เหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ไฟลต์ MH17 นั้นส่งผลให้เกิดอาการนิ่งตะลึงงันกันไปทั้งโลก
สาเหตุสองประการที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกช็อก ประการแรกก็เพราะว่า เหมือนเคราะห์ร้ายได้ตามจองเวรสายการบินแห่งชาติประเทศเพื่อนบ้านของไทยแห่งนี้เสียเหลือเกิน เพียงเวลาชั่วสี่เดือนกว่าเท่านั้น ถัดจากชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยในคืนวันที่ 8 มีนาคมปีนี้ และยังไม่มีใครสามารถทราบระบุชะตากรรมที่แน่ชัดได้ แม้จนทุกวันนี้
เมื่อมีข่าวร้ายของเที่ยวบิน MH อีกครั้ง ในครั้งแรกหลายคนที่ทราบข่าว นึกว่าเป็นข่าวความคืบหน้าว่าพบซากของ MH370 ที่หายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เรื่องกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมหน้าใหม่ บทใหม่ บทเที่ยวบินใหม่ รหัส MH17 ตกลงที่ชายแดนยูเครนและรัสเซีย
เหตุช็อกโลกซ้ำสองก็ด้วยว่า เหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศ หรือความผิดพลาดของเครื่องบิน หรือสาเหตุจากมนุษย์กรณีอื่นใด แต่เป็นเพราะการถูกจรวดขีปนาวุธทำลายอากาศยานจากพื้นสู่อากาศ ที่มีอานุภาพการทำลายสูงจนสามารถสอยอากาศยานที่บินอยู่กว่าสิบกิโลเมตรจากพื้นโลกลงมาได้และน่าสลดใจซ้ำสาม เมื่อผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นนักวิจัยและนักวิชาการที่มีบทบาทในด้านการป้องกันและรักษาโรคเอดส์ ที่กำลังจะไปประชุมกันต่อที่ออสเตรเลีย
ยังไม่มีความชัดเจน หรือยังไม่อาจสรุปได้ว่า ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะถูกยิงในพื้นที่ที่ฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลยูเครนยึดครองอยู่ แต่ด้วยเทคโนโลยีของอาวุธที่สามารถใช้สอยอากาศยานที่ความสูงระดับนี้ได้นั้น ไม่น่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏ ซึ่งที่แล้วมานั้นแม้จะสามารถสอยเครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลลงมาได้ แต่ก็เป็นเครื่องบินที่มีเพดานบินต่ำกว่ามาก ส่วนจรวดขีปนาวุธที่ยิงเครื่องบินที่ชั้นความสูงระดับนี้เป็นระบบที่ใหญ่กว่า และต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกว่าในการยิง
หลากหลายความเป็นไปได้ มากมายทฤษฎีสมคบคิดถูกนำมาพยายามอธิบาย บ้างก็นำไปโยงกับการสาบสูญของ MH370 ที่ยังมีเงื่อนงำอยู่ แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่โลกกำลังต้องรับมือ คือความตึงเครียดรอบใหม่ในวิกฤตยูเครนกำลังจะเริ่มขึ้นจากการเผชิญหน้ากันทางอ้อมของฝ่ายสหรัฐอเมริกากับสหภาพยุโรปและรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีความเชื่อว่าฝ่ายกบฏนั้นได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยทางการรัสเซีย โดยฝ่ายสหรัฐฯ เองก็ออกมาให้ข่าวว่า ขีปนาวุธที่ป็นต้นเหตุแห่งความสูญเสียครั้งนี้ยิงมาจากฝ่ายกบฏที่นิยมรัสเซีย
และกระทั่งในตอนนี้ ฝ่ายทีมงานเก็บกู้ก็ไม่อาจสามารถเข้าไปเก็บศพหรือชันสูตรศพ หรือซากเครื่องบินได้อย่างเป็นอิสระ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุถูกควบคุมโดยฝ่ายกบฏ และมีการเก็บนำศพบางส่วนไปรักษาไว้เองแล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของประเทศที่เกี่ยวข้อง และอาจจะมีการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซียเพื่อบีบให้กดดันฝ่ายกบฏเปิดพื้นที่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการเก็บกู้ซากทั้งเครื่องบินและศพผู้เสียชีวิต และค้นหาสาเหตุที่แท้จริงได้
