่งให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้นเป็นสมาชิกดำเนินการสอบ สวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพต่อบุคคลเหล่านั้น แล้วรายงานผลการดำเนินการให้ คสช. ทราบโดยเร็ว
ครับ คสช.ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า ข้อความไหน อะไรบ้างที่เป็นเท็จ ทั้งเอเอสทีวีผู้จัดการ และท่านผู้อ่านยังงงกันอยู่ว่าตรงไหน ต้องระบุให้ชัดเจนละครับ
เอเอสทีวีไม่ใช่สื่อที่มีทุนใหญ่ หรือการเมืองหนุนหลัง สายป่านเราไม่ยาวเท่าคนอื่น แต่เราไม่เคยท้อแท้ งานนี้จะว่าไปเราก็เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส
เพราะวิกฤติครั้งนี้ทำให้เราได้รู้และเห็นน้ำใจของพี่น้องประชาชนมากมายที่อยากให้ช่องเราอยู่ต่อ แม้บางคนจะออกมาโจมตีเราว่าดราม่าบ้างละว่าสร้างภาพ อาศัยความสงสารของคนมาหารายได้
สิ่งที่เราทำคือการดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน สื่อแบบเราสำหรับบางคนเราควรจะปิดตัวลง เพื่อให้คนเหล่านั้นสามารถหากินกับผลประโยชน์ชาติต่อไปได้
สื่ออย่างเราเพราะไม่มีทุนหนุนหลังเราถึงกล้าพูดกล้าวิจารณ์กว่าใครๆ นี่ละมั้งที่ทำให้คนบางคนหรือบางกลุ่มไม่ชอบใจเอาเสียเลย จนถึงตอนนี้เราไม่รู้ว่าเมื่อไรเอเอสทีวีจะได้ออกอากาศ วิกฤติคราวนี้จะจบยังไง แต่ผมก็มั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้ด้วยกัน เวลาแบบนี้สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะเป็นการให้กำลังใจกันเอง.ว่าพวกเราต้องสู้ๆ เราลำบาก็ลำบากด้วยกันถ้าสบายก็สบายด้วยกัน
ยามลำบากจึงพิสูจน์มิตรแท้ คงไม่มีพนักงานที่ไหนที่มีคุณป้าคุณอามาช่วยกันหุงข้าวทำอาหารให้ทานฟรี เหมือนอย่างพนนักงานเอเอสทีวี แถมอาหารอร่อยเสียด้วยซีครับ คิดอีกด้านก็น่าดีใจนะตรับ เอาอาหารมาให้แล้วยังเอาเงินมาบริจาค คุณป้าบางท่าน เอาเงินมาบริจาคให้เอเอสทีวีแล้ว เจอพนักงานเด็กอย่างพวกผม ยังยัดใส่มือเหมือนให้ลูกหลาน บอกให้เก็บไว้ใช้ด้วยความเป็นห่วง ก็ต้องขออนุญาตหยอดลงกล่องนะครับ องค์กรเราต้องเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าเรื่องอื่น เราต้องช่วยกันตามคำโบราณที่ว่าสามัคคี คือพลัง
หวังว่ารอบนี้เราจะผ่านมันไปได้อีกครั้งหนึ่ง และแน่นอนว่าต้องขอบคุณทุกๆความห่วงใย ทุกๆธารน้ำใจจากทุกคนที่อยากให้เอเอสทีวีอยู่ต่อไป