รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(9)รอยเตอร์รายงานว่า เบื้องหลังเหตุการณ์บุกโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติการาจี ปากีสถาน ที่เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์( 8)จนถึงวันจันทร์(9) กลุ่มก่อการร้ายตอลิบานในปากีสถาน(TTP)ออกมาประกาศความรับผิดชอบ และเปิดเผยว่าเป้าหมายปฎิบัติการต้องการจี้เครื่องบินโดยสาร ที่มีเครื่องบินเที่ยวบินของสายการบินไทยแอร์เวย์เป็นหนึ่งใน 2 สายการบินต่างชาติที่กำลังจอดรอรับ-ส่งผู้โดยสารที่สนามบินในขณะเกิดเหตุ
กลุ่มก่อการร้ายตอลิบานปากีสถาน(TTP) ที่ผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชนและติดอาวุธหนักพร้อมสะพายเป้ขนาดใหญ่บรรจุผลไม้แห้ง น้ำและกระสุนในการเข้าโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติการาจี ในปากีสถาน ที่เหตุเกิดเริ่มตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์(8) ไปจนถึงวันจันทร์(9) โดยรอยเตอร์ได้รายงานเมื่อวานนี้(9)ว่า ก่อการร้ายตอลิบานในปากีสถาน(TTP) ประกาศความรับผิดชอบก่อการร้ายครั้งนี้ และอ้างว่าต้องการทำเพื่อแก้แค้นที่มีการโจมตีทางอากาศในเขตอิทธิพลของทางกลุ่มติดพรมแดนอัฟกานิสถาน และ “เป้าหมายของภารกิจก่อการร้ายในเหตุโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติการาจีเพื่อ ทำลายรัฐบาลปากีสถานให้ได้มากที่สุด โจมตีฐานทัพทางทหารของปากีสถาน และจี้เครื่องบินโดยสาร” ชาฮิดุลเลาะห์ ชาห์อิด (Shahidullah Shahid) โฆษกกลุ่มตอลิบานในปากีสถาน(TTP) ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ และกล่าวเสริมว่า “นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆว่ากลุ่มของเราสามารถทำอะไรได้บ้าง และจะมีสิ่งที่เลวร้ายตามมามากกว่านี้ รัฐบาลปากีสถานควรเตรียมใจที่จะรับสภาพ”
หลังเกิดเหตุพบว่า สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายจำนวน 7 คนโดนเจ้าหน้าที่ปากีสถานยิงเสียชีวิตหลังจากร่วม 5ชั่วโมงในการดวลปืนที่ดุเดือด และอีก 3 คนเสียชีวิตจากการจุดระเบิดที่พันไว้รอบเอว โดยสรุปแล้วในเหตุการณ์บุกโจมตีสนามบินการาจีมียอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน ที่รวมกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานในปากีสถาน 10 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 26 คน ทั้งนี้ไม่มีรายงานการเสียชีวิตของผู้โดยสารแต่อย่างใด
โดยเหตุการณ์โจมตีเริ่มขึ้นในเวลา 23.00น.ในวันอาทิตย์(8) สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานพรางตัวในชุดเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบินพร้อมทั้งมีอาวุธหนักครบมือ เช่นเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และปืนไรเฟิลอัตโนมัติ โดยทางกลุ่มยิงเปิดทางเข้าไปยังตัวท่าอากาศยานหลังจากเดินทางมาถึงบริเวณเทอร์มินอลคาร์โก้ด้วยรถตู้ 2 คันที่ห่างจากบริเวณที่เครื่องบินโดยสารขึ้นลงจอดไปราว 1กม.