เหตุการณ์เครื่องบินโดยสารพลเรือนถูกยิงโดยอาวุธทางการทหาร ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือไม่ ก็เป็นภาพที่เลวร้ายที่ไม่น่าเกิดขึ้นแล้วในศตวรรษนี้ เป็นเหมือนฝันร้ายอีกครั้งว่า หรือโลกเราอาจจะเข้าสู่ยุคสงคราม ที่สุ่มเสี่ยงจะลุกลามเป็นสงครามโลกอีกหน นับตั้งแต่การยุติของสงครามเย็นเป็นต้นมา
ในครั้งนั้น ก็มีเครื่องบินพลเรือนถูกเครื่องบินขับไล่ของทหารยิงตกเหมือนกัน เหตุสะเทือนขวัญที่สุดครั้งหนึ่งคือสายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ เครื่องโบอิ้ง 747 เที่ยวบิน KAL 007 บินหลงเส้นทางเข้าไปในเขตห้ามบินของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น ถูกเครื่องบินขับไล่ SU15 ยิงตกลงในทะเลญี่ปุ่น คร่าชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารไปถึง 269 คน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2526 เนื่องในยุคสงครามเย็นซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ไม่ไว้วางใจกัน โดยฝ่ายรัสซียนั้นระแวงว่าเครื่องบินดังกล่าวจะเป็นเครื่องบินสอดแนมของทางสหรัฐฯ โศกนาฏกรรมครั้งนั้นเป็นที่มาของการพัฒนาเทคโนโลยีติดตามและนำร่องผ่านดาวเทียม ที่กลายมาเป็น GPS ให้ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้
ไม่มีใครรู้ได้ว่า ในที่สุดแล้ว ความขัดแย้งวิกฤตยูเครนในรอบใหม่นี้ จะแก้ไขบรรเทาลงได้หรือบานปลายลุกลามออกไปขนาดไหน หลายคนนึกหวั่นโดยเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อเรือดำน้ำอูของเยอรมนีได้จม เรือโดยสารลูซิทาเนียของอังกฤษ ใน ปี ค.ศ. 1915 ซึ่งมีชาวอเมริกันอยู่บนเรือลำดังกล่าว และชนวนนำให้สหรัฐฯ เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้ ก็มีชาวดัตช์ที่มีสัญชาติสหรัฐฯ เสียชีวิตในเที่ยวบิน MH17 ด้วยคนหนึ่งด้วย
กับทั้งในอีกส่วนหนึ่งของโลกนั้น ที่ฉนวนกาซาก็มีการสู้รบรอบใหม่ระหว่างกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์กับอิสราเอล ซึ่งล่าสุดนั้นฝ่ายปาเลสไตน์สูญเสียไปแล้วร่วม 400 กว่าศพ ส่วนทางอิสราเอลนั้นคล้ายจะสูญเสียน้อยกว่าและแทบไม่สูญเสียพลเรือนเลย แม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างหนักอยู่เหมือนกัน แต่ที่ไม่มีความเสียหายมากมายเท่า เพราะเทคโนโลยีระดับสูงป้องกันตนเอง Iron Dome ที่ป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธขนาดต่างๆ จากฝ่ายฮามาสได้ชะงัด และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติปฏิบัติการทางทหารในขณะนี้ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากชาวโลกทั่วโลกก็ตาม
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสองดินแดนของโลกช่วงนี้ และโดยเฉพาะเมื่อมีความสูญเสียเกิดขึ้นกับพลเรือนของประเทศที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ชาวโลกอยู่กันอย่างไม่ปลอดภัย เครื่องบินโดยสารต้องเปลี่ยนเส้นทางให้พ้นจากพื้นที่ความขัดแย้ง และการรักษาความปลอดภัยในสนามบินต่างๆ คงจะต้องเข้มงวดขึ้นระดับสูงสุดอีก
คล้ายว่าโลกเรากลับสู่สภาวะสงครามอีกครั้งหนึ่ง.
สาเหตุสองประการที่ทำให้ชาวโลกรู้สึกช็อก ประการแรกก็เพราะว่า เหมือนเคราะห์ร้ายได้ตามจองเวรสายการบินแห่งชาติประเทศเพื่อนบ้านของไทยแห่งนี้เสียเหลือเกิน เพียงเวลาชั่วสี่เดือนกว่าเท่านั้น ถัดจากชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยในคืนวันที่ 8 มีนาคมปีนี้ และยังไม่มีใครสามารถทราบระบุชะตากรรมที่แน่ชัดได้ แม้จนทุกวันนี้
เมื่อมีข่าวร้ายของเที่ยวบิน MH อีกครั้ง ในครั้งแรกหลายคนที่ทราบข่าว นึกว่าเป็นข่าวความคืบหน้าว่าพบซากของ MH370 ที่หายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เรื่องกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมหน้าใหม่ บทใหม่ บทเที่ยวบินใหม่ รหัส MH17 ตกลงที่ชายแดนยูเครนและรัสเซีย
เหตุช็อกโลกซ้ำสองก็ด้วยว่า เหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศ หรือความผิดพลาดของเครื่องบิน หรือสาเหตุจากมนุษย์กรณีอื่นใด แต่เป็นเพราะการถูกจรวดขีปนาวุธทำลายอากาศยานจากพื้นสู่อากาศ ที่มีอานุภาพการทำลายสูงจนสามารถสอยอากาศยานที่บินอยู่กว่าสิบกิโลเมตรจากพื้นโลกลงมาได้และน่าสลดใจซ้ำสาม เมื่อผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นนักวิจัยและนักวิชาการที่มีบทบาทในด้านการป้องกันและรักษาโรคเอดส์ ที่กำลังจะไปประชุมกันต่อที่ออสเตรเลีย
ยังไม่มีความชัดเจน หรือยังไม่อาจสรุปได้ว่า ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะถูกยิงในพื้นที่ที่ฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลยูเครนยึดครองอยู่ แต่ด้วยเทคโนโลยีของอาวุธที่สามารถใช้สอยอากาศยานที่ความสูงระดับนี้ได้นั้น ไม่น่าจะเป็นฝีมือของฝ่ายกบฏ ซึ่งที่แล้วมานั้นแม้จะสามารถสอยเครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลลงมาได้ แต่ก็เป็นเครื่องบินที่มีเพดานบินต่ำกว่ามาก ส่วนจรวดขีปนาวุธที่ยิงเครื่องบินที่ชั้นความสูงระดับนี้เป็นระบบที่ใหญ่กว่า และต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกว่าในการยิง
หลากหลายความเป็นไปได้ มากมายทฤษฎีสมคบคิดถูกนำมาพยายามอธิบาย บ้างก็นำไปโยงกับการสาบสูญของ MH370 ที่ยังมีเงื่อนงำอยู่ แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่โลกกำลังต้องรับมือ คือความตึงเครียดรอบใหม่ในวิกฤตยูเครนกำลังจะเริ่มขึ้นจากการเผชิญหน้ากันทางอ้อมของฝ่ายสหรัฐอเมริกากับสหภาพยุโรปและรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีความเชื่อว่าฝ่ายกบฏนั้นได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยทางการรัสเซีย โดยฝ่ายสหรัฐฯ เองก็ออกมาให้ข่าวว่า ขีปนาวุธที่ป็นต้นเหตุแห่งความสูญเสียครั้งนี้ยิงมาจากฝ่ายกบฏที่นิยมรัสเซีย
และกระทั่งในตอนนี้ ฝ่ายทีมงานเก็บกู้ก็ไม่อาจสามารถเข้าไปเก็บศพหรือชันสูตรศพ หรือซากเครื่องบินได้อย่างเป็นอิสระ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุถูกควบคุมโดยฝ่ายกบฏ และมีการเก็บนำศพบางส่วนไปรักษาไว้เองแล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของประเทศที่เกี่ยวข้อง และอาจจะมีการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซียเพื่อบีบให้กดดันฝ่ายกบฏเปิดพื้นที่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการเก็บกู้ซากทั้งเครื่องบินและศพผู้เสียชีวิต และค้นหาสาเหตุที่แท้จริงได้