ทั้งนี้แหล่งข่าวตำรวจระดับสูงของปากีสถานได้เปิดเผยว่า กลุ่มก่อการร้ายตอลิบานได้นัดแนะแยกปฎิบัติการออกเป็น 2 ทาง กลุ่มแรกพุ่งเป้าโจมตีที่เกทเฟอคเกอร์ (Fokker) เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ปากีสถาน ในขณะที่อีกกลุ่มเดินหน้าบุกเทอร์มินอลคาร์โก้ที่ใช้สำหรับคาร์โก้และเที่ยวบินVIP และราจา อูมาร์ คัตตาบ(Raja Umar Khattab) เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของปากีสถานอีกคนให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “กลุ่มก่อการร้ายเมื่อบุกเข้าไปในตัวท่าอากาศยานการาจีได้สำเร็จ แล้วได้แบ่งออกเป็น2กลุ่มและเดินหน้าบุกโจมตีด้วยอาวุธหนักที่มีอยู่ในมือ “พวกเขาออกปฎิบัติการคู่ ทำให้พบศพผู้ก่อการร้ายนอนเรียงรายเป็นคู่ๆ เหมือนกับว่าทางผู้ก่อการร้ายตอลิบานได้มีแผนก่อวินาศกรรมมาแล้วอย่างดีในส่วนของพวกเขา โดยผู้ปฎิบัติการได้ยิงขีปนาวุธไปแล้ว 2 ลูกแต่ปรากฏว่าไม่โดนเครื่องบินโดยสารที่จอดอยู่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก ทั้งนี้ก่อการร้ายตอลิบานสูญเสียกำลังคนไปถึง 10 คนแต่พวกเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับท่าอากาศยานอย่างหนัก และพบว่าสมาชิกก่อการร้ายไม่ได้สวมเสื้อกั๊กติดระเบิดแต่ใช้ระเบิดที่ติดกับเข็มขัดแทน และเป็นเหตุผลทำไมว่าพวกนี้เมื่อจุดระเบิดฆ่าตัวตายแล้ว แต่ใบหน้าและท่อนบนของร่างกายยังไม่ได้รับความเสียหาย” คัตตาบให้ความเห็น
นอกจากนี้ยังพบว่า การโจมตีเริ่มต้นขึ้นใกล้กับบริเวณเทอร์มินอลผู้โดยสารแต่เมื่อทางกลุ่มเริ่มคืบหน้ากราดยิงกลับพบกับการตอบโต้อย่างหนักหน่วงจากกองกำลังปากีสถาน รวมถึงกำลังทหารพรานปากีสถาน และเหตุดวลปืนที่ยืดเยื้อยาวนานเริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มก่อการร้ายบุกเข้าไปยังบริเวณเทอร์มินอลคาร์โก้ ผู้โดยสารเครื่องบินต่างรีบอพยพออกไปสู่ที่ปลอดภัย และเที่ยวบินอื่นทั้งหมดต่างเลี่ยงไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินอื่นเนื่องจากความปลอดภัยเพราะเกิดการปะทะต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ทั้งนี้แหล่งข่าวความมั่นคงปากีสถานเปิดเผยต่อว่า “กลุ่มก่อการร้ายพลาดเป้ายิงจรวดขีปนาวุธไปยังเครื่องบินโดยสารที่จอดอยู่เพราะติดพันอยู่กับการสาดกระสุนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ปากีสถานที่ว่องไวในการตอบโต้”
และแหล่งข่าวยังเปิดเผยต่อไปว่า ดูเหมือนว่าผู้ปฎิบัติการที่ถูกส่งมาจากกลุ่มตอลิบานปากีสถานจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและสะพายเป้ขนาดใหญ่ที่บรรจุผลไม้แห้งและน้ำไว้ที่ข้างหลัง ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเตรียมพร้อมมากับการที่จะเข้ายึดสนามบินเป็นเวลานาน และยังเสริมต่อไปว่า ดูเหมือนสมาชิกก่อการร้ายสวมรองเท้ากีฬาสำหรับวิ่งเหมือนกันทุกคน ซึ่งเป็นคล้ายกับสัญลักษณ์ของกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานในปากีสถาน(TTP) รวมไปถึงไว้หนวดเครา และสะพายปืนในเครื่องแบบชุดลายพราง และรองเท้ากีฬาที่พบเห็นได้ทั่วไปในวิดีโอคลิปออนไลน์โปรโมทก่อการร้ายของทางกลุ่ม TTP
นอกจากนี้แหล่งข่าวปากีสถานยังเปิดเผยว่า “จะเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ หากกลุ่มติดอาวุธสามารถบุกฝ่าเข้าไปถึงตึกเทอร์มินอลหลักพร้อมกับจับตัวประกัน เพราะมีผู้โดยสารจำนวนอย่างน้อย 700 คน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รวมตัวอยู่ที่นั่นในช่วงเกิดเหตุ”
โดยพบว่า มีเครื่องบินโดยสาร 2 ลำของเที่ยวบินต่างประเทศจากสายการบินไทยแอร์เวย์ และสายการบินอาหรับเอมิเรตส์กำลังจอดรอรับ-ส่งผู้โดยสารอยู่ในขณะเกิดเหตุโจมตี โดยมีสายการบินต่างชาติยังคงบินมายังสนามบินนานาชาติการาจีคือ การบินไทยแอร์เวย์ การบินอาหรับเอมิเรตส์ การบินแอร์ไชน่า คาเธ่แปซิฟิกแอร์ไลน์ส ซาอุฯแอร์ไลน์ส เอทิฮัด แอร์เวย์ (Etihad Airways ) และการบินตุรกีแอร์ไลน์ส แต่เวิสเทิร์นแอร์ไลน์สของสหรัฐฯไม่มีเที่ยวบินมายังสนามบินแห่งนี้เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย สื่อเอเชีย อินชัวแรนซ์ รีวิว รายงาน
ทางด้านบริษัทการบินไทยได้ออกแถลงการณ์แจ้งหลังจากนั้นว่า ผู้โดยสารทั้งหมดของสายการบินเที่ยวบิน TG508 ปลอดภัยดี โดยสื่อไทยพีบีเอสภาคภาษาอังกฤษได้รายงานในวันนี้(10)ว่า เที่ยวบิน TG508 ของสายการบินไทยแอร์เวย์ที่ติดในสนามบินนานาชาติการาจีในช่วงเกิดเหตุบุกโจมตีได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยความปลอดภัยในเวลา 1.35 น.วันอังคาร(10) พร้อมทั้งผู้โดยสารจำนวน 296 คน ที่มีผู้โดยสารชาวไทย 3 คนรวมอยู่ในนั้น รวมถึงลูกเรือของเที่ยวบินนั้นอีก 16 คน พิมพ์รภัส วิเศษเสริม (Pimrapas Viseserm ) วัย 36ปี หนึ่งใน 3ของผู้โดยสารไทยเที่ยวบิน TG508 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เธอและผู้โดยสารคนอื่นๆกำลังอยู่ในเครื่องบินรอคอยที่จะเดินทางออกจากนครการาจี แต่ทว่ากัปตันของเครื่องไม่าสามารถนำเครื่องบินขึ้นเทคออฟได้จนกระทั่งเขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่สนามบิน และผู้โดยสารทั้งหมดถูกแนะนำให้นั่งอยู่แต่ในที่นั่งของตนเองเพื่อความปลอดภัย
และพิมพ์รภัสยังกล่าวต่อไปว่า 3ชั่วโมงหลังจากนั้นผู้โดยสารทั้งหมดถูกอพยพไปยังที่ปลอดภัยที่ได้รับการดูแลอย่างดีในเรื่องอาหารและที่พัก ซึ่งผู้โดยสารชาวไทยผู้นี้ไม่ทราบเรื่องถึงกลุ่มตอลิบานมีเป้าหมายโจมตีท่าอากาศยานการาจีเพื่อจี้เครื่องบินโดยสารพาณิชย์ และได้ใช้เครื่องยิงอาร์พีจียิงขีปนาวุธไปที่เครื่องบินที่จอดอยู่อย่างน้อย 2 ลูกแต่พลาดเป้าไป โดยเธอกล่าวว่า เดินทางไปท่องเที่ยวโอมานกับเพื่อนอีกคนเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคม และเธอได้โดยสารเครื่องบินจาก กรุงมัสกัต( Muscat) มายังสนามบินนานชาติการาจี (จินนาห์) เพื่อต่อเที่ยวบิน TG508ของบริษัทการบินไทยเดินทางกลับบ้าน
โดยรอยเตอร์เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุพบว่า บางส่วนของเทอร์มินอลได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ โดยไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ก่อการร้ายมีความตั้งใจในการวางเพลิงหรือไม่ โดยมีควันดำพวยพุ่งปรากฎเหนือฟากฟ้าในวันจันทร์(9)ซึ่งปากีสถานประกาศในอีก 10 ชั่วโมงหลังจากการต่อสู้ว่า “เหตุการณ์บุกโจมตีได้ยุติแล้ว”
และเอเอฟพีรายงานว่า เชาธรี นิซาร์ อาลี ข่าน (Chaudhry Nisar Ali Khan) รัฐมนตรีมหาดไทยปากีสถานให้สัมภาษณ์ในเย็นวันจันทร์(9)ว่า ก่อการร้ายหวังต้องการยิงขีปนาวุธทำลายเครื่องบินโดยสารที่จอดอยู่ภายในสนามบินการาจี แต่ทำไม่สำเร็จ โดยพบว่ามีเพียงเครื่องบินจำนวน 2-3ลำได้รับความเสียหายเล็กน้อย