เหตุการณ์เครื่องบินโดยสารพลเรือนถูกยิงโดยอาวุธทางการทหาร ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือไม่ ก็เป็นภาพที่เลวร้ายที่ไม่น่าเกิดขึ้นแล้วในศตวรรษนี้ เป็นเหมือนฝันร้ายอีกครั้งว่า หรือโลกเราอาจจะเข้าสู่ยุคสงคราม ที่สุ่มเสี่ยงจะลุกลามเป็นสงครามโลกอีกหน นับตั้งแต่การยุติของสงครามเย็นเป็นต้นมา
ในครั้งนั้น ก็มีเครื่องบินพลเรือนถูกเครื่องบินขับไล่ของทหารยิงตกเหมือนกัน เหตุสะเทือนขวัญที่สุดครั้งหนึ่งคือสายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ เครื่องโบอิ้ง 747 เที่ยวบิน KAL 007 บินหลงเส้นทางเข้าไปในเขตห้ามบินของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น ถูกเครื่องบินขับไล่ SU15 ยิงตกลงในทะเลญี่ปุ่น คร่าชีวิตลูกเรือและผู้โดยสารไปถึง 269 คน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2526 เนื่องในยุคสงครามเย็นซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ไม่ไว้วางใจกัน โดยฝ่ายรัสซียนั้นระแวงว่าเครื่องบินดังกล่าวจะเป็นเครื่องบินสอดแนมของทางสหรัฐฯ โศกนาฏกรรมครั้งนั้นเป็นที่มาของการพัฒนาเทคโนโลยีติดตามและนำร่องผ่านดาวเทียม ที่กลายมาเป็น GPS ให้ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้
ไม่มีใครรู้ได้ว่า ในที่สุดแล้ว ความขัดแย้งวิกฤตยูเครนในรอบใหม่นี้ จะแก้ไขบรรเทาลงได้หรือบานปลายลุกลามออกไปขนาดไหน หลายคนนึกหวั่นโดยเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อเรือดำน้ำอูของเยอรมนีได้จม เรือโดยสารลูซิทาเนียของอังกฤษ ใน ปี ค.ศ. 1915 ซึ่งมีชาวอเมริกันอยู่บนเรือลำดังกล่าว และชนวนนำให้สหรัฐฯ เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งในครั้งนี้ ก็มีชาวดัตช์ที่มีสัญชาติสหรัฐฯ เสียชีวิตในเที่ยวบิน MH17 ด้วยคนหนึ่งด้วย
กับทั้งในอีกส่วนหนึ่งของโลกนั้น ที่ฉนวนกาซาก็มีการสู้รบรอบใหม่ระหว่างกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์กับอิสราเอล ซึ่งล่าสุดนั้นฝ่ายปาเลสไตน์สูญเสียไปแล้วร่วม 400 กว่าศพ ส่วนทางอิสราเอลนั้นคล้ายจะสูญเสียน้อยกว่าและแทบไม่สูญเสียพลเรือนเลย แม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างหนักอยู่เหมือนกัน แต่ที่ไม่มีความเสียหายมากมายเท่า เพราะเทคโนโลยีระดับสูงป้องกันตนเอง Iron Dome ที่ป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธขนาดต่างๆ จากฝ่ายฮามาสได้ชะงัด และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติปฏิบัติการทางทหารในขณะนี้ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากชาวโลกทั่วโลกก็ตาม
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสองดินแดนของโลกช่วงนี้ และโดยเฉพาะเมื่อมีความสูญเสียเกิดขึ้นกับพลเรือนของประเทศที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ชาวโลกอยู่กันอย่างไม่ปลอดภัย เครื่องบินโดยสารต้องเปลี่ยนเส้นทางให้พ้นจากพื้นที่ความขัดแย้ง และการรักษาความปลอดภัยในสนามบินต่างๆ คงจะต้องเข้มงวดขึ้นระดับสูงสุดอีก
คล้ายว่าโลกเรากลับสู่สภาวะสงครามอีกครั้งหนึ่ง.